Читать книгу ประทานพรแห่งสรรพาวุธ เล่ม 8 ในชุด วงแหวนของผู้วิเศษ - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 15
บทที่ เก้า
Оглавлениеพระนางเกว็นโดลีนทรงลดพระวรกายลงต่ำ ลดพระหนุของพระนางจากการปะทะของสายลมและหิมะ ในขณะที่ทรงมุ่งหน้าเดินทางผ่าน ทุ่งสีขาวที่ไม่มีขอบเขต โดยมีสเต็ฟเฟนอยู่เคียงข้างพระองค์ โครห์นเดินอยู่แนบพระบาท พวกเขาทั้งห้าได้เดินทางกันมาหลายชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่ข้ามผ่านหุบเขาใหญ่แล้วเข้ามาสู่ดินแดนนีเธอร์เวิล์ด พระนางเกว็นรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ทรงรู้สึกเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้อ กระเพาะของพระนางก็เจ็บปวด ความเจ็บปวดที่ชัดเจนที่ผ่านเข้ามายังเพระองค์ตอนนี้ และเป็นอยู่บ่อยๆ คือ ในขณะที่ทารกในพระครรภ์ขยับตัว มันเป็นโลกของสีขาวที่มีหิมะตกอยู่อย่างไม่ลดละ ทรงปัดมันออกจากดวงพระเนตร ดูเหมือนจะไม่มีการหยุดพักใดๆ ภายใต้ขอบฟ้า ภาพแห่งภูมิประเทศก็ดูเหมือนซ้ำซากเดิมๆ ไม่เปลี่ยน พระนางเกว็นรู้สึกราวกับว่าพระองค์ได้เดินมาจนถึงสุดขอบโลกแล้ว
มันยิ่งรู้สึกหนาวเย็นมากกว่าเดิม แม้ว่าจะมีผ้าขนสัตว์อยู่ แต่พระนางเกว็นโดลีนทรงรู้สึกว่าความหนาวเย็นได้ผ่านเข้าไปถึงกระดูกด้านในและพระหัตถ์ก็รู้สึกชา
พระองค์ทอดพระเนตรมองเห็นคนอื่นๆตัวหนาวสั่นเช่นกันทุกคนต่างต่อสู้กับความหนาวเย็นและพระองค์ก็เริ่มสงสัยว่าหากพระนางกระทำความผิดโดยการเดินทางมาที่นี่ถึงแม้ว่าอาร์กอนจะอยู่ที่นี่ แต่ ไม่มีอะไรที่เป็นจุดสนใจใดๆ ในขอบฟ้านี้เลยและพวกเขาจะตามหาอาร์กอนได้อย่างไร มันไม่มีทางสะกดรอยติดตามไปได้ ไม่เห็นซึ่งหนทางใดๆ พระนางเกว็นรู้สึกจมดิ่งอยู่กับความสิ้นหวัง ในขณะที่พระนางทรงหมดความคิดว่า พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่ใดกัน ทั้งหมดที่พระองค์ทรงทราบคือพวกเขากำลังมุ่งหน้าไกลออกมาจากหุบเขาใหญ่ และเดินทางขึ้นเหนือออกไปไกลขึ้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตามหาอาร์กอนเจอแล้ว พวกเขาจะปลดปล่อยเขาได้อย่างไร? เขาจะสามารเป็นอิสระได้หรือไม่?
พระนางรู้สึกราวกับว่าพระองค์ได้เดินทางมายังสถานที่ที่ไม่เหมาะสำหรับมนุษย์ มันเป็นที่เหนือธรรมชาติมีไว้ สำหรับพวกพ่อมดแล้วพวกดรูอิด มันมีพลังลึกลับของเวทมนตร์ที่พระองค์ทรงไม่เข้าใจ พระองค์ทรงรู้สึกราวกับว่าพระองค์ใดรุกล้ำเข้ามาที่นี่
พระนางเกว็นทรงรู้สึก ถึงความเจ็บปวดเสียดแทงขึ้นมาในช่องท้องและทรงรู้สึกว่าพระทารกบิดตัวไปมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันรุนแรง จนพระนางแทบจะหมดลมหายใจ พระองค์ทรงก้าวสะดุด ไปชั่วขณะหนึ่ง
พระองค์ทรงรู้สึกถึงมือที่เข้ามาจับบริเวณข้อพระกรที่ให้ความมั่นใจและทำให้พระนางรู้สึกมั่นคง
"ฝ่าบาท พระองค์สบายดีไหม?" สเต็ฟเฟนถามขึ้นและให้รีบเข้ามาอยู่ข้างพระนาง
พระนางเกว็นทรงปิดพระเนตรสูดหายใจลึก ดวงเนตรเปียกชื้นจากความเจ็บปวดและทรงพยักหน้ากลับไป ทรงหยุดอยู่ชั่วขณะและวางพระหัตถ์ลงตรงช่วงท้องและรอคอย เห็นได้ชัดว่าทารกในพระครรภ์ก็รู้สึกไม่มีความสุข ที่ต้องมาอยู่ที่นี่ เฉกเช่นเดียวกับพระองค์
พระนางเกว็นทรงประทับยืนอยู่ชั่วขณะ หายใจเข้าลึก จนกระทั่งความเจ็บปวดได้ผ่านพ้นไป พระนางทรงสงสัยอีกครั้งว่าทรงคิดผิดกับการเสี่ยงภัยมาที่นี่ แต่พระองค์ทรงคิดถึงธอร์และปรารถนาจะช่วยให้เขาพบกับชัยชนะ
พวกเขาต่างเริ่มเดินอีกครั้ง ในขณะที่ความเจ็บปวดได้บรรเทาลงไปแล้ว พระนางเกว็นโดลีนไม่ได้มีความกลัวเกี่ยวกับทารกเท่านั้น แต่เป็นสำหรับคนอื่นๆด้วยในสภาวะเช่นนี้พระองค์ทรงไม่ทราบว่า พวกเขาจะอยู่กันได้นานเท่าใดและทรงไม่ทราบว่าพวกเขาจะสามารถบวกกับไปได้ใน. นี้พวกเขาต้องติดอยู่มันเป็นดินแดนที่แปลกไม่คุ้นเคยที่ไม่มีแผนที่ และ มองไม่เห็นทางสิ้นสุด
ท้องฟ้าแต่งแต้มไปด้วยแสงสีม่วง ทุกอย่างทาบทาไปด้วยสีเหลืองอำพันและสีม่วง มันทำให้พระองค์ยิ่งรู้สึกหลงทิศหลงทางมันไม่มีเวลากลางวันหรือกลางคืนที่นี่ มี แต่เพียงการเดินทางอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปสู่ความเวิ้งว้างไร้สิ่งใด
อะเบอร์ธอลพูดถูกว่านี่เป็นโลกอีกโลกหนึ่งอย่างแท้จริง เป็นที่แห่งหุบเหวหิมะและความว่างเปล่า เป็นที่ที่รกร้างว่างเปล่าที่สุดที่พระองค์เคยทรงพบเห็นมา พระนางเกว็นทรงหยุดชั่วขณะเพื่อสูดลมหายใจ จนพระนางรู้สึกอบอุ่นขึ้น มีมือที่ให้ความมั่นใจวางลงบนช่วงท้องของพระองค์และทรงรู้สึกประหลาดใจกับความอบอุ่นนั้น
พระองค์ทรงหันไปเห็นอลิสแตร์ยืนอยู่เคียงข้างพระองค์ นางวางมือลงบนช่วงท้อง พร้อมกับมองมายังพระนางด้วยความกังวล
"พระองค์ทรงมากับพระบุตร" เธอกล่าวขึ้น มันเป็นเหมือนถ้อยแถลงมากกว่าคำถาม
พระนางเกว็นโดลีนทรงจ้องกลับไปที่เธอ ทรงรู้สึกตกตะลึงที่เธอรู้ โดยเฉพาะในขนาดนี้ช่วงพระอุทรของพระองค์ยังคงดูแบนราบ พระองค์ทรงไม่เหลือพละกำลังที่จะเก็บความลับนี้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงพยักหน้ารับ
อลิสแตร์พยักหน้ากลับไปอย่างรู้เท่าทัน
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” พระนางเกว็นตรัสถาม
แต่อลิสแตร์ตัง้มั่นด้วยการปิดตาหายใจเขาลึก แล้ววางฝ่ามือของนางลงบนพระอุทร ราชินีเกว็นทรงรู้สึกสบายขึ้น ทรงรู้สึกได้รับการรักษาจากความอบอุ่นที่แผ่เข้ามาสู่พระนาง
"เป็นพระบุตรที่ทรงมีพละกำลังมาก" อลิสแตร์กล่าว ในขณะที่ดวงตายังคงปิดอยู่ "ทรงกลัว แต่ไม่ได้ประชวร พระองค์จะทรงสบายดี ข้ากำลังดึงความกลัวของพระองค์ออกมา
ณ บัดนี้"
พระนางเกว็นโดลีนทรงรู้สึกถึงคลื่นแห่งแสงและความอบอุ่นที่ผ่านเข้ามาสู่พระองค์ ในไม่ช้าพระนางทรงรู้สึกว่าได้ทรงกลับมาแข็งแรงดังเดิม
พระนางเกว็นทรงรู้สึกท่วมท้นไปด้วยความซาบซึ้งใจและความรักที่มีต่ออลิสแตร์ พระนางรู้สึกใกล้ชิดกับเธอในรูปแบบที่ไม่สามารถอธิบายได้
"ถ้าไม่รู้จะขอบคุณเจ้าอย่างไรดี" พระนางเกว็นตรัส ในขณะที่ประทับยืนขึ้น ทรงรู้สึกเหมือนเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่อลิสแตร์ยกมือของเธอออก
อลิสแตร์ก้มหัวลงต่ำอย่างนอบน้อม
"มันไม่มีอะไรจะต้องขอบคุณข้าพระองค์เลย" นางตอบ "นี่คือสิ่งที่ข้าควรทำ"
"พระองค์มิได้ทรงบอกพวกเราว่า กำลังมีพระครรภ์ ฝ่าพระบาท" อะเบอร์ธอลกล่าวอย่างเคร่งขรึม "หากข้ารู้ ข้าจะไม่มีทางแนะนำให้ท่านเดินทางมานี่"
"ฝ่าบาท ข้าพระองค์ไม่รู้เรื่องนี้เลย" สเต็ฟเฟนกล่าว
พระนางเกว็นโดลีนทรงยักไหล่อย่างเสียไม่ได้ ทรงไม่ต้องการดึงความสนใจทั้งหมดมาสู่พระบุตรของพระองค์
"ใครเป็นพระบิดางั้นหรือ?" อะเบอร์ธอลถาม
พระนางเกว็นรู้สึกไม่แน่พระไทย ในขณะที่พระองค์ตรัสคำนั้นออกมา
"ธอร์กริน"
พระนางเกว็นทรงรู้สึกเหมือนถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ พระองค์ทรงรู้สึกถึงคลื่นแห่งความผิดที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อธอร์ สำหรับวิธีการกล่าวลาจาก พระนางทรงมีความรู้สึกปนเปเกี่ยวกับเชื้อสายของพระบุตร พระองค์ทรงระลึกถึงใบหน้าของแอนโดรนิคัส พร้อมกับมีอาการสั่นด้วยความกลัว
อะเบอร์ธอลพยักหน้ารับ
"เป็นเชื้อสายที่ยอดเยี่ยม" เขาตอบ "ท่านทรงมีนักรบอยู่ในนั้น"
"ฝ่าบาท ข้าขออุทิศชีวิตเพื่อปกป้องพระบุตรของท่าน" สเต็ฟเฟนกล่าว
โครห์นเดินเข้ามาเอียงหัวของเขา ซบลงบนพระอุทร พร้อมกับเลียอีกหลายครั้งและคร่ำครวญ
พระนางเกว็นทรงตื้นตันไปกับความเอื้ออารีและความอนุเคราะห์ส่งเสริม
ทันใดนั้น โครห์นก็หันไป แล้วทรงเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดซึ่งทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องตกตะลึง เขาก้าวไปข้างหน้าหลายก้าวไปอย่างหิมะที่ตกลงมายังมองไม่เห็นทางข้างหน้า ขนของเขาลุกชัน เขามองไปยังหิมะและ มองข้ามพวกเขาไป
พระนางเกว็นและคนอื่นๆต่างมองกันและกันอย่างสับสน พระนางเกว็นทรงมองหาบางสิ่งในหิมะ แต่ไม่สามารถทอดพระเนตรเห็นสิ่งใด พระองค์ทรงไม่เคยได้ยินโครห์นคำรามเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาก่อน
"มันคืออะไรหรือโครห์น?" พระองค์ตรัสถามอย่างประหม่า
โครห์นยังคงคำรามต่อไปเดินไปข้างหน้าทีละน้อยและพระนางเกว็นทรงรู้สึกระวนกระวาย ทรงลดพระหัตถ์ลงจับเข้ากับดาบสั้นที่อยู่ตรงบ้ันพระองค์ ในขณะที่คนอื่นๆ ก็ลดมือลงมาจับกับอาวุธของตนเช่นกัน
พวกเขาต่างรอคอยและเฝ้าดู
ท้ายที่สุด สิ่งที่ออกมาจากหิมะอันหนาตานั้นคือ ฝูงสัตว์ประกาศนับสิบตัว พวกมันดูน่าหวาดกลัว และเป็นสีขาวทั้งตัว ดวงตาเป็นสีเหลืองและมีสี่ขาเขี้ยวยาวสีเหลืองซึ่งมันยาวกว่าเขี้ยวของหมาป่า พวกมันมีร่างที่ใหญ่กว่าโครห์นและ แต่ละตัวมีหัวกับเคียวที่ยาวราวหนึ่งฟุต พวกมันออกมาในระดับต่ำ มาอย่างมั่นคงและปล่อยเสียงที่ดุร้ายออกมา เมื่อเข้ามาใกล้กลุ่มของพวกเขา มันก็กระจายตัวเป็นครึ่งวงกลมในวงกว้าง
"ลอร์ค" อะเบอร์ธอลกล่าวด้วยความกลัวพร้อมกับก้าวไปข้างหลัง
พระนางเกว็นโดลีนทรงได้ยินเสียงกังวานของโลหะ ขณะที่สเต็ฟเฟนกำลังชักดาบของเขาออกมา อะเบอร์ธอลฉวยไม้เท้าไว้ด้านหน้าด้วยมือทั้งสอง ในขณะที่อลิสแตร์เพียงแต่ยืนอยู่ตรงนั้น นางมองเพ่งออกไปอย่างแรงกล้า พระนางเกว็นโดลีนทรงกำดาบสั้นเอาไว้แน่น พระองค์เตรียมพร้อมที่จะสละพระชนม์ชีพเพื่อปกป้องพระบุตรแห่งพระนาง โครห์นไม่ยอมเสียเวลาจากการขู่คำรามเกรี้ยวกราด เขามุ่งหน้าเข้าปะทะเริ่มการโจมตี เขากระโดดขึ้นไปยังกลางอากาศแล้วฝังเขี้ยวของเขาลงบนลำคอของลอร์ค ถึงแม้ว่ามันจะตัวใหญ่กว่า แต่โครห์นมีความเด็ดเดี่ยวที่จะปลุกปล้ำให้มันล้มลงมา พร้อมกับคำรามใส่ เสียงของพวกมันช่างดูเกรี้ยวกราด ในขณะที่พวกมันหมุนตัวหลายครั้ง ในไม่ช้าหิมะก็เปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดง และพระนางเกว็นทรงรู้สึกโล่งพระทัยที่เห็นว่า มันคือเลือดที่มาจากตัวลอร์ค โครห์นมีชัยชนะ เขาล้มมันลงได้
ลอร์คตัวอื่นๆกระโดดเข้ามาใส่ พวกมันสองตัวกระโจนเข้ามายังโครห์นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตัวอื่นๆมุ่งหน้าเข้าจัดการพระนางเกว็นโดลีนและคนอื่นๆ
สเต็ฟเฟนวิ่งมาด้านหน้าเหวี่ยงดาบของเขาลงบนลอร์คตัวหนึ่งที่มุ่งมายังพระนางเกว็นโดลีน เขาหมายที่จะตัดหัวของมันให้ได้หนึ่งในสอง แต่นั่นก็ทำให้เขามีช่องว่างไร้การกำบัง ลอร์คอีกตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาหาเขาและฝังเขี้ยวของมันลงบนแขนของสเต็ฟเฟน สเต็ฟเฟนกรีดร้องลั่น เมื่อเลือดของเขาพุ่งออกมาเป็นสาย ในขณะที่เจ้าสัตว์ร้ายล้มเขาลงกองบนพื้น
พระนางเกว็นโดลีนทรงก้าวมาข้างหน้าด้วยดาบสั้นและทรงแทงมันลงยังด้านหลังของลอร์ค มันโก่งหลังพร้อมกับร้องลั่น มันยังคงฝังเขี้ยวชุดหนึ่งในแขนของสเต็ฟเฟนขณะที่หัวอีกอันหนึ่งหันกลับมา เพื่อเข้ากัดพระนางเกว็น การบิดตัวของมันเพียงพอที่จะทำให้สเต็ฟเฟนหลุดเป็นอิสระ และ เมื่อพระนางเกว็นล่าถอยไป ทรงถือดาบสั้นไว้ด้านหน้าด้วยพระอาการสั่นเทา สเต็ฟเฟนได้เรียกพละกำลังกลับคืนมา พร้อมกับใช้ดาบของเขาตัดหัวของมันออกทั้งสองหัว