Читать книгу คำปฏิญาณแห่งศักดิ์ศรี - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 15

บทที่ ห้า

Оглавление

เจ้าหญิงเกว็นโดลีนเสด็จไปพร้อมด้วยผู้ติดตามขบวนใหญ่ มีทั้งทหาร ที่ปรึกษา มหาดเล็ก สมาชิกสภา กองรบเงิน กองทหารยุวชน และคนอีกครึ่งหนึ่งจากราชสำนัก ขณะที่ทุกคนเดินทางไปจากราชสำนัก เป็นกลุ่มใหญ่ ราวกับเมืองที่กำลังเคลื่อนที่ เจ้าหญิงเกว็นทรงเต็มตื้นไปด้วยพระอารมณ์หลากหลาย ใจหนึ่งพระนางทรงตื่นเต้นที่เป็นอิสระจากราชากาเร็ธ พระเชษฐาได้ในที่สุด ได้ออกมาพ้นจากเงื้อมมือของพระองค์ แวดล้อมไปด้วยนักรบผู้ซื่อสัตย์ซึ่งสามารถคุ้มครองพระนางได้ และไม่ต้องเกรงกลัวเล่ห์เพทุบายของราชากาเร็ธ หรือระแวงว่าจะถูกส่งตัวไปแต่งงานกับใครอีก ในที่สุดพระนางจะไม่ต้องคอยระแวงด้านหลังเวลาที่ตื่นบรรทม กลัวว่าจะมีใครมาลอบปลงพระชนม์

เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้สึกมีกำลังใจและเจียมตัวที่ได้รับเลือกให้ปกครอง ให้นำขบวนผู้คนกลุ่มใหญ่นี้ ขบวนใหญ่ที่ติดตามพระนางราวกับทรงเป็นศาสดาอะไรสักอย่าง ทุกคนเดินไปตามถนนที่ไม่สิ้นสุด มุ่งหน้าสู่ซิเลเซีย พวกเขามองว่าพระนางเป็นเจ้าเหนือหัว และมองมาด้วยความคาดหวัง...ทรงบอกได้จากแววตาของพวกเขาทุกคน เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้สึกผิด พระนางอยากให้พี่น้องคนไหนสักคนเป็นผู้ได้รับเกียรตินี้ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่พระนาง แต่ก็ทรงเห็นว่าการมีผู้นำที่ดีและยุติธรรมให้ความหวังแก่ทุกคนมากเพียงใด และนั่นทำให้พระนางทรงมีความสุข หากเจ้าหญิงทรงสามารถทำหน้าที่นั้นเพื่อพวกเขาได้ พระนางก็จะทรงทำ โดยเฉพาะในช่วงเวลาอันมืดมนนี้

เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดถึงธอร์ คิดถึงการจากลาทั้งน้ำตาที่หุบเขาใหญ่แล้ว ทำให้พระนางใจสลาย พระนางทรงทอดพระเนตรเขาลับสายตาไป เมื่อเดินข้ามสะพานข้ามหุบเขาใหญ่ เข้าไปสู่มวลหมอก ไปสู่การเดินทางที่แทบจะแน่นอนว่าจะนำเขาไปสู่ความตาย เป็นการเดินทางที่กล้าหาญและสูงส่ง ซึ่งพระนางไม่อาจปฏิเสธเขาได้ และเป็นการเดินทางที่ต้องไปเพื่ออาณาจักร เพื่อวงแหวน แต่เจ้าหญิงก็ทรงเฝ้าถามตัวเองว่าเหตุใดจึงต้องเป็นเขา พระนางทรงปรารถนาให้เป็นคนอื่น ตอนนี้ทรงอยากให้เขามาอยู่เคียงข้างยิ่งกว่าคราใด ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่พระนางถูกทิ้งให้ปกครองอยู่เพียงลำพัง และทรงพระครรภ์ลูกของเขาอยู่ เจ้าหญิงเกว็นทรงต้องการให้เขาอยู่ที่นี่ พระนางทรงเป็นห่วงเขายิ่งกว่าสิ่งใด และไม่อาจคิดถึงชีวิตที่ต้องอยู่โดยไม่มีเขา มันทำให้ทรงอยากกรรแสง

เจ้าหญิงเกว็นทรงสูดลมหายพระทัยเข้าลึกและพยายามเข้มแข็ง ทรงรู้ว่าสายตาทุกคู่จับอยู่ที่พระนางขณะที่เดินทางไป กองคาราวานยาวเหยียดบนถนนคลุ้งฝุ่น มุ่งหน้าไปทางเหนือ สู่เมืองซิเลเซียอันห่างไกล

เจ้าหญิงเกว็นยังคงตกพระทัยที่ต้องพรากจากแผ่นดินเกิด พระนางทรงแทบไม่อยากเชื่อว่าโล่พลังงานอันเก่าแก่ได้หายไปแล้ว และหุบเขาใหญ่ถูกตีฝ่ามาได้ ข่าวลือจากสายลับในแดนไกลบอกว่าแอนโดรนิคัสได้ยกผลขึ้นบกที่ชายฝั่งของแม็คคลาวด์แล้ว พระนางทรงไม่มั่นพระทัยว่าควรจะเชื่อสิ่งใด ทรงทำใจให้เชื่อได้ยากว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วอย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรแอนโดรนิคัสก็จะส่งกองทัพเรือข้ามมหาสมุทรมาอยู่ดี เว้นเสียแต่ว่าราชาแม็คคลาวด์อยู่เบื้องหลังการขโมยดาบ และทำให้โล่พลังสลายไป แต่อย่างไรกันเล่า? เขาจัดการขโมยมันไปได้อย่างไร? เขานำมันไปที่ไหน?

เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้สึกว่าผู้คนรอบตัวผิดหวังเพียงใด ซึ่งพระนางไม่อาจโทษพวกเขาได้ ความสิ้นหวังแผ่กระจายไปทั่วขบวน เมื่อไม่มีโล่ พวกเขาก็ไม่มีที่พึ่ง ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น หากไม่ใช่วันนี้ ก็ต้องพรุ่งนี้หรือวันมะรืนที่แอนโดรนิคัสจะบุกมา และเมื่อนั้นก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะต้านทานทหารของแอนโดรนิคัสได้ ในไม่ช้าเมืองนี้ และทุกสิ่งที่พระนางทรงรักและเทิดทูนก็จะถูกทำลาย รวมถึงทุกคนที่ทรงรักก็จะต้องถูกสังหาร

ขณะที่พวกเขาเดินไป เหมือนกับกำลังเดินไปสู่ความตาย แอนโดรนิคัสไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่มันก็เหมือนถูกจับตัวไปแล้ว พระนางทรงคิดถึงสิ่งซึ่งพระบิดาเคยตรัส ชนะใจกองทัพได้ ก็ชนะศึกไปแล้ว

เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้ว่าพระนางต้องให้กำลังใจพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย มั่นใจ หรือแม้แต่มองโลกในแง่ดี พระนางตั้งพระทัยที่จะทำเช่นนั้น ทรงไม่อาจปล่อยให้ความหวาดกลัวหรือการมองโลกในแง่ร้ายของพระนางมีชัยได้ในเวลาเช่นนี้ และพระนางจะไม่ยอมหมกอยู่กับความรู้สึกเวทนาตัวเอง เรื่องนี้ไม่ใช่แค่พระนางอีกต่อไปแล้ว แต่เกี่ยวกับประชาชนเหล่านี้ ชีวิตและครอบครัวของพวกเขา พวกเขาต้องการพระนาง ทุกคนต่างต้องการความช่วยเหลือจากพระนาง

เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดถึงพระบิดาและสงสัยว่าพระองค์จะทรงทำเช่นใด มันทำให้พระนางทรงแย้มสรวลออกมาเมื่อคิดถึงพระบิดา พระองค์จะทรงแสดงพระพักตร์กล้าหาญ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะสอนพระนางอยู่เสมอให้ซ่อนความกลัวไว้ภายใต้เสียงคำราม เมื่อเจ้าหญิงทรงนึกย้อนดู พระบิดาดูจะไม่เคยหวาดกลัวเลย ไม่เลยสักครั้ง อาจจะเป็นเพียงการแสดง แต่ก็เป็นการแสดงที่ดี ในฐานะผู้นำ พระบิดาทรงรู้ว่าพระองค์จะต้องแสดงอยู่ตลอดเวลา ทรงรู้ว่าเป็นการแสดงที่ประชาชนต้องการ อาจจะต้องการมากกว่าความเป็นผู้นำเสียด้วยซ้ำ พระองค์ทรงเห็นแก่ผู้อื่นมากเกินกว่าจะพ่ายแพ้แก่ความกลัว เจ้าหญิงเกว็นทรงเรียนรู้จากพระบิดา พระนางก็จะไม่ยอมแพ้เช่นกัน

เจ้าหญิงเกว็นทอดพระเนตรดูรอบ ๆ และเห็นเจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงดำเนินอยู่เคียงข้างพระนาง โดยมีอิลเลพรา หมอยาอยู่ข้างเขา ทั้งสองกำลังสนทนากัน พระนางสังเกตว่าทั้งสองคนดูจะสนิทสนมกันมากขึ้น นับตั้งแต่ที่อิลเลพราได้ช่วยชีวิตเจ้าชายไว้ เจ้าหญิงเกว็นทรงปรารถนาให้พี่น้องคนอื่นมาอยู่ที่นี่ด้วย แต่เจ้าชายรีซเสด็จไปกับธอร์ ราชากาเร็ธนั้นแน่นอนว่าได้ไปจากชีวิตของพระนางตลอดกาลแล้ว ส่วนเจ้าชายเคนดริคยังทรงประจำการอยู่ข้างนอก ที่ไหนสักแห่งทางตะวันออก ยังคงช่วยซ่อมแซมเมืองที่อยู่ห่างไกล พระนางทรงส่งข้อความไปถึงพระองค์แล้ว เป็นสิ่งแรกที่ทรงทำ และทรงภาวนาให้มันไปถึงเชษฐาทันเวลา ให้เขาเดินทางไปพบพระนางที่ซิเลเซีย และช่วยกันปกป้องมัน อย่างน้อยที่สุดเชษฐาทั้งสองของพระนาง เจ้าชายเคนดริคและเจ้าชายก็อดฟรีย์ก็สามารถมาลี้ภัยอยู่ที่เมืองซิเลเซียกับพระนางได้ แน่นอนว่าเหลือแต่เจ้าหญิงลูอันดา เชษฐภคินีของพระนาง

เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดถึงเจ้าหญิงลูอันดาเป็นครั้งแรกหลังจากที่ผ่านมานานมาก เจ้าหญิงและพระพี่นางเป็นคู่แข่งกันอยู่บ้าง พระนางทรงไม่ประหลาดพระทัยเลยที่เจ้าหญิงลูอันดาทรงคว้าโอกาสที่จะไปจากราชสำนัก เพื่อเสกสมรสกับราชวงศ์แม็คคลาวด์ พระพี่นางทรงทะเยอะทะยานและมักจะต้องการเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ เจ้าหญิงเกว็นโดลีนทรงรักพระนาง เคยเทิดทูนพระนางเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ แต่เจ้าหญิงลูอันดาไม่เคยมีความรักตอบ พระนางทรงคิดแต่แข่งขัน หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหญิงเกว็นจึงทรงเลิกพยายาม

แต่ตอนนี้เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้สึกไม่ดีแทนพระพี่นาง ทรงสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพระนาง เมื่อพวกแม็คคลาวด์ถูกแอนโดรนิคัสบุกโจมตี พระพี่นางจะสิ้นพระชนม์ไปแล้วหรือไม่? เมื่อคิดเช่นนั้นก็ทรงตัวสั่น แม้จะทรงเป็นคู่แข่งกันแต่สุดท้ายก็ยังทรงเป็นพี่น้อง เจ้าหญิงทรงไม่อยากเห็นพระพี่นางสิ้นพระชนม์ก่อนวัยอันควร

เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดถึงพระมารดา สมาชิกในครอบครัวพระองค์เดียวที่ยังอยู่ที่นั่น ถูกทิ้งอยู่ที่ราชสำนักกับราชากาเร็ธและยังทรงประชวร เมื่อทรงคิดแล้วก็ตัวสั่น แม้จะยังทรงกริ้วพระมารดา แต่พระนางก็ไม่อยากให้พระมารดาทรงลงเอยเช่นนี้ จะเกิดอะไรขึ้นหากราชสำนักถูกโจมตี? พระมารดาจะถูกสังหารหรือไม่?

เจ้าหญิงเกว็นทรงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับชีวิตที่สร้างขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ต้องพังทลายลงรอบตัว มันเหมือนช่วงกลางฤดูร้อนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง งานพิธีเสกสมรสของลูอันดา งานเลี้ยงฉลองยิ่งใหญ่ ราชสำนักเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย พระนางและครอบครัวยังอยู่ด้วยกัน กำลังเฉลิมฉลอง และอาณาจักรวงแหวนไม่มีใครฝ่าเข้ามาได้ ดูเหมือนมันจะคงอยู่ตลอดไป

ตอนนี้ทุกสิ่งแตกกระจายเป็นเสี่ยง ไม่มีสิ่งใดเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

สายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงพัดโชยมา เจ้าหญิงเกว็นทรงกระชับฉลองพระองค์กันหนาวขนแกะสีฟ้าที่คลุม พระอังสาอยู่ให้กระชับแน่นขึ้น ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้สั้นเกินไป ฤดูหนาวมาถึงแล้ว พระนางทรงรู้สึกถึงสายลมเย็นยะเยือก ที่หนักมากขึ้นด้วยความชุ่มชื้น ขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งหน้าขึ้นเหนือเลาะเลียบไปตามหุบเขาใหญ่ ท้องฟ้าเริ่มหม่นมากขึ้น บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงใหม่ เสียงร้องของวิหคแห่งฤดูหนาว นกแร้งสีแดงดำที่บินวนอยู่ต่ำเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง พวกมันส่งเสียงร้องอยู่ตลอดเวลา เป็นเสียงที่บางครั้งทำให้เจ้าหญิงเกว็นทรงรำคาญ มันเหมือนเสียงแห่งความตายที่กำลังคืบคลานมา

นับตั้งแต่ที่ทุกคนได้บอกลาธอร์ พวกเขาก็เดินทางมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ เลียบหุบเขาใหญ่ โดยรู้ว่ามันจะพาพวกเขาไปยังซิเลเซีย เมืองที่อยู่ทางตะวันตกสุดในภาคตะวันตกของอาณาจักรวงแหวน ขณะที่พวกเขาเดินทางไป หมอกน่าขนลุกของหุบเขาใหญ่ม้วนตัวเป็นคลื่น ลอยอ้อยอิ่งอยู่ที่ข้อพระบาทของเจ้าหญิงเกว็น

“เราอยู่ไม่ไกลแล้ว เจ้าหญิง” มีเสียงทูลขึ้น

เจ้าหญิงเกว็นทรงหันมาเห็นสร็อกที่ยืนอยู่อีกข้างของพระนาง แต่งกายด้วยชุดเกราะสีแดงที่มีลักษณะเฉพาะของซิเลเซีย ขนาบด้วยนักรบของเขาหลายคน ซึ่งต่างแต่งชุดเกราะและสวมรองเท้าบู้ทสีแดง เจ้าหญิงเกว็นทรงประทับใจกับความมีน้ำใจของสร็อกที่มีต่อพระนาง ความจงรักภักดีของเขาที่มีต่อพระบิดาของพระนาง และข้อเสนอให้ทรงมาลี้ภัยที่ซิเลเซีย เจ้าหญิงเกว็นทรงไม่รู้ว่าหากไม่มีเขา พระนางและผู้คนเหล่านี้จะทำเช่นไร ตอนนี้ทุกคนอาจจะยังติดอยู่ที่ราชสำนัก รอความเมตตาของราชากาเร็ธผู้ชั่วร้าย

สร็อกเป็นขุนนางที่มีเกียรติที่สุดคนหนึ่งที่พระนางเคยพบ สร็อกมีทหารหลายพันคนในอาณัติของเขา และครอบครองป้อมปราการที่มีชื่อเสียงที่สุดของตะวันตก เขาไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ใครเลย แต่เขากลับจงรักภักดีต่อพระบิดา เป็นการคานอำนาจที่ละเอียดอ่อน ในรัชสมัยของเสด็จปู่ ซิเลเซียจำเป็นต้องพึ่งราชสำนัก แต่ในรัชสมัยของพระบิดา ความจำเป็นก็ลดน้อยลง และยิ่งในสมัยของเจ้าหญิงเกว็นแล้ว ไม่ต้องการเลยด้วยซ้ำ ที่จริงแล้วการที่โล่พลังสลายไปและมีเหตุวุ่นวายในราชสำนัก ทำให้ทุกคนต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องพึ่งซิเลเซีย

แน่นอนว่ากองรบเงินและกองทหารยุวชนเป็นนักรบที่ดีที่สุด รวมทั้งทหารหลายพันคนที่เดินทางมาพร้อมเจ้าหญิงเกว็น ซึ่งมีขนาดครึ่งหนึ่งของกองทัพหลวง สร็อกจะทำเหมือนลอร์ดคนอื่น ๆ ก็ได้ เพียงแค่ปิดประตูเมืองและดูแลคนของตัวเองเท่านั้น

แต่เขากลับตามหาพระนาง และแสดงความจงรักภักดี ทั้งยังยืนกรานที่จะต้อนรับทุกคน เป็นน้ำใจซึ่งเจ้าหญิงเกว็นทรงตั้งพระทัยที่จะตอบแทนให้ได้สักวัน หากว่าทุกคนสามารถรอดชีวิตไปได้

“ท่านไม่ต้องกังวล” พระนางตรัสอ่อนโยน พลางแตะข้อมือเขา “เราจะเดินไปจนสุดขอบโลกเพื่อไปยังเมืองของท่าน พวกเราโชคดีมากที่ได้รับน้ำใจจากท่านในเวลาทุกข์ยากเช่นนี้”

สร็อกยิ้ม นักรบวัยกลางคนผู้มีริ้วรอยบนใบหน้าจากการกรำศึก ผมสีน้ำตาลแดง สันขากรรไกรแข็งแรง และไม่มีเครา เขาเป็นชายชาตรี ที่ไม่เพียงแต่เป็นลอร์ดเท่านั้น แต่ยังเป็นนักรบที่แท้จริงด้วย

“เพื่อพระบิดาของท่าน ข้ายินดีเดินเข้ากองไฟ” เขาทูล “ไม่ต้องขอบใจข้า ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าสามารถตอบแทนพระบิดาของท่านได้ โดยการได้ถวายรับใช้แก่ธิดาของพระองค์ นอกจากนี้ยังเป็นพระประสงค์ของพระองค์ที่ให้ท่านเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ดังนั้นการที่ข้าจงรักภักดีต่อท่าน ก็เหมือนกับจงรักภักดีต่อราชาแม็คกิล”

คอล์คและบรอมเดินมาเดินตามมาใกล้เจ้าหญิงเกว็น และที่ด้านหลังพวกเขาเป็นกองทหารที่มีเสียงดังจากเดือยรองเท้านับพันคู่ เสียงดาบกระทบกับฝักดาบ เสียงโล่กระทบกับชุดเกราะ เป็นเสียงเซ็งแซ่ผสมปนเปกันที่กำลังเคลื่อนที่มุ่งหน้าไปทางเหนือเลาะเลียบไปตามขอบเหวของหุบเขาใหญ่

“ฝ่าบาท” คอล์คทูล “ข้ารู้สึกผิด เราไม่ควรปล่อยให้ธอร์ เจ้าชายรีซ และคนอื่น ๆ ไปที่จักรวรรดิตามลำพัง ควรจะมีคนอาสาไปกับพวกเขามากกว่านั้น หากมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา มันเป็นความผิดของข้าเอง”

“นั่นเป็นการเดินทางที่พวกเขาได้เลือก” เจ้าหญิงเกว็นตรัส “เป็นการเดินทางแห่งเกียรติยศ ใครก็ตามที่ถูกกำหนดให้ไป ก็ต้องไป การรู้สึกผิดไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น”

“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขานำดาบกลับมาไม่ทันเวลา?” สร็อกทูลถาม “คงไม่นานนักหรอกก่อนที่กองทัพของแอนโดรนิคัสจะมาถึงประตูเมืองของเรา”

“เช่นนั้นเราก็ควรยืนหยัดสู้” เจ้าหญิงเกว็นตรัสด้วยความมั่นพระทัย ทรงเปล่งน้ำเสียงแสดงความมั่นพระทัยมากที่สุดเท่าที่จะทรงทำได้ ทรงหวังว่าจะช่วยให้คนอื่นผ่อนคลาย พระนางทรงสังเกตเห็นแม่ทัพคนอื่น ๆ หันมามอง

“เราจะสู้จนถึงที่สุด” พระนางตรัสต่อ “จะไม่มีการถอยหนี หรือยอมแพ้”

เจ้าหญิงทรงรู้ว่าบรรดาแม่ทัพต่างประทับใจ พระนางเองก็ทรงประทับใจกับพระสุรเสียงของพระนางเอง ความเข้มแข็งปะทุขึ้นในพระวรกาย จนพระนางเองก็ทรงประหลาดพระทัย มันเป็นความเข้มแข็งของพระบิดา ของราชาแม็คกิลตลอดเจ็ดรัชสมัย

เมื่อพวกเขาเดินไปตามทางที่โค้งหักศอกไปทางซ้าย เจ้าหญิงเกว็นทรงเลี้ยวไปตามทาง แล้วก็ต้องชะงักนิ่ง ลืมหายพระทัยกับภาพที่ทรงเห็น

ซิเลเซีย

เจ้าหญิงเกว็นทรงจำได้ว่าพระบิดาเคยพาพระนางมาที่นี่ เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ เป็นสถานที่ที่อยู่ในความฝันของพระนางมานับตั้งแต่นั้น เมืองที่ดูราวกับมีเวทมนต์ ตอนนี้พระนางได้มองมันอีกครั้งในฐานะผู้ใหญ่ มันก็ยังคงทำให้ลืมหายพระทัยได้อยู่ดี

ซิเลเซียเป็นเมืองที่พิเศษที่สุดที่เจ้าหญิงเกว็นเคยทอดพระเนตร อาคารบ้านเรือน ป้อมปราการ ก้อนหินทุกก้อน ทุกสิ่งล้วนสร้างจากหินโบราณสีแดงเป็นประกาย เมืองซิเลเซียด้านบน อยู่สูง ตั้งฉากกับขอบฟ้า เต็มไปด้วยป้อมปราการและยอดแหลมของหอคอย สร้างอยู่บนแผ่นดินใหญ่ ขณะที่ตัวเมืองด้านล่างสร้างลงไปตามด้านข้างของหุบเขาใหญ่ หมอกในหุบเขาม้วนตัวลอยผ่านมาและผ่านไป โอบล้อมเมืองไว้ ทำให้เป็นประกายสีแดงระยิบระยับอยู่ในแสง และยิ่งทำให้มันดูเหมือนสร้างอยู่บนก้อนเมฆ

ป้อมปราการสูงร้อยฟุต เสียดอยู่บนเชิงเทิน มีแนวกำแพงเหยียดยาวไม่สิ้นสุดอยู่ด้านหลัง เมืองนี้คือป้อมปราการ แม้กองทัพใดจะฝ่ากำแพงเมืองเข้ามาได้ มันก็ยังคงต้องลงไปยังครึ่งล่างของเมือง ตรงลงไปตามหน้าผา และต่อสู้บนขอบเหวของหุบเขาใหญ่ เป็นศึกที่กองทัพผู้รุกรานไม่อยากจะเริ่ม นั่นจึงสาเหตุที่เมืองนี้ยืนหยัดมาได้นับพันปี

คนที่ติดตามมาต่างหยุดและอ้าปากค้าง เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้สึกว่าพวกเขารู้สึกเกรงขามด้วย

เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้สึกมองโลกในแง่ดีขึ้นมาเป็นครั้งแรก นี่คือสถานที่ที่พวกเขาจะได้อยู่ห่างไกลจากเงื้อมพระหัตถ์ของราชากาเร็ธ เป็นสถานที่ที่พวกเขาจะปกป้อง ที่ซึ่งพระนางจะได้ปกครอง และอาจจะ...แค่อาจจะ...ที่อาณาจักรแม็คกิลจะได้ผงาดขึ้นมาอีกครั้ง

สร็อกยืนนิ่ง ยกมือขึ้นเท้าสะโพก ซึมซับภาพตรงหน้าราวกับเพิ่งเห็นมันเป็นครั้งแรก ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความภาคภูมิใจ

“ขอต้อนรับสู่ซิเลเซีย”

คำปฏิญาณแห่งศักดิ์ศรี

Подняться наверх