Читать книгу คำปฏิญาณแห่งศักดิ์ศรี - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 16

บทที่ หก

Оглавление

ธอร์ลืมตาตื่นเมื่อรุ่งสาง มาเห็นคลื่นม้วนตัวเป็นระลอก ยกตัวขึ้นสูงแล้วหดกลับลงเป็นแนวยอดคลื่นขนาดใหญ่ในมหาสมุทร โอบล้อมด้วยแสงแดดอ่อนของอาทิตย์ดวงแรก ท้องน้ำสีเหลืองของทะเลทาร์ทูเวียนเป็นประกายอยู่ในหมอกยามเช้า เรือโยกตัวอยู่ในกระแสน้ำอย่างเงียบ ๆ มีเพียงเสียงคลื่นซัดกระแทกลำเรือเท่านั้น

ธอร์ลุกขึ้นนั่งแล้วมองดูรอบ ๆ ดวงตาของเขายังหรี่ปรือด้วยความเหนื่อยอ่อน ที่จริงแล้วเขาไม่เคยรู้สึกเหนื่อยล้าเท่านี้มาก่อนเลย พวกเขาแล่นเรือมาหลายวันแล้ว และทุกสิ่งที่อีกฟากโลกนี้ช่างแตกต่างไป อากาศหนาหนักด้วยความชื้น อุณหภูมิอุ่นกว่ามาก มันเหมือนกับหายใจเอาไอน้ำเข้าไป ทำให้เขารู้สึกเฉื่อยชา แขนขาหนักอึ้ง เขารู้สึกเหมือนฤดูร้อนมาถึงแล้ว

ธอร์มองดูรอบ ๆ และเห็นว่าเพื่อนทุกคนซึ่งปกติจะตื่นก่อนฟ้าสาง ยังนอนขดอยู่บนดาดฟ้าเรือ แม้แต่โครห์นซึ่งมักจะตื่นอยู่เสมอ ก็นอนหลับอยู่ข้างเขา อากาศเขตร้อนมีผลกับทุกคน ไม่มีใครสนใจจะบังคับพวงมาลัยเรืออีกแล้ว พวกเขาเลิกทำเมื่อหลายวันมาแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไร ใบเรือของพวกเขากางใบรับลมตะวันตกที่ช่วยพัดส่งอยู่ตลอด และกระแสน้ำวิเศษของมหาสมุทรแห่งนี้ก็ดันเรือของพวกเขาไปทิศทางเดียวเสมอ มันเหมือนกับพวกเขาถูกดึงไปยังจุดหมายหนึ่ง แม้พวกเขาจะพยายามหลายครั้งที่จะบังคับหรือเปลี่ยนเส้นทาง แต่มันก็เปล่าประโยชน์ ทุกคนยินยอมให้ทะเลทาร์ทูเวียนพาพวกเขาไป

ธอร์ใคร่ครวญว่าถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่รู้ทางไปจักรวรรดิอยู่ดี เขาคิดว่าตราบเท่าที่กระแสน้ำพาพวกเขาไปยังพื้นดินได้ นั่นก็ดีพอแล้ว

โครห์นลุกขึ้น ร้องคราง แล้วเอนมาเลียหน้าธอร์ ธอร์ล้วงเข้าไปในถุงที่เกือบว่างเปล่า แล้วหยิบเนื้อตากแห้งชิ้นสุดท้ายให้โครห์น แต่เขากลับต้องประหลาดใจที่มันไม่รีบงับไปจากมือเขาเหมือนเช่นเคย มันกลับมองเฉย แล้วมองดูในถุงที่ว่างเปล่า ก่อนจะหันกลับมามองธอร์อย่างมีความหมาย มันลังเลที่จะกินอาหาร ซึ่งธอร์รู้ว่าโครห์นไม่อยากเอาอาหารชิ้นสุดท้ายไปจากเขา

ธอร์ประทับใจกับอาการของมัน แต่เขายืนกรานโดยยัดเนื้อเข้าปากเพื่อนรักของเขา ธอร์รู้ว่าพวกเขาจะไม่มีอาหารในไม่ช้า และภาวนาให้ไปถึงชายฝั่ง เขาไม่รู้ว่าจะต้องเดินทางอีกนานเพียงใด ถ้ามันกินเวลาหลายเดือนเล่า? พวกเขาจะกินอะไรกัน?

ดวงอาทิตย์เคลื่อนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงแดดสาดแสงแรงกล้าเร็วเกินไป ธอร์ลุกขึ้นยืนเมื่อสายหมอกเริ่มจางหายไปจากผิวน้ำ จากนั้นจึงเดินไปที่หัวเรือ

ธอร์ยืนอยู่ตรงนั้น และมองออกไป ดาดฟ้าเรือขยับโยกเบา ๆ อยู่ใต้เท้าเขาขณะมองดูสายหมอกสลาย ธอร์กระพริบตา พลางสงสัยว่าเขากำลังเห็นบางอย่างอยู่หรือไม่ เมื่อปรากฏโครงร่างของแผ่นดินอยู่ไกล ๆ ที่เส้นขอบฟ้า ชีพจรเขาเต้นเร็วขึ้น มันคือแผ่นดิน แผ่นดินจริง ๆ!

แผ่นดินที่ปรากฏอยู่นั้นมีลักษณะที่ประหลาดมาก เหมือนแหลมแคบและยาวสองด้านโผล่ขึ้นมาในทะเล มองคล้ายปลายคราดสองด้าน และเมื่อหมอกสลายไปแล้ว ธอร์มองดูทางซ้ายและขวาก็ต้องประหลาดใจที่ได้เห็นแผ่นดินทอดยาวไปสองด้าน ๆ ละประมาณห้าสิบหลา พวกเขากำลังถูกดูดเข้าไปตรงกลางช่องปากน้ำ

ธอร์ผิวปาก เพื่อนทหารยุวชนของเขาตื่นขึ้น ทุกคนตะกายลุกขึ้นยืนแล้วรีบไปหาธอร์ ยืนออกันอยู่ที่หัวเรือ มองออกไปข้างหน้า

พวกเขายืนนิ่ง ลืมหายใจกับภาพที่เห็น เป็นชายฝั่งที่แปลกตาที่สุดที่เขาเคยเห็น มีป่าทึบอยู่หนาแน่น ต้นไม้แทงยอดสูงตลอดแนวชายฝั่ง รกแน่นจนยากที่จะมองผ่านไปได้ ธอร์มองเห็นเฟิร์นต้นใหญ่ สูงสามสิบฟุต ชะโงกอยู่เหนือผืนน้ำ ต้นไม้สีเหลืองและม่วงดูสูงเสียดฟ้า มีเสียงดังเซ็งแซ่ของสัตว์ นก แมลงและตัวอะไรที่เขาไม่รู้ ส่งเสียงคำราม ร้องและร้องเพลง

ธอร์กลืนน้ำลายหนัก เขารู้สึกราวกับกำลังเข้าไปสู่อาณาจักรสัตว์ที่เข้าถึงยาก ทุกอย่างที่นี่ให้ความรู้สึกแตกต่าง อากาศก็มีกลิ่นแปลกไป ไม่มีอะไรเตือนให้นึกถึงอาณาจักรวงแหวน เพื่อนคนอื่น ๆ หันมองหน้ากัน ธอร์เห็นแววตาลังเลของพวกเขา ทุกคนต่างสงสัยว่ามีสัตว์อะไรรอพวกเขาอยู่ภายในป่านั้น

แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก กระแสน้ำพาพวกเขามาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าสถานที่นี้เป็นที่ที่พวกเขาจะต้องขึ้นฝั่งไปสู่ดินแดนของจักรวรรดิ

“ทางนี้!” โอคอนเนอร์ตะโกน

พวกเขารีบวิ่งไปทางราวลูกกรงด้านโอคอนเนอร์ ขณะที่เขาชะโงกออกไปและชี้ลงไปในน้ำ มีแมลงขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังว่ายน้ำอยู่ที่ด้านข้างเรือ มันมีสีม่วงเรืองแสง ยาวสิบฟุต มีขานับร้อย มันเรืองรองอยู่ใต้ผิวน้ำ ก่อนจะรีบว่ายไปบนผิวน้ำ ขณะนั้นปีกเล็ก ๆ นับพันส่งเสียงกระพือ จนมันลอยขึ้นเหนือน้ำ จากนั้นจึงกลับลงไปที่ผิวน้ำ แล้วมุดลงไปใต้น้ำ ก่อนจะทำซ้ำเช่นนั้นอีกครั้ง

ขณะที่พวกเขากำลังมองดู จู่ ๆ มันก็กระโจนขึ้นสูงในอากาศ ที่ระดับสายตาของเด็กหนุ่มทุกคน บินร่อนอยู่ในอากาศ มองมาที่พวกเขาด้วยดวงตาโตสีเขียวสี่ดวง ส่งเสียงฟ่อ ทุกคนกระโดดถอยหลังอย่างไม่ตั้งใจ พลางจับดาบของตัวเอง

เอลเด็นก้าวไปข้างหน้า แล้วฟันใส่มัน แต่ดาบของเขากลับสัมผัสเพียงอากาศ มันกลับลงไปอยู่ในน้ำแล้ว

ธอร์และคนอื่น ๆ กระเด็นลอยไปบนดาดฟ้าเรือ เมื่อเรือหยุดกะทันหัน กระแทกเกยอยู่บนหาดทราย

ธอร์ใจเต้นเร็วเมื่อเขาชะโงกลงไปดู ด้านล่างเป็นชายหาดแคบ ๆ ที่เกิดจากหินขรุขระเล็ก ๆ นับพันสีม่วงสว่าง

แผ่นดิน พวกเขามาถึงในที่สุด

เอลเด็นนำไปที่สมอ พวกเขาช่วยกันยกแล้วหย่อนลงไป ทุกคนปีนลงไปตามโซ่ ก่อนจะกระโดดลงไปบนชายหาด ธอร์ส่งโครห์นให้เอลเด็นขณะที่ลงไป

ธอร์ถอนหายใจเมื่อเท้าสัมผัสพื้น มันช่างรู้สึกดีที่ได้เหยียบพื้นดิน แห้ง และมั่นคง เขาคงจะพอใจถ้าจะไม่ต้องแล่นเรือออกไปที่ไหนอีก

พวกเขาช่วยกันดึงเชือกแล้วลากเรือขึ้นมาบนหาดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เจ้าคิดว่ากระแสน้ำจะพัดมันไปไหม?” เจ้าชายรีซตรัสถาม ทอดพระเนตรดูเรือ

ธอร์มองตาม ดูเหมือนเรือจะเกยอยู่บนหาดแน่นหนาดี

“ทอดสมอแล้ว คงพัดไปไม่ได้” เอลเด็นกล่าว

“กระแสน้ำคงไม่พามันไปหรอก” โอคอนเนอร์กล่าว “คำถามคือจะมีใครเอามันไปหรือไม่”

ธอร์มองดูเรืออยู่นานเป็นครั้งสุดท้าย และรู้ว่าเพื่อนของเขาพูดถูก หากพวกเขาพบดาบ พวกเขาอาจจะกลับมาเจอชายหาดว่างเปล่า

“แล้วเช่นนั้นเราจะกลับกันอย่างไร?” คอนวอลถาม

ธอร์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับว่าทุกขั้นตอนของการเดินทาง พวกเขาได้ตัดหนทางที่จะถอยหลังกลับ

“เราคงจะหาทางได้” ธอร์บอก “ถึงอย่างไรก็น่าจะมีเรือลำอื่นในจักรวรรดิใช่ไหม?”

ธอร์พยายามที่จะทำน้ำเสียงน่าเชื่อถือ เพื่อให้ความมั่นใจแก่เพื่อน ๆ แต่ลึกลงไปเขาก็ไม่มั่นใจนัก เขารู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้เริ่มอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทุกคนหันไปยังป่า แล้วจ้องมองดู กำแพงใบไม้ และความมืดมิดด้านหลัง เสียงสัตว์ป่าดังเซ็งแซ่ขึ้นรอบตัว ดังจนธอร์ไม่ได้ยินเสียงตัวเองคิด รู้สึกเหมือนกับสัตว์ต่าง ๆ ในจักรวรรดิกำลังส่งเสียงร้องต้อนรับพวกเขา

หรืออาจจะเพื่อเตือนพวกเขา

*

ธอร์และเพื่อน ๆ เดินไปพร้อมกันอย่างระแวดระวัง ทุกคนต่างระวังตัว เดินผ่านป่าทึบเขตร้อนไป ธอร์แทบจะไม่ได้ยินเสียงตัวเองคิด เพราะเสียงร้องของแมลงและสัตว์ที่ประสานเสียงกันเซ็งแซ่อยู่รอบตัวเขา แต่เมื่อมองเข้าไปในความมืดของหมู่ไม้ เขากลับไม่เห็นพวกมัน

โครห์นเดินอยู่แทบเท้าเขา ส่งเสียงคำราม ขนบนหลังตั้งชัน ธอร์ไม่เคยเห็นมันตื่นตัวแบบนี้มาก่อน เขามองดูเพื่อน ๆ และเห็นว่าแต่ละคนก็เป็นเหมือนเขา มือจับอยู่ที่ด้ามดาบ ทุกคนต่างระวังตัวเช่นกัน

พวกเขาเดินกันมาหลายชั่วโมงแล้ว ลึกเข้าไปในป่าเรื่อย ๆ อากาศเริ่มร้อนและหนักขึ้น ชื้นมากขึ้นจนยากที่จะหายใจ ทุกคนเดินไปตามรอยที่ครั้งหนึ่งน่าจะเป็นทางเดิน รอยกิ่งไม้หักหลายแห่งบอกให้รู้ว่าเส้นทางนี้มีกลุ่มคนที่มาถึงที่นี่เคยผ่านมาแล้ว ธอร์หวังว่ามันจะเป็นทางเดียวกับที่พวกขโมยดาบใช้

ธอร์เงยหน้ามองดูธรรมชาติอันน่าเกรงขาม ทุกสิ่งดูมีขนาดใหญ่โตเกินไป ใบไม้ใหญ่ขนาดเท่าตัวเขา ธอร์รู้สึกเหมือนเป็นแมลงในดินแดนยักษ์ เขาเห็นบางอย่างส่งเสียงแกรกกรากอยู่หลังใบไม้ แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร เขารู้สึกไม่ดีว่าพวกเขากำลังถูกจับตามอง

ทางตรงหน้าสิ้นสุดลงที่กำแพงใบไม้ทึบแห่งหนึ่ง พวกเขาหยุดและมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ

“ทางมันจะหายไปเฉย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร!” โอคอนเนอร์บอกอย่างหมดหวัง

“ไม่หรอก” เจ้าชายรีซตรัส ทรงสำรวจดูกำแพงใบหม้ “ป่ามันโตกลับขึ้นมาเท่านั้นเอง”

“ถ้าอย่างนั้นเราจะไปทางไหนดีเล่าตอนนี้” คอนวอลถามขึ้น

ธอร์หันไปมองดูรอบ ๆ พลางนึกสงสัยในสิ่งเดียวกัน ทุกทิศทางมีแต่ใบไม้หนาทึบ และดูเหมือนจะไม่มีทางออก ธอร์เริ่มท้อแท้ และรู้สึกอับจนหนทางขึ้นทุกที

แต่แล้วเขาก็เกิดความคิด

“โครห์น” เขาบอกพลางคุกเข่าลง กระซิบข้างหูโครห์น “ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ มองดูให้เราที บอกเราหน่อยว่าควรจะไปทางไหน”

โครห์นเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตามีชีวิตชีวาของมัน ธอร์รู้สึกว่ามันเข้าใจที่เขาบอก

โครห์นวิ่งไปที่ต้นไม้ต้นมหึมา ลำต้นใหญ่เท่าคนสิบคน แล้วกระโจนขึ้นไปโดยไม่ลังเล มันตะกายปีนป่ายขึ้นไป ตรงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโจนไปยังกิ่งไม้ที่สูงที่สุดกิ่งหนึ่ง มันเดินไปยังปลายกิ่งแล้วมองออกไป หูตั้งชัน ธอร์รู้สึกมาตลอดว่าโครห์นเข้าใจเขา ซึ่งตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่ามันเข้าใจจริง ๆ

โครห์นหมอบและส่งเสียงครางแปลก ๆ ในลำคอ ก่อนจะรีบปีนกลับลงมาตามลำต้น แล้วกระโจนไปทางหนึ่ง เด็กหนุ่มมองหน้ากันด้วยความสงสัย ก่อนจะตามโครห์นไป มุ่งหน้าไปยังทางนั้นของป่า ใช้มือผลักใบไม้หนาให้พ้นทาง

หลังจากผ่านไปหลายนาที ธอร์รู้สึกโล่งอกที่เห็นรอยทางกลับมาอีกครั้ง กิ่งไม้และใบไม้ที่หักบอกให้รู้ว่ากลุ่มคนก่อนหน้าผ่านมาทางนี้ ธอร์ก้มลงไปตบเบา ๆ และจุมพิตโครห์นที่หัว

“ข้าไม่รู้ว่า พวกเราจะทำอย่างไรดีถ้าไม่มีมัน” เจ้าชายรีซตรัส

“ข้าก็เช่นกัน” ธอร์ทูลตอบ

โครห์นส่งเสียงครางอย่างพอใจ และภาคภูมิใจ

เมื่อพวกเขาเดินทางต่อลึกเข้าไปในป่า ตามเส้นทางคดเคี้ยว ในที่สุดก็ไปถึงแนวใบไม้แผ่ออก มีดอกไม้อยู่รอบตัวพวกเขา ดอกมหึมาขนาดเท่าตัวธอร์ เบ่งบานอยู่ทุกสีสัน ต้นไม้อื่นมีผลใหญ่ขนาดก้อนหินผาห้อยอยู่ตามกิ่งก้าน

พวกเขาหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ ขณะที่คอนวอลเดินไปหาผลไม้ผลหนึ่ง สีแดงเป็นประกาย เขายื่นมือขึ้นไปสัมผัสมัน

ทันใดนั้น มีเสียงคำรามดังขึ้น

คอนวอลขยับถอยหลัง พลางจับดาบ คนอื่นมองดูกันอย่างเป็นกังวล

“มันอะไรน่ะ?” คอนวอลถาม

“มันมาจากตรงนั้น” เจ้าชายรีซตรัส ชี้ไปยังอีกด้านของป่า

ทุกคนหันไปมอง แต่ธอร์ไม่เห็นอะไรนอกจากใบไม้ โครห์นคำรามใส่มัน

เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่หยุด จนในที่สุดกิ่งไม้ก็เริ่มส่งเสียงสวบสาบ ธอร์และคนอื่นก้าวถอยหลัง ชักดาบออกมาและรอคอยสิ่งเลวร้ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

สิ่งที่กำลังก้าวออกมาจากป่านั้นเกินความคาดหวังที่แย่ที่สุดของธอร์ แมลงตัวมหึมาที่ยืนอยู่ตรงนั้น ใหญ่กว่าธอร์ห้าเท่า ดูคล้ายตั๊กแตนตำข้าวที่ขาหลังสองขา ขาหน้าที่เล็กกว่าสองขากวัดแกว่งอยู่ในอากาศและมีก้ามยาวอยู่ที่ปลายทั้งสองข้าง ลำตัวของมันเป็นสีเขียวเรืองแสง เต็มไปด้วยเกล็ดและมีปีกเล็ก ๆ ส่งเสียงหึ่ง ๆ ในมีสองตาอยู่บนหัว และตาที่สามอยู่ที่ปลายจมูก มันขยับไปรอบ ๆ เผยให้เห็นก้ามอีกหลายอันซ่อนอยู่ใต้ลำคอ ขยับสั่นดังกึกกัก

มันยืนอยู่ตรงนั้น สูงค้ำทุกคน จู่ ๆ ก็มีก้ามอีกอันโผล่มาจากท้องของมัน เป็นแขนยาวผอมยื่นออกมา รวดเร็วเกินกว่าพวกเขาจะตอบโต้ได้ทัน มันยื่นออกมาคว้าโอคอนเนอร์ไว้ ก้ามสามอันกางออกแล้วหนีบรอบเอวเขา มันยกเขาขึ้นสูงไปบนอากาศ ราวกับเขาเป็นใบไม้สักใบ

โอคอนเนอร์เหวี่ยงดาบแต่ยังไม่เร็วพอจะฟันโดนเลย สัตว์ร้ายเขย่าตัวเขาหลายหน ทันใดนั้นมันก็อ้าปาก เห็นฟันคมเรียงกันหลายแถว มันจับโอคอนเนอร์เอียงและเริ่มหย่อนเขาลงไป

โอคอนเนอร์ร้องออกมาเมื่อวินาทีแห่งความเจ็บปวดและความตายปรากฏให้เห็น

ธอร์เริ่มลงมือโดยไม่ต้องคิด เขาหยิบลูกหินใส่หนังสติ๊ก เล็งแล้วยิงไปที่ตาดวงที่สามตรงปลายจมูกของมัน

มันเข้าเป้าอย่างจัง สัตว์ร้ายส่งเสียงร้องโหยหวน ดังพอที่จะล้มต้นไม้ลงได้ มันปล่อยตัวโอคอนเนอร์ ที่กลิ้งตกลงมากระแทกพื้นป่านุ่ม

เจ้าสัตว์ประหลาดโกรธจัด ก่อนจะหันไปหาธอร์

ธอร์รู้ว่าการปักหลักสู้กับสัตว์ตัวนี้คงไม่มีประโยชน์ เพื่อนของเขาอย่างน้อยหนึ่งคนคงจะถูกมันฆ่าตาย และอาจจะโครห์นด้วย และมันคงจะเปลืองแรงอันมีค่าของพวกเขา ธอร์รู้สึกว่าพวกเขาอาจจะไปล้ำอาณาเขตของมันเข้า หากพวกเขาสามารถหนีออกไปได้เร็วพอ มันอาจจะปล่อยพวกเขาไป

“วิ่ง!” ธอร์ตะโกน

ทุกคนหันหลังแล้ววิ่งหนี สัตว์ร้ายเริ่มไล่ตามหลังมา

ธอร์ได้ยินเสียงเล็บของมันตัดใบไม้หนาด้านหลังพวกเขา เฉือนผ่านอากาศ เฉี่ยวหัวเขาไปเพียงไม่กี่ฟุต เศษใบไม้ลอยขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะโปรยปรายลงรอบตัวเขา ทุกคนวิ่งไปพร้อมกัน ธอร์รู้สึกว่าหากพวกเขาสามารถทิ้งระยะห่างได้มากพอ พวกเขาน่าจะหาที่กำบังได้ หรือถ้าหาไม่ได้ พวกเขาก็จะปักหลักสู้

แต่ทันใดนั้นเจ้าชายรีซทรงลื่นล้มลงข้างเขา ล้มลงใส่กิ่งไม้ หน้าทิ่มใส่ใบไม้หนา ธอร์รู้ว่าพระองค์คงจะลุกขึ้นมาไม่ทันแน่ เขาจึงหยุด ชักดาบออกมา แล้วยืนขวางระหว่างเจ้าชายกับสัตว์ร้าย

“วิ่งต่อไป!” ธอร์ตะโกนข้ามไหล่ไปบอกคนอื่น ขณะที่เขาปักหลัก เตรียมพร้อมปกป้องเจ้าชายรีซ

สัตว์ร้ายพุ่งเข้าใส่เขา ส่งเสียงร้องและเหวี่ยงก้ามใส่หน้าธอร์ เขาก้มหลบแล้วเหวี่ยงดาบไปพร้อมกัน สัตว์ร้ายส่งเสียงร้องน่ากลัวเมื่อธอร์ฟันก้ามมันขาดไปข้างหนึ่ง ของเหลวสีเขียวกระจายไปทั่วตัวธอร์ เขาเงยหน้าดู ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นก้ามของเจ้าสัตว์ร้ายงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้งเร็วพอกับตอนที่โดนฟัดขาดไป ราวกับธอร์ไม่เคยทำร้ายมันเลย

ธอร์กลืนน้ำลาย มันคงจะเป็นสัตว์ที่ฆ่าไม่ตาย และตอนนี้เขาทำให้มันโกรธ

สัตว์ร้ายเหวี่ยงแขนอีกข้าง ที่ยื่นออกมาจากส่วนไหนสักแห่งบนร่างกายของมัน ฟาดเข้าใส่ซี่โครงธอร์อย่างแรง ทำให้เขาลอยไปกระแทกกับแนวต้นไม้ สัตว์ร้ายยื่นก้ามอีกอันมาหาธอร์ ซึ่งเขารู้แล้วว่าเขากำลังลำบาก

เอลเด็น โอคอนเนอร์ และคู่แฝดรีบวิ่งมา ตอนที่เจ้าแมลงยักษ์ยื่นก้ามมาหาธอร์ โอคอนเนอร์ก็ยิงลูกธนูโดนปากของมัน เสียบทะลุไปถึงหลังคอ ทำให้มันร้องเสียงดัง เอลเด็นใช้ขวานสองมือฟันใส่หลังมัน ขณะที่คอนเวนและคอนวอลขว้างหอกใส่มัน ปักเข้าที่ลำคอมันคนละข้าง เจ้าชายรีซทรงลุกขึ้นยืนแล้วแทงพระแสงดาบเข้าที่ท้องของมัน ธอร์กระโจนขึ้นแล้วเหวี่ยงดาบใส่แขนอีกข้างของมัน ฟันมันขาด โครห์นเข้ามาช่วยด้วย มันเผ่นทะยานขึ้นบนอากาศแล้วฝังเขี้ยวลงที่ลำคอของสัตว์ร้าย

แมลงยักษ์ร้องเสียงดังครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาทำร้ายมันได้มากกว่าที่ธอร์คิดว่าจะเป็นไปได้ แต่ไม่น่าเชื่อที่มันยังยืนอยู่ได้ ปีกของมันยังคงขยับสั่น เจ้าสัตว์ร้ายจะไม่ตาย

ทุกคนต่างมองดูด้วยความพรั่นพรึง แมลงยักษ์ดึงหอก ดาบและขวานออกทีละอัน เมื่อมันทำเช่นนั้นบาดแผลทั้งหมดก็สมานเหมือนเดิมต่อหน้าต่อตาทุกคน

สัตว์ร้ายตัวนี้เอาชนะไม่ได้

มันเอนตัวและส่งเสียงคำราม เพื่อนของธอร์มองดูด้วยความตกใจ พวกเขาทำทุกอย่างแล้ว แต่ยังทำอันตรายมันไม่ได้

สัตว์ร้ายเตรียมพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง พร้อมกับฟันและก้ามคมราวกับใบมีด ธอร์รู้ว่าไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำอะไรได้อีก ทุกคนกำลังจะตาย

“หลีกไป!” จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องขึ้น

เสียงนั้นมาจากด้านหลังของธอร์ ฟังดูยังเด็ก ธอร์หันไปเห็นเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่ง อายุราวสิบเอ็ด วิ่งมาจากด้านหลังของพวกเขา ถือสิ่งที่ดูเหมือนเหยือกใส่น้ำมาด้วย ธอร์ก้มหลบ เด็กชายสาดน้ำใส่ทั่วหน้าของเจ้าแมลงยักษ์

สัตว์ร้ายถอยหนีและร้องเสียงแหลม มีควันลอยขึ้นจากหน้ามัน มันยกก้ามขึ้นทึ้งแก้ม ตา และหัวของมัน แมลงยักษ์ส่งเสียงร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ดังจนธอร์ต้องยกมือขึ้นอุดหูไว้

ในที่สุดมันก็หันหลังแล้ววิ่งหนีไป กลับเข้าไปในป่า หายไปหลังใบไม้รกทึบ

พวกเขาหันมามองเด็กชายด้วยความรู้สึกประหลาดใจและขอบคุณ เด็กชายแต่งตัวมอซอ มีผมยาวสีน้ำตาล มีดวงตาสีเขียวดูฉลาดเฉลียว เนื้อตัวเปื้อนดินมอมแมม ดูเหมือนเขาจะอาศัยอยู่ในป่านี้ เมื่อประเมินจากเท้าเปล่าและมือสกปรกของเขา

ธอร์ไม่เคยซาบซึ้งใจใครแบบนี้มาก่อน

“อาวุธทำอันตรายกาธอร์บีสท์ไม่ได้หรอก” เด็กชายบอกพลางกรอกตา “พวกท่านโชคดีที่ข้าได้ยินเสียงร้องแล้วก็อยู่ไม่ไกล ไม่อย่างนั้น เจ้าคงตายกันไปแล้ว พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าไม่ควรจะเผชิญหน้ากับกาธอร์บีสท์?”

ธอร์มองดูเพื่อน ๆ ทุกคนพูดไม่ออก

“เราไม่ได้เผชิญหน้ากับมัน” เอลเด็นบอก “มันต่างหากที่เผชิญหน้ากับเรา”

“พวกมันไม่เผชิญหน้ากับพวกเจ้า” เด็กชายเอ่ย “เว้นแต่พวกเจ้าบุกรุกเข้าไปในอาณาเขตของมัน”

“แล้วพวกเราควรจะทำอย่างไรดี?” เจ้าชายรีซตรัส

“เอ่อ ก็อย่าจ้องตาพวกมัน” เด็กชายตอบ “และถ้ามันโจมตี ให้ก้มหน้าไว้จนกว่ามันจะไม่สนใจพวกท่าน และที่สำคัญที่สุด อย่าพยายามวิ่งหนีมัน”

ธอร์ก้าวมาข้างหน้าแล้ววางมือลงบนบ่าของเด็กชาย

“เจ้าช่วยชีวิตพวกเราไว้” เขาบอก “พวกเราเป็นหนี้เจ้าอย่างมากเลย”

เด็กชายยักไหล่

“ท่านดูไม่เหมือนทหารจักรวรรดิ” เขาบอก “ท่านดูเหมือนมาจากส่วนอื่นของโลก ทำไมข้าจึงจะไม่ช่วยล่ะ? ดูเหมือนท่านจะมีสัญลักษณ์ของกลุ่มที่มากับเรือเมื่อหลายวันก่อน”

ธอร์และคนอื่น ๆ มองหน้ากันอย่างนึกออก แล้วหันไปหาเด็กชาย

“เจ้ารู้ไหมว่าพวกนั้นไปไหน?” ธอร์ถาม

เด็กชายยักไหล่

“พวกนั้นมากันกลุ่มใหญ่ แบกอาวุธไปด้วย ดูเหมือนมันจะหนักมาก พวกเขาทุกคนต้องช่วยกันแบกมัน ข้าตามรอยไปหลายวัน พวกนั้นตามรอยง่าย พวกเขาไปกันได้ช้า แถมยังสะเพร่าและไม่ระวังเลย ข้ารู้ว่าพวกนั้นไปที่ไหน ข้าก็เลยไม่ได้ตามมันมากนักเมื่อพ้นหมู่บ้านไป ข้าพาพวกท่านไปที่นั่นได้ แล้วจะชี้บอกทางให้ ถ้าพวกท่านต้องการ แต่ยังไม่ใช่วันนี้”

คนอื่นมองกันอย่างประหลาดใจ

“ทำไมล่ะ?” ธอร์ถาม

“ราตรีกำลังมา แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมง พวกท่านอยู่ข้างนอกไม่ได้ตอนกลางคืน”

“แต่ทำไมกันล่ะ?” เจ้าชายรีซตรัสถาม

เด็กชายมองดูพระองค์ราวกับว่าทรงเสียสติไปแล้ว

“พวกอีธาบั๊กไง” เขาบอก

ธอร์ก้าวมาข้างหน้า มองดูเด็กชาย เขาชอบเด็กคนนี้ทันที เด็กชายดูฉลาดเฉลียว กระตือรือร้น กล้าหาญและมีน้ำใจ

“เจ้าพอจะรู้จักที่ที่เราจะสามารถพักได้ในคืนนี้ไหม?”

เด็กชายมองมาที่ธอร์ แล้วยักไหล่ ท่าทางไม่แน่ใจ เขายืนขยุกขยิก

“ข้าไม่คิดว่าข้าควรจะทำ” เขาบอก “ตาจะต้องโกรธแน่”

โครห์นโผล่มาจากด้านหลังธอร์ แล้วเดินไปหาเด็กชาย เมื่อเขาเห็นมัน ดวงตาก็ลุกวาวด้วยความยินดี

“ว้าว!” เด็กชายร้องออกมา

โครห์นเลียหน้าเด็กชายหลายครั้ง เขาหัวเราะคิกคักอย่างพอใจ แล้วยื่นมือไปลูบหัวมัน เขาคุกเข่าลง แล้ววางหอก ก่อนจะกอดโครห์นไว้ ดูเหมือนมันจะกอดเขาตอบ เด็กชายหัวเราะไม่หยุด

“มันชื่ออะไรหรือ?” เด็กชายถาม “มันเป็นตัวอะไร?”

“มันชื่อโครห์น” ธอร์บอก พลางยิ้มให้ “มันเป็นเสือดาวขาวที่หายาก มาจากอีกฟากของมหาสมุทร มาจากอาณาจักรวงแหวน ที่ซึ่งพวกเราจากมา มันชอบเจ้านะ”

เด็กชายจูบมันหลายครั้ง ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืน แล้วมองไปที่ธอร์

“เอ่อ” เด็กชายเอ่ยขึ้นอย่างลังเล “ข้าคิดว่าข้าน่าจะพาพวกท่านไปที่หมู่บ้านของเราได้ หวังว่าตาจะไม่โกรธมากนัก แต่ถ้าตาโกรธ ก็ถือว่าพวกท่านโชคร้ายแล้วกัน ตามข้ามา พวกเราต้องรีบแล้ว มันกำลังจะมืดแล้ว”

เด็กชายหันหลังแล้วนำทางผ่านป่าไป ธอร์และเพื่อน ๆ รีบตามไป เขารู้สึกทึ่งกับความคล่องแคล่วของเด็กชาย และการที่เขารู้จักป่าเป็นอย่างดี ทุกคนแทบจะตามไปไม่ทัน

“มีคนผ่านมาที่นี่เป็นบางครั้ง” เด็กชายเล่า “มหาสมุทรและกระแสน้ำนำพวกเขาตรงเข้ามาในอ่าว บางคนมาจากทะเล กำลังเดินทางไปที่อื่น แต่กลับตัดผ่านมาที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาไม่ค่อยรอดหรอก ถูกตัวอะไรบางอย่างในป่ากิน พวกท่านโชคดีนะ ยังมีอะไรที่เลวร้ายกว่าตัวกาธอร์บีสท์อีกมาก”

ธอร์กลืนน้ำลาย

“เลวร้ายกว่าหรือ? เช่นอะไรล่ะ?”

เด็กชายส่ายหน้า เดินต่อไป

“ท่านไม่อยากรู้หรอก ข้าเคยเห็นอะไรแย่ ๆ มากมายที่นี่”

“เจ้าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?” ธอร์ถามด้วยความอยากรู้

“ตลอดชีวิตของข้า” เด็กชายบอก “ตาของข้าย้ายมาเมื่อตอนข้ายังเด็ก”

“แต่ทำไมถึงเป็นที่นี่ ในป่านี้ล่ะ? มันน่าจะมีที่อื่นที่น่าอยู่มากกว่า”

“ท่านไม่รู้จักจักรวรรดิใช่ไหม?” เด็กชายถาม “ทหารอยู่ทุกหนทุกแห่ง มันไม่ง่ายหรอกที่จะหลบให้พ้นหูพ้นตาพวกมัน ถ้าพวกมันเจอเรา มันจะจับไปเป็นทาส แต่พวกทหารไม่ค่อยออกมาที่นี่หรอก ไม่ใช่ในป่าลึกแบบนี้”

เมื่อพวกเขาเดินผ่านแนวใบไม้หนา ธอร์ยื่นมือจะไปปัดใบไม้ให้พ้นทาง แต่เด็กชายหันมาแล้วผลักมือธอร์ พลางร้องตะโกน

“อย่าจับมัน!”

ทุกคนหยุดชะงัก ธอร์มองดูใบไม้ที่เขาเกือบจะแตะโดน มันเป็นใบไม้ใบใหญ่สีเหลือง แล้วดูไม่มีพิษมีภัย

เด็กชายยื่นไม้ไปแตะที่ปลายใบไม้เบา ๆ ทันใดนั้น ใบไม้ก็หุบห่อรอบกิ่งไม้ด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ มีเสียงซ่าดังขึ้น เมื่อปลายกิ่งไม้สลายหายไป

ธอร์ตกใจ

“ใบแรนเคิล” เด็กชายบอก “มีพิษ ถ้าท่านโดนมัน ป่านนี้ท่านคงต้องเสียดายมือแล้ว”

ธอร์มองดูใบไม้รอบ ๆ ตัวด้วยความรู้สึกใหม่ เขายินดีที่ทุกคนโชคดีได้มาเจอกับเด็กชายคนนี้

ทุกคนเดินทางต่อไป ธอร์เก็บมือไว้กับตัว คนอื่นก็ทำเช่นเดียวกัน พวกเขาพยายามระมัดระวังกับทุกย่างก้าว

“เกาะกลุ่มกันไว้ แล้วเดินตามรอยเท้าข้ามาเลยนะ” เด็กชายบอก “อย่าจับอะไร อย่าลองกินผลไม้พวกนั้น และอย่าดมดอกไม้พวกนั้นด้วย เว้นแต่พวกท่านอยากจะสลบไป”

“เฮ้ นั่นอะไร?” โอคอนเนอร์ถาม หันไปดูผลไม้ใหญ่ที่ห้อยอยู่บนกิ่งไม้ ผลยาวและแคบ สีเหลืองเป็นประกาย โอคอนเนอร์ก้าวเข้าไปหา ยื่นมือออกไป

“อย่า!” เด็กชายตะโกน

แต่ช้าเกินไป เมื่อโอคอนเนอร์แตะมัน พื้นดินใต้พวกเขาก็เปิดออก ธอร์รู้สึกว่าตัวเองลื่นไถลลงเนินที่มีโคลนและน้ำไป พวกเขาติดอยู่ในโคลนถล่ม และไม่สามารถหยุดได้

ทุกคนส่งเสียงร้องออกมาขณะที่ไถลไปในโคลน ลงไปหลายร้อยฟุต ตรงลงไปยังความมืดมิดของป่า

คำปฏิญาณแห่งศักดิ์ศรี

Подняться наверх