Читать книгу ธรรมเนียมแห่งดาบ - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 17

บทที่ หก

Оглавление

ธอร์เร่งไมโคเพิล ให้ไปเร็วขึ้น เมื่อเขาผ่านเข้าไปในกลุ่มหมู่เมฆ และเข้าใกล้กับหอคอยหลีกลี้มากขึ้น ธอร์รู้สึกถึงอันตรายทั่วทุกอณูที่อาจเกิดขึ้นกับพระนางเกว็นเขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนผ่านไปทั่วปลายนิ้วมือ ผ่านไปทั่วทั้งร่างกายของตน มันบอกเขา มันเตือนเขาให้เร่งไปให้เร็วกว่านี้ มันกระซิบบอกเขาอย่างนั้น

เร็วกว่านี้

"เร็วกว่านี้"! ธอร์เร่งไมโคเพิล ไมโคเพิลส่งเสียงคำรามอย่างแผ่วเบาเป็นการตอบรับ เธอกระพือปีกอันใหญ่โตของเธอแรงขึ้น ธอร์ไม่ต้องออกเสียงคำพูดทุกคำให้กับไมโคเพิล เพราะไมโคเพิล เข้าใจในทุกๆ อย่าง ก่อนที่เขาจะพูดออกไปด้วยซ้ำ แต่อย่างไรเสีย เขาก็พูดมันออกไป มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เขาเคยรู้สึกหมดหนทาง และเขารับรู้ว่า อาจมีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับพระนางเกว็นและทุกวินาทีตอนนี้มีความสำคัญยิ่ง

ในที่สุดพวกเขาก็ผ่านกลุ่มเมฆ และธอร์ก็รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อเขามองเห็นทัศนียภาพของหอคอยหลีกลี้ได้ในระยะไกล มันเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่และดูน่ากลัว มันเป็นมีความโค้งมนอย่างสมบูรณ์ เป็นหอคอยที่เล็กเรียวพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า มันสูงขึ้นเกือบจะเท่ากับกลุ่มหมู่เมฆ มันทำมาจากหินโบราณสีดำที่เปล่งประกาย จากตรงนี้ ธอร์สามารถรับรู้ถึงอำนาจของมันที่แผ่ขยายออกมา แม้ว่าเขาอยู่ในระยะไกล

เมื่อเขาบินเข้าไปใกล้ขึ้น ขณะนั้นเอง เขาก็มองเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่บนยอดของหอคอย นั่นคือ คนๆ หนึ่ง เธอยืนอยู่ตรงเชิงแนวหินที่ยื่นออกมา เธอกางแขนออกโดย ฝ่ามืออยู่ข้างตัว ดวงตาของเธอปิดอยู่ และเธอก็โอนเอนไปกับสายลม

ธอร์รับรู้อย่างทันทีว่า นั่นคือใคร

พระนางเกว็น

หัวใจของเขาเต้นระรัว เมื่อเห็นพระนางทรงยืนอยู่ที่นั่น เขารับรู้ว่าพระองค์กำลังคิดอะไร และเขารู้ว่าทำไมพระองค์ทรงคิดว่าตัวเขาได้ละทิ้งพระองค์ไปแล้ว และเขาก็โทษตัวเองในความผิดครั้งนี้อย่างเสียไม่ได้

"เร็วกว่านี้"! ธอร์แผดเสียง

ไมโคเพิล กระพือปีกของเธอหนักหน่วงขึ้น

พวกเขาบินไปอย่างเร็วมาก มันเร็วมากจนเหมือนกับว่ามันกระชากลมหายใจธอร์ไปด้วย

เมื่อเขาพวกเขาเข้ามาใกล้ ธอร์ได้มองไปที่พระนางเกว็นที่ทรงก้าวพระบาทกลับออกจากเชิงหินผา ทรงก้าวมาสู่จุดที่ปลอดภัยของหลังคา หัวใจของเขาเหมือนถูกปลดเปลื้องลง เมื่อพระนางได้ทรงเปลี่ยนพระทัยได้ด้วยพระองค์เอง แม้จะไม่ทรงเห็นเขา และทรงตัดสินใจไม่กระโดดลงมา

ไมโคเพิลส่งเสียงคำรามและพระนางเกว็นทอดพระเนตรมองขึ้นมาและทรงเห็นธอร์เป็นครั้งแรกสายตาของเขาประสานเข้าด้วยกันแม้ในระยะห่างไกลเช่นนี้และเขา มองเห็นพระอาการตกใจอย่างสุดขีดบนพระพักตร์ของพระองค์

ไมโคเพิลร่อนตัวลงสู่หลังคา และในเวลานั้น ธอร์กระโดดลงมา โดยไม่ได้รอให้เธอลงจอดลงสำเร็จ แล้ววิ่งไปหาพระนางเกว็นโดลีน

พระนางเกว็นโดลีนทรงหันไปและทรงจ้องมองมาที่เขา สายพระเนตรเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจอย่างสุดขีด พระองค์ทอดพระเนตรราวกับว่า พระองค์กำลังทอดพระเนตรเห็นภูตผี

ธอร์วิ่งมาหาพระองค์ด้วยหัวใจที่รุมตีกระหน่ำ ในใจเอ่อล้นไปด้วยความตื่นเต้นเขาอ้าแขนทั้งสองข้างออก แล้วพวกเขาก็สวมกอดกันและกันแน่น ธอร์อุ้มพระนางขึ้นมาแล้วบีบรัดพระนาง เขาหมุนพระองค์ไปรอบๆ หลายครั้งหลายครา

ธอร์ได้ยินเสียงของพระนางกรรแสงอยู่ในโสตประสาท เขารับรู้ถึงความร้อนของน้ำพระเนตรที่หลั่งรินมายังต้นคอเขา และเขาแทบไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าเขากำลังยืนอยู่ที่นี่ตรงนี้ กำลังสวมกอดพระนางไว้ ผิวกายแนบชิดกัน นี่เป็นความจริง มันเป็นความฝันที่เขาเคยเห็นมันในดวงจิต วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่าที่เขาต้องจากจรอยู่ห่างไกลในดินแดนจักรวรรดิ ณ ช่วงเวลานั้น เขาแน่ใจว่า เขาจะไม่หวนกลับมา จะไม่กลับมามองยังพระนางเกว็นโดลีนอีก ณบัดนี้ เขามายืนอยู่ตรงนี้แล้ว กำลังกอดพระนางไว้ในอ้อมแขนของเขาเอง

การที่ต้องห่างพระนางไปเป็นเวลานาน ทุกอย่างเกี่ยวกับพระองค์เหมือนเป็นสิ่งใหม่ มันรู้สึกสมบูรณ์แบบ และเขาก็ปฏิญาณว่าเขาจะไม่ให้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับพระนางอีก

"เกว็นโดลีน" เขากระซิบในหูของพระนาง

"ธอร์กริน พระนางทรงกระซิบกลับมา

พวกเขาต่างสวมกอดกันและกัน โดยที่ตัวเขาเองไม่รู้ว่าเป็นนานเท่าใด พวกเขาผละตัวออกอย่างช้าๆ และจุมพิตกันและกัน มันเป็นรอยจูบแห่งความรักที่ลึกซึ้งและไม่มีใครยอมที่จะผละตัวออกไป

“เจ้ายังมีชีวิตอยู่ นี่ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่า เจ้าอยู่ที่นี่” พระนางตรัส

ไมโคเพิลส่งเสียงออกทางจมูกและพระนางเกว็นโดลีนทอดพระเนตรข้ามไหล่ของธอร์ไปทางนั้น เมื่อไมโคเพิล กระพือปีกของเธออีกครั้ง พระพักตร์ของพระองค์ก็เต็มไปด้วยความหวาดเกรง

"อย่ากลัวไปเลย ธอร์กล่าว “นี่คือไมโคเพิล เธอเป็นเพื่อนของข้าและของพระองค์ด้วย ให้ข้าได้แสดงให้พระองค์ดู"

ธอร์จับพระหัตถ์พระนางเกว็นโดลีนและพาเธอข้ามผ่านกำแพงที่กั้นไปอย่างช้าๆ เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ เขารับรู้ได้ถึงความกลัวของพระนาง ธอร์เข้าใจมันดี อย่างไรก็ดี นี่คือมังกรตัวเป็นๆ ของจริง และนี่เป็นการเข้าใกล้มังกรมากกว่าที่พระนางเคยได้ทรงสัมผัสมาในชีวิตของพระองค์

ไมโคเพิลจ้องมองกลับมาที่พระนางเกว็นด้วยดวงตาเปล่งปลั่งสีแดงที่มีขนาดใหญ่โต เปล่งเสียงทางจมูกอย่างเบาๆ ขยับปีกของเธอและโค้งคอของเธอลงมา ธอร์สัมผัสได้ถึงบางสิ่งเหมือนกับความหึงหวงหรืออาจจะเป็นความอยากรู้อยากเห็น

"ไมโคเพิลมารู้จักกับพระนางเกว็นโดลีน"

ไมโคเพิลหันหัวของเธอไปอย่างทรนง

ทันใดนั้นเอง เธอก็หันกลับมาและจ้องมองไปยังดวงพระเนตรของพระนางเกว็นโดลีนราวกับว่ามันสามารถมองทะลุทะลวงพระวรกายไปได้ มันชะโงกหน้าเขามาเข้าใกล้พระนาง เข้ามาใกล้จนเกือบจะชนเข้ากับพระพักตร์ของพระองค์

พระนางเกว็นทรงแย้มพระโอษฐ์กว้างด้วยความประหลาดใจและทรงรู้สึกเกรงขาม หรืออาจจะเป็นความกลัว พระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์ที่สั่นเทาออกไปด้วยความกลัว แล้วทรงวางพระหัตถ์ลงที่จมูกอันยาวของไมโคเพิลและทรงสัมผัสยังเกล็ดสีม่วงของมัน

หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดมาหลายวินาที ไมโคเพิลเริ่มกระพริบตาแล้วลดจมูกของเธอต่ำลง และถูมันเข้ากับท้องของพระนาง มันเป็นสัญลักษณ์แห่งการแสดงความรัก ไมโคเพิลยังคงถูจมูกของเธอกับท้องของพระนางต่อไป ราวกับว่าตัวเธอติดอยู่ตรงนั้นธอร์ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

จากนั้น ไมโคเพิลก็หันหัวของเธอออกไปอย่างเร็ว แล้วมองขึ้นไปยังขอบฟ้า

"เธอสวยเหลือเกิน" พระนางเกว็นทรงกระซิบ

พระองค์ทรงหันพระพักตร์ไป ทอดพระเนตรไปยังธอร์

"ข้าได้ล้มเลิกความหวังที่เจ้าจะกลับมา"พระนางตรัส "ข้าไม่ได้คาดคิดว่า เจ้าจะมา"

"ตัวข้าก็เหมือนกัน การคิดถึงพระองค์ มันยังคงอยู่ในใจของข้า มันเป็นเหตุผลที่มำให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อ อยู่เพื่อจะกลับมา"

พวกเขาเข้าสวมกอดกันอีกครั้ง กอดกันและกันอย่างแนบแน่นอย่างนั้น สัมผัสกันอย่ารักใคร่เอ็นดู จนท้ายที่สุด พวกเขาก็ผละตัวออกจากกัน

พระนางเกว็นโดลีนทอดพระเนตรลงต่ำและทรงสังเกตุเห็นดาบแห่งโชคชะตาอยู่ข้างลำตัวของธอร์ดวงพระเนตรเบิกกว้างและแย้มพระโอษฐ์เปิดกว้าง

"เจ้านำดาบกลับมาได้" พระองค์ตรัส พระองค์ทอดพระเนตรมองไปยังเขา ทรงยังไม่อยากเชื่อ "เจ้าเป็นคนนั้น หนึ่งเดียวที่สามารถยกดาบขึ้นได้"

ธอร์พยักหน้ารับ

"แต่ ทำได้อย่างไร" พระนางเริ่มตรัสขึ้น และทรงหยุดอย่างช้าๆ เห็นได้ชัดว่าพระนางทรงเต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกมากมาย

"ข้าไม่รู้" ธอร์กล่าว "ข้าก็แค่ทำอย่างนั้นได้"

ดวงพระเนตรของนางเบิกขึ้นด้วยความหวัง ขณะที่พระองค์ตระหนักในบางอย่างขึ้นมาได้

"อย่างนั้น โล่พลังก็ใช้ได้อีกครั้ง" พระองค์ตรัสอย่างมีความหวัง

ธอร์พยักหน้ากลับไปยังเคร่งครึม

"แอนโดรนิคัสถูกกักตัวไว้" เขากล่าว "พวกเราปลดปล่อยราชสำนักและเมืองซิเลเซียได้แล้ว"

พระนางเกว็นโดลีนมีสีพระพักตร์ที่ผ่อนคลายและมีพระเกษมสำราญ

"มันคือเจ้า" พระองค์ตรัส เมื่อทรงระลึกขึ้นได้ "เจ้าปลดปล่อยเมืองของพวกเรา"

ธอร์ยักไหล่อย่างเป็นปกติ

"โดยมากแล้ว มันเป็นเพราะไมโคเพิลและดาบแห่งโชคชะตา ข้าแค่ติดตามไปด้วย"

พระนางเกว็นทรงยิ้มกว้าง

"แล้วชาวเมืองของเราล่ะ? พวกเขาปลอดภัยไหม? พวกเขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?"

ธอร์พยักหน้า

"พวกเขาทั้งหมด ส่วนมากยังมีชีวิตอยู่และสบายดี"

พระองค์ทรงยิ้มกว้าง ทรงดูอ่อนพระชันษาอีกครั้ง

"เจ้าชายเคนดริคกำลังทรงรอพระองค์อยู่ที่เมืองซิเลเซีย" ธอร์กล่าว "และเจ้าชายก็อดฟรีย์ เจ้าชายรีส สร็อก และคนอื่นๆพวกเขายังมีชีวิตอยู่ทั้งหมดและมีความเป็นอยู่ดี เมืองถูกปลดปล่อยแล้ว"

พระนางเกว็นโดลีนทรงเร่งเข้าไปและทรงสวมสวมกอดธอร์ ทรงกอดเขาอย่างแนบแน่น เขารู้สึกว่าพระองค์ทรงรู้สึกปลดเปลื้องและทรงมีผ่อนคลายลง

"ข้าคิดว่าพวกเขาทั้งหมดหายสาบสูญไปแล้ว" พระองค์ตรัส ทรงกรรแสงออกมาเบาๆ "ข้าคิดว่ามันคงสูญสิ้นไปชั่วกาลนาน"

ธอร์ส่ายหัว

"อาณาจักรวงแหวนยังคงอยู่" เขากล่าว "พวกแอนโดรนิคัสกำลังฆ่าพากันหนี พวกเราจะกลับไปกลับไปกวาดล้างพวกมัน และพวกเราก็จะเริ่มสร้างเมืองขึ้นมาใหม่"

พระนางเกว็นโดลีนทรงหันกลับไปหาเขา และทรงทอดพระเนตรไปยังท้องฟ้า ทรงเช็ดน้ำพระเนตรออก พระองค์ทรงดึงฉลองพระองค์คลุมพันรอบพระวรกายแน่นขึ้นและสรพระพักตร์เต็มไปด้วยความเข้าใจ

"ข้าไม่รู้ว่า ถ้าข้ากลับไปที่นั่น"พระองค์ตรัส อย่างลังเล "บางอย่างได้เกิดขึ้นกับตัวข้า ในขณะที่เจ้าไม่อยู่"

ธอร์หันไปมองพระองค์ เขากอดพระองค์รอบพระอังสา

"ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์" เขากล่าว "พระมารดาของพระองค์ได้ทรงตรัสบอกกับข้าแล้ว ไม่มีสิ่งใดน่าอับอายเลย" เขากล่าว

พระนางเกว็นโดลีนทอดพระเนตรไปยังเขา ดวงพระเนตรเต็มไปด้วยความประหลาดใจและทรงสงสัย

"เจ้ารู้ งั้นหรือ?" พระองค์ตรัสถามอย่างตกใจสุดขีด

ธอร์พยักหน้า

"มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย"เขากล่าว "ข้ารักพระองค์มากเท่ากับที่เคยเป็นมา ยิ่งมากกว่าด้วยซ้ำ ความรักของเราคือสิ่งที่สำคัญที่สุดและมันไม่มีทางจะถูกทำลายไปได้ ข้าว่าข้าจะต้องแก้แค้นให้กลับท่าน ข้าจะฆ่าพวกแอนโดรนิคัสด้วยตัวของข้าเอง และเพื่อความรักของเรา มันจะไม่มีวันตาย"

พระนางเกว็นทรงเร่งเข้าไปสวมกอดธอร์อย่างแนบแน่น น้ำพระเนตรหลั่งไหลลงมายังคอของเขา และเขารับรู้ความรู้สึกแห่งการปลดเปลื้องของพระองค์

"ข้ารักเจ้า" พระนางเกว็นตรัสในหูของเขา

"ข้าก็รักพระองค์เช่นกัน" เขาตอบกลับไป

ขณะที่ธอร์ยืนอยู่ตรงนั้น สวมกอดพระนางเอาไว้ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยอาการสั่นกลัว เขาต้องการทำมันเดี๋ยวนี้ ณ เวลานี้มากกว่าสิ่งใดทั้งมวลที่จะถามเธอ ที่จะขอเธอแต่งงาน แต่เขารู้สึกว่า เขาไม่ควรทำจนกว่าเขาจะบอกความลับของเขากับเธอเสียก่อน จนกว่าที่เขาจะบอกเธอว่าพ่อของเขาคือใคร

ความคิดนั้นทำให้เขารู้สึกเต็มไปด้วยความอับอายและอัปยศอดสู ตรงนี้เอง ที่เขายืนอยู่ และปฏิญาณตนว่า จะฆ่าพวกคนที่ พวกเขาเกลียดมากที่สุดทุกคน และนี่ก็คือ คำพูดต่อไปของเขา เขาจะพูดออกมาอย่างไร ว่าแอนโดรนิคัสคือพ่อของเขา?

ธอร์รู้สึกมั่นใจว่าถ้าเขาทำอย่างนั้น พระนางเกว็นโดลีนก็จะเกลียดเขาตลอดไป และเขาไม่สามารถเสี่ยงที่จะสูญเสียพระองค์ไปอีก ไม่ได้ หลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างได้เกิดขึ้นมาแล้ว เขาก็รักพระองค์มากเหลือเกิน

แทนที่จะเป็นเช่นนั้น มือของเขากับสั่นไหว ธอร์เอื้อมมือไปที่กระเป๋าเสื้อของเขาและดึงสร้อยคอชิ้นหนึ่งออกมา มันเป็นสร้อยที่เขาพบในระหว่างที่ตามหาสมบัติมีค่าของมังกร เชือกที่ทำมาจากทองคำและมีรูปหัวใจทองคำที่เปล่งประกาย รวมถึงมีเพชรและทับทิมอยู่ด้วย เขายกมันขึ้นมาอยู่ในแสงสว่าง ให้พระนางเกว็นทอดพระเนตรดู พระนางทรงอ้าพระโอษฐ์ เมื่อเห็นมันอยู่ตรงนั้น

ธอร์เดินมาด้านหลังของเธอ แล้วสวมใส่มันรอบพระศอของนาง

"มันคือสิ่งเล็กน้อยที่แสดงความรักใคร่ของข้าพระองค์" เขากล่าว

มันดูสวยงามเมื่อพระนางสวมใส่ ทองคำเปล่งประกายท่ามกลางแสงและสะท้อนทุกอย่างออกมา

แหวนที่อยู่ในกระเป๋าของเขาก็รู้สึกร้อนวาบขึ้นมา ธอร์ปฏิญาณว่า จะให้มันกับเธอเมื่อถึงเวลาอันสมควร เมื่อเขาสามารถรวบรวมความกล้าที่จะบอกความจริงกับพระองค์แต่ในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลานั้น ทั้งๆ ที่เขาหวังว่ามันควรจะเป็น

"พระองค์เห็นไหมว่า ทรงกลับไปแล้ว" ธอร์กล่าวพร้อมจับแก้มของพระองค์อย่างแผ่วเบาจากหลังมือของเขา "พระองค์ต้องกลับไป ประชาชนกำลังต้องการพระองค์ พวกเขาต้องการผู้นำ อาณาจักรวงแหวนจะไม่เหลืออะไร หากปราศจากผู้นำ พวกเขาต้องการพระองค์เพื่อชี้แนวทาง พวกแอนโดรนิคัสยังคงอยู่อย่างเงียบๆในครึ่งหนึ่งของอาณาจักรเมืองหลายหลายเมืองกำลังต้องการการบูรณะ

เขามองไปที่ดวงพระเนตรของนางและสามารถเห็นว่าพระองค์กำลังรวบรวมความคิด

"ตอบว่า ตกลงเถิด"ธอร์เร่งเร้า "กลับไปกับเกล้ากระหม่อม หอคอยนี้ไม่ใช่สถานที่ สำหรับหญิงสาวที่จะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต อาณาจักรวงแหวนต้องการพระองค์ ข้าต้องการพระองค์"

ธอร์ยื่นมือออกมาแล้วรอคอย พระนางเกว็นโดลีนทอดพระเนตรลงไปอย่างลังเล

ในที่สุด พระนางก็ทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา และวางมันลงบนมือของเขา สายพระเนตรดูอ่อนลงเรื่อยๆและมีแววแห่งความรักและความอบอุ่นอยู่ในนั้น เขามองเห็นว่าพระองค์กลับมาเป็นพระนางเกว็นโดลีนคนเดิมของเขาอีกครั้ง รับรู้สึกถึงความรู้สึกของชีวิตความรักและความสุขใจ มันเหมือนราวกับว่าพระองค์เป็นดอกไม้ที่ฟื้นคืนขึ้นมาในดวงตาของเขา

"ข้าตกลง" พระองค์ตรัสอย่างแผ่วเบา และทรงแย้มพระโอษฐ์

พวกเขาสวมกอดกันและเขากอดพระองค์แนบแน่น และปฏิญาณว่าจะไม่ปล่อยพระองค์ไปไหนอีกแล้ว

ธรรมเนียมแห่งดาบ

Подняться наверх