Читать книгу ชะตาแห่งมังกร - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 13

บทที่ เจ็ด

Оглавление

อีเร็คเดินไปพร้อมท่านดยุค แบรนด์ทและคณะผู้ติดตามของท่านดยุคอีกหลายสิบคน ทั้งหมดเดินไปตามถนนคดเคี้ยวในเมืองซาวาเรีย ผู้คนเริ่มรวมตัวกันเมื่อทั้งขบวนมุ่งหน้าไปยังบ้านที่สาวรับใช้นางนั้นอาศัยอยู่ อีเร็คยืนกรานที่จะไปพบนางโดยไม่รอช้า และท่านดยุคต้องการที่จะนำทางไปด้วยตัวเอง และเมื่อท่านดยุคไปที่ใด ทุกคนก็จะตามไปด้วย อีเร็คมองไปรอบ ๆ เห็นคณะผู้ติดตามที่ใหญ่ขึ้นทุกทีแล้วรู้สึกอาย เมื่อรู้ว่าเขาจะไปถึงบ้านนางโดยมีขบวนผู้คนติดสอบห้อยตามไปด้วย

นับตั้งแต่เขาได้พบนางครั้งแรก อีเร็คก็ไม่สามารถคิดถึงสิ่งอื่นได้อีกแม้เพียงเล็กน้อย เขาสงสัยว่านางเป็นใคร นางดูสูงศักดิ์แต่กลับทำงานเป็นสาวรับใช้ในราชสำนักของท่านดยุค? ทำไมนางจึงรีบหลบเขามา? ทำไมตลอดชีวิตของเขาที่ได้พบกับสตรีสูงศักดิ์มากมาย มีเพียงนางเท่านั้นที่จับหัวใจของเขา?

เขาถูกห้อมล้อมด้วยราชนิกูลมาตลอดชีวิต ทั้งในฐานะที่เป็นโอรสของราชาเอง อีเร็คสามารถบอกได้ทันทีว่าใครเป็นราชนิกูล และเขารู้สึกได้นับตั้งแต่ที่ได้พบนางว่านางสูงศักดิ์กว่าที่เป็นอยู่มากมายนัก เขารุ่มร้อนด้วยความใคร่รู้ว่านางคือใคร มาจากที่ใด และมาทำอะไรที่นี่ เขาอยากจะเห็นนางอีกครั้ง อยากจะรู้ว่าเขาเพียงแต่คิดไปเองหรือว่าเขายังรู้สึกเช่นเดิม

“คนรับใช้ของข้าบอกว่านางอาศัยอยู่ที่ชานเมือง” ท่านดยุคอธิบายให้ฟังขณะที่เดินไป ผู้คนทั้งสองข้างทางต่างเปิดหน้าต่างและมองดูขบวนที่ผ่านมาอย่างประหลาดใจที่ได้เห็นท่านดยุคและผู้ติดตามในย่านถนนธรรมดาเช่นนี้

“รู้กันว่านางเป็นสาวรับใช้ให้กับเจ้าของโรงแรม ไม่มีใครรู้จักเทือกเถาเหล่ากอของนาง ไม่รู้ว่านางมาจากไหน ที่พวกเขารู้กันคือนางมาที่เมืองของเราในวันหนึ่ง และมาทำสัญญาเป็นคนรับใช้ให้กับเจ้าของโรงแรมนี้ อดีตของนางดูจะเป็นปริศนา”

ทั้งหมดเลี้ยวไปยังถนนอีกด้าน ถนนหินกรวดใต้เท้าเริ่มขรุขระมากขึ้น เมื่อพวกเขาเดินไป บ้านเรือนหลังเล็กยิ่งตั้งอยู่ชิดกันและทรุดโทรมมากขึ้น ท่านดยุคกระแอม

“ข้าให้นางมาทำงานรับใช้ในราชสำนักในโอกาสพิเศษต่าง ๆ นางเป็นคนเงียบ ๆ เก็บตัว ไม่มีใครรู้เรื่องนางมากนักหรอก อีเร็ค” ท่านดยุคบอก และหันมาหาอีเร็คในที่สุด พลางจับข้อมือเขาไว้ “ท่านแน่ใจเรื่องนี้หรือ? สตรีนางนี้ ไม่ว่านางจะเป็นใครก็ตาม ก็เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ท่านสามารถเลือกสตรีนางใดก็ได้ในอาณาจักร”

อีเร็คมองตอบท่านดยุคด้วยความจริงจังเท่าเทียมกัน

“ข้าต้องพบนางอีกครั้ง ข้าไม่สนใจว่านางจะเป็นใคร”

ท่านดยุคส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย ขบวนของพวกเขาเดินต่อไป แล้วเลี้ยวไปตามถนนสายต่าง ๆ ผ่านตรอกซอกซอยคดเคี้ยวและแคบ ขณะที่พวกเขาผ่านไปนั้น  บ้านเรือนเริ่มทรุดโทรมมากยิ่งขึ้น ถนนหนทางมีแต่พวกขี้เมา เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก มีไก่และสุนัขเดินหากินไปทั่ว ขบวนของพวกเขาผ่านร้านเหล้าหลายแห่ง เสียงลูกค้าร้องตะโกนดังออกมาที่ถนน ขี้เมาหลายคนเดินโซเซอยู่ด้านหน้า ขณะที่ยามราตรีเริ่มมาเยือน ถนนทุกสายเริ่มมีแสงคบไฟที่ถูกจุดขึ้น

“เปิดทางให้ท่านดยุค!” พ่อบ้านของท่านดยุคตะโกน รีบวิ่งนำหน้าไปและผลักพวกขี้เมาออกไปพ้นทาง คนขี้เมาตัวเหม็นที่เดินไปมาบนถนนเปิดทางให้และมองดูด้วยความประหลาดใจ ที่เห็นท่านดยุคผ่านไป พร้อมด้วยอีเร็ค

ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงโรงแรมเล็ก ๆ และเรียบง่าย สร้างจากปูน มุงหลังคาด้วยหินชนวนลาดเอียง ดูเหมือนมันจะสามารถจุลูกค้าได้ราวห้าสิบคนในร้านเหล้าชั้นล่าง และมีห้องพักสำหรับแขกที่ชั้นบนอีกไม่กี่ห้อง ประตูด้านหน้าบิดเบี้ยว หน้าต่างบานหนึ่งพัง โคมที่แขวนอยู่ตรงทางเข้าเอียงกะเท่เร่ แสงไฟวูบไหว ขี้ผึ้งเหลือน้อยมาก เสียงคนเมาดังลอดออกมาทางหน้าต่าง ขณะที่ทุกคนหยุดอยู่ที่หน้าประตู

สตรีที่บอบบางเช่นนั้นทำงานในสถานที่แบบนี้ได้อย่างไร? อีเร็คทั้งสงสัยและตกใจ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนและคำพูดเหยียดหยันดังมาจากด้านใน หัวใจของเขาร้าวรานเมื่อคิดถึงเรื่องนี้  คิดถึงความอดสูที่นางต้องเผชิญในสถานที่เช่นนี้ เขาคิดว่า มันช่างไม่ยุติธรรม อีเร็คตั้งใจที่จะช่วยพานางไปจากที่นี่

“ทำไมท่านถึงมาหาเจ้าสาวในที่ที่แย่ที่สุดเช่นนี้?” ดยุคถาม พลางหันมาหาอีเร็ค

แบรนด์ทก็หันมาหาเขาด้วย

“โอกาสสุดท้ายแล้ว สหายข้า” แบรนด์ทกล่าว “ที่ปราสาทมีสตรีสูงศักดิ์มากมายกำลังรอเจ้าอยู่”

แต่อีเร็คกลับส่ายหน้าอย่างมุ่งมั่น

“เปิดประตู” เขาสั่ง

คนของดยุคคนหนึ่งรีบก้าวออกไปและกระชากประตูเปิดออก กลิ่นเหล้าเอลคละคลุ้งโชยออกมา ทำให้เขาผงะ

ด้านในมีพวกขี้เมาที่บ้างก็ซบอยู่ที่โต๊ะขายเครื่องดื่ม บ้างก็นั่งเรียงรายอยู่ตามโต๊ะไม้ ส่งเสียงตะโกนโหวกเหวก หัวเราะ ด่าทอและชกต่อยกัน อีเร็คมองออกทันทีว่าคนพวกนี้เป็นพวกดิบเถื่อน มีพุงใหญ่ หนวดเคราไม่โกน เสื้อผ้าไม่ได้ซัก ไม่มีใครเป็นนักรบเลยสักคน

อีเร็คเดินเข้าไปหลายก้าว พลางมองหานาง เขาคิดไม่ออกเลยว่าสตรีเช่นนางจะสามารถทำงานในสถานที่เช่นนี้ได้ เขาสงสัยว่าพวกเขาอาจจะมาผิดที่

“ขอโทษที ท่าน ข้ากำลังตามหาสตรีนางหนึ่ง” อีเร็คบอกกับชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเขา เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ มีพุงใหญ่และไม่โกนหนวดเครา

“อย่างนั้นหรือ?” ชายคนนี้ตะโกนอย่างล้อเลียน “แหม ท่านคงมาผิดที่แล้วล่ะ! ที่นี่ไม่ใช่ร้านนางโลม แต่มีอยู่ร้านหนึ่งที่อีกฟากของถนน ข้าได้ยินว่านางโลมที่นั่นทั้งขาวทั้งอวบ!”

ชายคนดังกล่าวหัวเราะเสียงดังใส่หน้าอีเร็ค โดยมีเพื่อนอีกหลายคนผสมโรงด้วย

“ข้าไม่ได้ตามหาร้านนางโลม” อีเร็คตอบ ไม่ตลกด้วย “แต่ข้าตามหาสตรีนางหนึ่ง ที่ทำงานที่นี่”

“งั้นเจ้าคงหมายถึงคนรับใช้ของเจ้าของโรงแรม” มีเสียงอีกคนร้องบอก เขาเป็นขี้เมาร่างใหญ่อีกคนหนึ่ง “นางอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งด้านหลัง อาจจะกำลังขัดพื้น น่าเสียดาย…ข้าอยากให้นางอยู่ที่นี่ บนตักข้าเนี่ย!”

บรรดาขี้เมาต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ขำขันกับมุขตลกของพวกเขา ขณะที่อีเร็คหน้าแดงเมื่อคิดถึงมัน เขารู้สึกอายแทนนาง ที่ต้องมารับใช้คนประเภทนี้ มันช่างเสียศักดิ์ศรีเกินกว่าที่เขาจะคิดถึง

“แล้วเจ้าเป็นใครกัน?” มีเสียงถามขึ้น

ชายคนหนึ่งก้าวออกมา เขาตัวใหญ่กว่าคนอื่น ๆ มีเคราและดวงตาดำ หน้าบึ้งตึง กับขากรรไกรกว้าง มีชายท่าทางซอมซ่อหลายคนตามมาด้วย ร่างกายเขามีกล้ามเนื้อมากกว่าไขมัน เขาก้าวมาหาอีเร็คด้วยท่าทีคุกคาม แสดงตัวเป็นเจ้าของอย่างเห็นได้ชัด

“นี่เจ้าพยายามจะขโมยสาวใช้ของข้าอย่างนั้นหรือ?” เขาถาม “ออกไปจากที่นี่เลย!”

เขาก้าวมาข้างหน้าแล้วเอื้อมมือหมายจะคว้าตัวอีเร็คไว้

แต่อีเร็คซึ่งแข็งแกร่งจากการฝึกฝนมาหลายปี และเป็นอัศวินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักร ตอบโต้อย่างที่ชายคนนี้ไม่คิดฝัน ทันทีที่มือของเขาสัมผัสตัวอีเร็ค อีเร็คเด้งตัวลงมือโดยคว้าข้อมือเขาไว้ แล้วหมุนชายร่างใหญ่ด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ จับคอเสื้อเขาไว้แล้วผลักข้ามห้องไป

ชายร่างใหญ่ลอยคว้างไปเหมือนลูกปืนใหญ่ กวาดเอาชายหลายคนล้มระเนระนาดไปบนพื้นด้วยเหมือนพินโบว์ลิ่ง

ทั้งห้องเงียบสนิท เมื่อทุกคนหยุดนิ่งและมองดู

“ตีกัน! ตีกัน!” พวกผู้ชายส่งเสียงเป็นจังหวะ

เจ้าของโรงแรมที่ยังมึนงง ตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนได้ ก็พุ่งเข้าใส่อีเร็คพลางส่งเสียงตะโกน

ครั้งนี้อีเร็คไม่รอ เขาก้าวเข้าหาผู้โจมตี ยกแขนขึ้นแล้วฟันศอกใส่ใบหน้าของชายคนนั้น ทำให้จมูกเขาหัก

เจ้าของโรงแรมเซถอยหลังไปแล้วล้มหงายหลังลงบนพื้น

อีเร็คก้าวเข้าหา ดึงเขาลุกขึ้นแม้จะตัวใหญ่กว่า โดยยกเขาขึ้นสูงเหนือศีรษะ ก่อนจะก้าวไปแล้วเหวี่ยงชายคนนี้ลอยไปในอากาศ กวาดเอาคนครึ่งห้องล้มไปกับเขาด้วย

ทุกคนในห้องหยุดชะงัก เสียงตะโกนเป็นจังหวะเงียบลง พวกเขาเริ่มตะหนักว่ามีคนพิเศษมาอยู่ในหมู่พวกเขาแล้ว ทันใดนั้นคนขายเหล้าพุ่งตัวออกมา พร้อมเงื้อขวดแก้วขึ้นเหนือหัว หมายจะฟาดใส่อีเร็ค

อีเร็คเห็นเหตุการณ์และยื่นมือไปจับดาบ แต่ก่อนที่อีเร็คจะชักดาบออกมา แบรนด์ทสหายของเขาก็ก้าวออกมายืนข้างเขา พลางชักมีดสั้นออกมาจากเข็มขัด แล้วจ่อปลายมีดเข้ากับลำคอของคนขายเหล้า

คนขายเหล้าวิ่งเข้าใส่แล้วต้องหยุดชะงัก คมมีดเกือบจะแทงเข้าเนื้อของเขา เขาได้แต่ยืนนิ่ง ตาเบิกกว้างด้วยความกลัว เหงื่อแตก ขวดชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ทั้งห้องเงียบสนิทจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่น

“วางขวดลง” แบรนด์ทสั่ง

คนขายเหล้าทำตาม ทิ้งขวดลงกระแทกพื้น

อีเร็คชักดาบออกมา เสียงโลหะดังก้อง และเดินเข้าหาเจ้าของโรงแรมที่นอนโอดโอยอยู่บนพื้น จ่อปลายดาบเข้าที่คอหอยของเขา

“ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น” อีเร็คประกาศ “ออกไปจากห้องนี้ให้หมดทุกคน ตอนนี้ข้าขอพบนางผู้นั้นเพียงลำพัง”

“ท่านดยุค!” ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น

ทั้งห้องต่างหันมาและจำท่านดยุคซึ่งยืนอยู่ตรงทางเข้าพร้อมด้วยผู้ติดตามได้ ทั้งหมดรีบถอดหมวกออกและโค้งคำนับ

“หากข้าพูดจบแล้วยังมีใครอยู่ในห้องนี้” ท่านดยุคประกาศ “พวกเจ้าแต่ละคนจะต้องถูกจับไปขังทันที”

เกิดความโกลาหลขึ้นในห้องเมื่อทุกคนต่างรีบร้อนที่จะออกไป พากันกรูผ่านท่านดยุคและออกไปทางประตูหน้า ทิ้งขวดเหล้าเอลที่ยังดื่มไม่เสร็จไว้อย่างนั้น

“เจ้าก็ออกไปด้วย” แบรนด์ทบอกกับคนขายเหล้า ลดมีดสั้นลง จิกผมเขาไว้แล้วผลักออกประตูไป

ห้องที่อึกทึกอยู่เมื่อครู่ก่อน ตอนนี้กลับว่างเปล่าและเงียบลง เหลือเพียงอีเร็ค แบรนด์ท ท่านอยุคและคนสนิทอีกสิบกว่าคน พวกเขากระแทกประตูปิดตามหลังเสียงดังก้อง

อีเร็คหันมาหาเจ้าของโรงแรม ที่ยังนั่งมึนงงอยู่บนพื้น พลางเช็ดเลือดจากจมูก อีเร็คดึงเสื้อเชิ้ตของเขาไว้แล้วดึงให้ยืนขึ้นด้วยสองมือ ก่อนจะปล่อยให้นั่งลงบนม้านั่งว่างตัวหนึ่ง

“เจ้าทำให้ธุรกิจของข้าในคืนนี้เสียหายหมด” เจ้าของโรงแรมโอดครวญ “เจ้าต้องชดใช้”

ท่านดยุคก้าวมาข้างหน้าแล้วตบเข้าด้วยหลังมือ

“ข้าสั่งประหารเจ้าได้ด้วยซ้ำที่บังอาจแตะต้องชายผู้นี้” ท่านดยุคตวาด “เจ้าไม่รู้เลยใช่ไหมว่าเขาเป็นใคร? นี่คืออีเร็ค ยอดอัศวินของพระราชา แชมเปี้ยนแห่งกองรบเงิน เขาสามารถฆ่าเจ้าได้ตอนนี้เลยด้วยซ้ำหากเขาต้องการ”

เจ้าของโรงแรมเงยหน้ามองอีเร็ค และเป็นครั้งแรกที่ความกลัวปรากฏบนสีหน้าของเขา เขาแทบจะตัวสั่นอยู่บนเก้าอี้

“ข้าไม่รู้เลย ท่านไม่ได้ประกาศตัว”

“นางอยู่ที่ไหน?” อีเร็คสั่งอย่างหมดความอดทน

“นางอยู่ด้านหลัง กำลังขัดห้องครัว ท่านต้องการอะไรจากนางหรือ? นางขโมยอะไรมาจากท่านหรือเปล่า? นางเป็นเพียงแค่สาวใช้รับจ้างคนหนึ่งเท่านั้นเอง”

อีเร็คชักมีดสั้นออกมาแล้วจ่อเข้าที่คอหอยของเจ้าของโรงแรม

“ถ้าเรียกนางว่า ‘สาวใช้’ อีกครั้ง” อีเร็คเตือน “ขอให้มั่นใจได้เลยว่าข้าจะปาดคอหอยเจ้าเสีย เจ้าเข้าใจไหม?” เขาถามอย่างหนักแน่นขณะที่กดคมมีดเข้าที่ผิวของเจ้าของโรงแรม

ดวงตาของชายร่างใหญ่คลอด้วยน้ำตา ขณะที่เขาพยักหน้าช้า ๆ

“พานางมาที่นี่ แล้วก็รีบด้วย” อีเร็คสั่ง กระชากเขายืนขึ้นแล้วผลักเขาถลาไปทางประตูหลัง

เมื่อเจ้าของโรงแรมออกไป มีเสียงหม้อกระทบกันดังมาจากด้านหลังประตู มีเสียงตะโกนดังแว่วมา แล้วครู่ต่อมาประตูก็เปิดออก มีสตรีหลายคนในชุดผ้าขี้ริ้ว สวมเสื้อคลุมและหมวกคลุมผมตัวเปื้อนคราบมันจากในครัวเดินเข้ามา สามนางนั้นอายุมากกว่าอยู่ในวัยหกสิบ อีเร็คสงสัยขึ้นมาแวบหนึ่งว่าเจ้าของโรงแรมรู้หรือไม่ว่าเขาพูดถึงใคร

แล้วตอนนั้นนางก็เดินออกมา และทำให้หัวใจของอีเร็คหยุดเต้นอยู่ในอกเขา

เขาแทบหายใจไม่ออก นางนั่นเอง

นางสวมผ้ากันเปื้อนที่เลอะไปด้วยคราบมัน ก้มหน้าต่ำ ดูอายที่จะเงยหน้าขึ้น ผมของนางถูกมัดไว้และคลุมไว้ด้วยผ้า แก้มทั้งสองข้างเลอะคราบเขม่า แต่ก็ยังทำให้อีเร็คใจสั่น ผิวพรรณของนางช่างอ่อนเยาว์และไร้ที่ติ นางมีโหนกแก้มสูงและขากรรไกรได้รูป จมูกเล็ก ๆ เต็มไปด้วยกระ ริมฝีปากอิ่มเต็ม หน้าผากกว้างดูสูงศักดิ์ และผมสีทองสวยงามหลุดลุ่ยออกมาจากผ้าคลุมผม

นางเหลือบมองเขาแวบหนึ่งด้วยดวงตายาวรีสีเขียวงดงาม ซึ่งสะท้อนแสงไฟแล้วเปลี่ยนเป็นสีฟ้าใสก่อนจะกลับเหมือนเดิม ทำให้เขาชะงักนิ่งอยู่กับที่ อีเร็คประหลาดใจที่รู้ว่าตอนนี้เขายิ่งหลงใหลนางมากกว่าเมื่อตอนได้พบกันครั้งแรกเสียอีก

เจ้าของโรงแรมเดินตามหลังนางออกมา หน้าตาบึ้งตึง ยังคงเช็ดเลือดจากจมูก สาวน้อยเดินมาข้างหน้าอย่างลังเล พร้อมด้วยสตรีสูงวัยคนอื่น ๆ ตรงมาหาอีเร็ค และถอนสายบัวเมื่อเข้ามาใกล้ อีเร็คยืดตัวยืนตรงต่อหน้านาง เช่นเดียวกับผู้ติดตามคนอื่น ๆ ของท่านดยุค

“ใต้เท้า” นางกล่าวเสียงนุ่มหวาน ทำให้หัวใจอีเร็คอิ่มเอม “โปรดบอกข้าทีว่าข้าทำสิ่งใดให้ท่านขุ่นเคือง ข้าไม่รู้ว่าได้ทำสิ่งใดลงไป แต่ข้าขออภัยในสิ่งที่ได้ทำจนเป็นเหตุทำให้ท่านดยุคต้องมาถึงที่นี่”

อีเร็คยิ้ม ทั้งคำพูด ภาษาและสำเนียงของนาง ทำให้เขาอารมณ์ดีอีกครั้ง เขาไม่อยากให้นางหยุดพูดเลย

อีเร็คเอื้อมมือไปแตะปลายคางของนางแล้วดันให้เงยหน้าขึ้นจนดวงตาอ่อนโยนของนางสบกับเขา หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วเมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง มันเหมือนกับหลงเข้าไปในห้วงทะเลสีฟ้า

“แม่หญิง เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดให้ขุ่นเคือง ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถทำให้รำคาญใจได้หรอก ข้ามาที่นี่ไม่ใช่ด้วยความโกรธ แต่ด้วยความรักต่างหาก นับตั้งแต่ได้พบเจ้า ข้าก็ไม่อาจคิดถึงสิ่งอื่นได้อีก”

นางดูประหม่า และหลบตาลงมองพื้นทันทีพลางกระพริบตาหลายครั้ง นางบิดมือดูกังวลอย่างมาก เห็นได้ชัดว่านางไม่คุ้นเคยกับเรื่องนี้

“ได้โปรดเถิด แม่หญิง บอกข้าที เจ้าชื่ออะไร?”

“อลิสแตร์” นางตอบอย่างอ่อนน้อม

“อลิสแตร์” อีเร็คทวนคำอย่างปลื้มปริ่ม มันเป็นชื่อที่ไพเราะที่สุดที่เขาเคยได้ยิน

“แต่ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดชื่อของข้าจึงควรเป็นที่รู้จักของท่าน” นางบอกต่ออย่างนุ่มนวล ยังคงก้มมองพื้น “ท่านเป็นขุนนาง และข้าเป็นเพียงสาวใช้”

“นางเป็นคนรับใช้ของข้า ถ้าจะพูดให้ถูก” เจ้าของโรงแรมเอ่ยขึ้น พลางก้าวมาข้างหน้าอย่างไม่พอใจ “นางมีสัญญาอยู่กับข้า นางลงชื่อในสัญญาเมื่อหลายปีก่อน ที่นางสัญญาไว้คือเจ็ดปี โดยข้าให้อาหารและที่อยู่เป็นการตอบแทน นางทำมาสามปีแล้ว ท่านเห็นไหมล่ะ ว่านี่มันเสียเวลาเปล่า นางเป็นของข้า ข้าเป็นเจ้าของนาง ท่านจะเอาตัวนางไปไม่ได้ นางเป็นของข้า ท่านเข้าใจไหม?”

อีเร็ครู้สึกเกลียดชายเจ้าของโรงแรมยิ่งกว่าที่เคยรู้สึกกับใคร ใจหนึ่งเขาอยากจะชักดาบออกมาแทงที่หัวใจของชายคนนี้และจบเรื่องกับเขาเสีย แต่แม้เขาสมควรจะโดนเช่นนั้นเพียงใด อีเร็คก็ไม่อยากจะทำผิดกฎของพระราชา นอกจากนี้การกระทำใดของเขายังส่งผลไปถึงพระราชาด้วย

“กฎของราชาย่อมเป็นกฎของราชา” อีเร็คบอกเจ้าของโรงแรมอย่างหนักแน่น “ข้าไม่มีเจตนาจะละเมิด แต่พรุ่งนี้การแข่งขันจะเริ่มขึ้น และข้าได้รับสิทธิเช่นเดียวกับบุรุษทุกคนที่จะเลือกเจ้าสาวของข้าได้ ขอให้รู้กันในตอนนี้เลยว่าข้าเลือกอลิสแตร์”

ทุกคนในห้องอ้าปากค้าง แล้วหันมองหน้ากันอย่างตกใจ

“เป็นเช่นนั้น” อีเร็คกล่าวต่อ “หากนางยินยอม”

อีเร็คมองอลิสแตร์ด้วยใจเต้นรัว ขณะที่นางยังคงก้มหน้ามองพื้น เขาเห็นว่านางหน้าแดง

“เจ้ายินยอมหรือไม่ แม่หญิง?” เขาถาม

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

“ใต้เท้า” นางบอกเสียงเบา “ท่านไม่รู้เลยว่าข้าเป็นใคร มาจากที่ไหน หรือทำไมข้าจึงมาที่นี่ และข้าเกรงว่าข้าไม่อาจบอกเรื่องเหล่านั้นแก่ท่านได้”

อีเร็คจ้องมองนางอย่างพิศวง

“ทำไมเจ้าจึงบอกข้าไม่ได้?”

“ข้าไม่เคยบอกใครนับตั้งแต่มาถึงที่นี่ ข้าได้ตั้งปฏิญาณไว้”

“แต่ทำไมกันเล่า?” เขารุกถามด้วยความอยากรู้

แต่อลิสแตร์ไม่ตอบ ก้มหน้าอยู่เช่นนั้น

“เป็นความจริง” เสียงสาวใช้คนหนึ่งดังแทรกขึ้นมา “นางไม่เคยเล่าให้พวกเราฟังว่านางเป็นใคร หรือทำไมจึงมาที่นี่ นางปฏิเสธที่จะเล่า พวกเราพยายามมาหลายปีแล้ว”

อีเร็ครู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง แต่นั่นเพียงแค่ทำให้นางมีปริศนาเพิ่มขึ้น

“หากข้าไม่อาจรู้ได้ว่าเจ้าเป็นใคร เช่นนั้นข้าก็จะไม่รู้” อีเร็คบอก “ข้าเคารพคำปฏิญาณของเจ้า แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรักของข้าที่มีต่อเจ้า แม่หญิง ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร หากข้าชนะการแข่งขัน ข้าจะเลือกเจ้าเป็นรางวัล เจ้าเท่านั้น จากสตรีอื่น ๆ ในอาณาจักรนี้ ข้าขอถามอีกครั้ง เจ้าจะยินยอมหรือไม่?”

อลิสแตร์เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น ขณะที่อีเร็คมองอยู่นั้น เขาเห็นน้ำตาไหลลงไปตามพวงแก้ม

ทันใดนั้น นางก็หันหลังแล้ววิ่งหนีออกไปจากห้อง โดยปิดประตูตามหลัง

อีเร็คยืนนิ่ง เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่ต่างตะลึงงัน เขาไม่รู้ว่าควรจะแปลท่าทีการตอบสนองของนางเช่นไร

“ท่านเห็นไหมล่ะ ท่านทำให้ตัวเองเสียเวลา เวลาของข้าด้วย” เจ้าของโรงแรมบอก “นางบอกว่าไม่ ท่านก็ออกไปได้แล้ว”

อีเร็คนิ่วหน้าตอบ

“นางไม่ได้บอกปฏิเสธ” แบรนด์ทแทรกขึ้น “นางยังไม่ได้ตอบ”

“นางมีสิทธิที่จะใช้เวลาคิด” อีเร็คตอบอย่างปกป้อง “ถึงอย่างไรก็มีหลายอย่างที่ต้องพิจารณา นางเองก็ไม่รู้จักข้าเหมือนกัน”

อีเร็คยืนอยู่เช่นนั้น ใคร่ครวญว่าจะทำอะไร

“ข้าจะพักที่นี่ในคืนนี้” อีเร็คบอกขึ้นในที่สุด “เจ้าต้องจัดห้องให้ข้าที่นี่ ฟากเดียวกับห้องนาง ในตอนเช้าก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้น ข้าจะถามนางอีกครั้ง หากนางยินยอมและหากข้าชนะ นางจะเป็นเจ้าสาวของข้า หากเป็นเช่นนั้นข้าจะไถ่ตัวนางจากการเป็นทาสรับใช้เจ้า และนางจะไปจากที่นี่พร้อมข้า”

เห็นได้ชัดว่าเจ้าของโรงแรมไม่ต้องการให้อีเร็คอยู่ใต้ชายคาของเขา แต่เขาไม่กล้าจะพูดอะไร ได้แต่หันหลังและกระทืบเท้าออกไปจากห้อง แล้วกระแทกประตูปิดตามหลัง

“ท่านแน่ใจหรือว่าอยากจะพักที่นี่?” ท่านดยุคถาม “กลับไปที่ปราสาทกับเราเถอะ”

อีเร็คพยักหน้าอย่างจริงจัง

“ข้าไม่เคยมั่นใจเท่านี้มาก่อนในชีวิต”

ชะตาแห่งมังกร

Подняться наверх