Читать книгу กำเนิดราชันย์มังกร - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 7
บทที่สอง
Оглавлениеไคร่าเดินเข้าสู่ป่าแห่งหนามอันมืดมิดทางฝั่งตะวันตกของป้อมปราการ ป่าอันหนาทึบที่ยากจะมองเห็น เธอเดินไปกับเลโออย่างช้า ๆ เสียงหิมะและน้ำแข็งแตกละเอียดดังอยู่ใต้ฝ่าเท้า เธอดูตัวเล็กลงเมื่ออยู่ใต้ต้นไม้หนามที่แผ่ขยายออกไปอย่างไม่สิ้นสุด ป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ดึกดำบรรพ์สีดำที่มีกิ่งก้านตะปุ่มตะป่ำคล้ายหนาม พร้อมใบสีดำหนา เธอรู้สึกเหมือนสถานที่แห่งนี้ต้องคำสาป เพราะไม่เคยมีสิ่งดี ๆ ออกมาจากที่นี่เลย คนของพ่อได้รับบาดเจ็บหลังจากออกล่าในป่า หลายครั้งที่กำแพงอัคคีถูกโทรลบุก พวกมันใช้ป่านี้เป็นที่หลบซ่อนเพื่อโจมตีหมู่บ้าน
ขณะที่ไคร่าเดินเข้าไป เธอรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นทันที ในป่าแห่งนี้ช่างลึกลับ อากาศหนาวเย็น เปียกชื้น กลิ่นของต้นหนามกระจายไปทั่ว กลิ่นของมันเหมือนหน้าดินที่กำลังเน่าเปื่อย ภายในป่ามีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ดูดซับแสงเหลืออยู่ ไคร่าเดินอย่างระมัดระวัง แม้ว่าเธอจะโกรธพี่ชาย แต่การเข้ามาในป่านี้โดยไม่มีเพื่อนร่วมทางเป็นนักรบหลาย ๆ คนมันอันตรายเกินไป โดยเฉพาะหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน เสียงสะท้อนกึกก้องทำให้เธอหวาดผวา เสียงร้องของสัตว์ดังมาแต่ไกล เธอสะดุ้งและหันกลับไปมอง แต่ป่าหนาทึบมาก เธอไม่สามารถหาที่มาของเสียงนั้นได้
เลโอส่งเสียงร้องอยู่ข้างเธอ ทันใดนั้นมันวิ่งออกไปตามเสียง
“เลโอ!” เธอตะโกนขึ้น
แต่เลโอหายไปแล้ว
เธอถอนหายใจ รู้สึกหงุดหงิด เลโอมักจะเป็นแบบนี้เสมอเมื่อมีสัตว์อื่นเข้ามาใกล้ แต่สุดท้ายแล้วมันมักจะกลับมาเอง
ไคร่าเดินต่อไป ตอนนี้เธออยู่เพียงลำพัง ภายในป่าที่ดูหนาทึบขึ้นเรื่อย ๆ เธอพยายามติดตามร่องรอยของพี่ชายและน้องชาย เมื่อไคร่าได้ยินเสียงหัวเราะดังมาแต่ไกล เธอมองหาที่มาของเสียง และรีบฝ่าดงต้นไม้หนาออกไป จนเห็นพี่น้องของเธออยู่เบื้องหน้า
ไคร่าถอยกลับมา พยายามรักษาระยะห่างไว้ และไม่ต้องการให้ใครเห็น เธอรู้ว่าถ้าไอดานเห็นเธอ เขาจะต้องอับอายและไม่อยากพบเธออีก เธอสามารถมองดูพวกเขาจากเงามืด เธอเพียงแค่ต้องการแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ประสบกับเรื่องอันตรายใด ๆ เธอไม่ต้องทำให้ไอดานอับอาย เพื่อให้เขาได้รู้สึกว่าเขาคือลูกผู้ชาย
เสียงกิ่งไม้ถูกเหยียบใต้เท้าของเธอดังขึ้น ไคร่าก้มตัวลงทันที กลัวว่าเสียงจะทำให้พวกเขารู้ว่าเธออยู่ที่นี่ แต่โชคดีที่พวกพี่ชายขี้เมาของเธอไม่ได้ยิน พวกเขานำหน้าเธออยู่สามสิบหลา เธอรีบเดินเร็วขึ้น เสียงย่ำเท้าถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะของพวกเขา เธอสามารถรู้ได้จากท่าทางของไอดานว่าเขากำลังวิตก เหมือนจะอยากร้องไห้ออกมา เขากำหอกในมือแน่น พยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง แต่มันเป็นท่าทางการจับที่ดูเก้กัง เนื่องจากหอกนั้นมีขนาดใหญ่เกินไป และเขาต้องพยายามแบกรับน้ำหนักของหอกเอาไว้
“เร็วสิ!” แบรกซ์ตันตะโกนออกมา หันมามองไอดานที่เดินตามหลังไกลออกไปหนึ่งฟุต
“เจ้ากำลังกลัวอะไร?” แบรนดอนพูดกับเขา
“ข้าไม่ได้กลัว…” ไอดานยืนกราน
“เงียบ!” แบรนดอนพูดออกมา พร้อมกับหยุดเดิน และเอาฝ่ามือของเขามายันไว้ที่หน้าอกของไอดาน การแสดงออกของเขาดูจริงจังเป็นครั้งแรก แบรกซ์ตันก็หยุดเดินเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดกำลังเคร่งเครียด
ไคร่าแอบอยู่หลังต้นไมในขณะที่กำลังมองดูพี่น้องของเธอ พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางที่โล่ง กำลังมองไปข้างหน้าราวกับเจออะไรบางอย่าง
เธอคลานไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พยายามหามุมที่ดีกว่านี้ เธอแหวกตัวเข้าไประหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้น และต้องผงะเมื่อเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังยืนดู หมูป่าเขาดำ ตัวใหญ่มหึมา กำลังกินลูกโอ๊คอยู่ มันไม่ใช่หมูป่าธรรมดา แต่มันเป็นหมูป่าตัวใหญ่ที่สุดที่เธอเคยเห็น งาของมันสีขาวโค้งยาวเหยียด พร้อมด้วยเขาสีดำแหลมคมสามอัน อันหนึ่งยื่นออกมาจากจมูก และอีกสองอันยื่นออกมาจากหัว ตัวของมันใหญ่เกือบเท่าหมี มันเป็นสัตว์หายาก ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายและรวดเร็วดุจสายฟ้า มันเป็นสัตว์ที่ทุกคนเกรงกลัว และเป็นสัตว์ที่นักล่าไม่อยากเจอมากที่สุด
แย่แล้ว
ไคร่าขนลุกชัน หวังว่าเลโอจะอยู่ที่นี่ แต่ดีแล้วที่มันไม่อยู่ ไม่เช่นนั้นมันคงจะกระโดดออกไปไล่หมูป่า และไคร่าไม่แน่ใจนักว่ามันจะสามารถเอาชนะได้ ไคร่าค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้า นำคันธนูออกมาจากไหล่อย่างช้า ๆ และเอื้อมมือไปหยิบลูกธนูโดยสัญชาตญาณ เธอพยายามคำนวณว่าหมูป่าอยู่ห่างจากพวกเขาแค่ไหน และห่างจากเธอเท่าไร เธอรู้ว่ามันไม่ดีแน่ เนื่องจากมีต้นไม้ขวางทิศทางการยิงธนูมากเกินไป และขนาดของสัตว์ตัวเท่านี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับข้อผิดพลาด เธอสงสัยว่าธนูดอกเดียวจะสามารถล้มหมูป่าตัวนี้ได้หรือไม่
ไคร่าสังเกตเห็นความหวาดกลัวบนใบหน้าของพวกพี่ชาย แบรนดอนและแบรกซ์ตันปกปิดความตระหนกด้วยท่าทีห้าวหาญ เธอรู้ว่ามันเกิดจากความมึนเมาอย่างแน่นอน ทั้งคู่ยกหอกขึ้นมาและเดินไปข้างหน้าหลายก้าว แบรกซ์ตันเห็นไอดานยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาหันไป วางมือลงบนบ่าของเด็กน้อย และพาไอดานก้าวไปพร้อมกับเขา
“นี่คือโอกาสที่เจ้าจะพิสูจน์ตัวเอง” แบรกซ์ตันพูด “ฆ่าหมูป่าตัวนี้ซะ และพวกเขาจะสรรเสริญเจ้าไปชั่วลูกชั่วหลาน”
“นำหัวของมันกลับไปและเจ้าจะมีชื่อเสียงไปตลอดชีวิต” แบรนดอนพูด
“ข้า…กลัว” ไอดานพูด
แบรนดอนและแบรกซ์ตันยิ้มเยาะ และหัวเราะออกมา
“กลัวหรือ?” แบรนดอนพูด “ท่านพ่อจะคิดยังไงถ้าเขาได้ยินที่เจ้าพูด?”
หมูป่าเริ่มตัวรู้ มันยกหัวขึ้นมา เผยให้เห็นดวงตาสีเหลืองเป็นประกาย มันจ้องมาที่พวกเขา อ้าปากคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธ พร้อมแยกเขี้ยวอันแหลมคมที่เต็มไปด้วยน้ำลายยืด ตามด้วยเสียงขู่อันดุร้ายที่ดังออกมา ไคร่ารับรู้ได้ถึงความน่ากลัวแม้แต่ในระยะที่เธอยืนอยู่ เธอกำลังนึกถึงความกลัวที่ไอดานต้องเผชิญ
ไคร่ารีบพุ่งไปข้างหน้า ละทิ้งความรอบคอบไปกับสายลม มุ่งมั่นที่จะตามให้ทันก่อนที่เรื่องราวจะสายเกินไป เมื่อเธออยู่ห่างจากพี่น้องของเธอไม่กี่ฟุต เธอตะโกนออกไป
“อย่ายุ่งกับมัน!”
เสียงอันแข็งกร้าวของเธอทำลายความเงียบ พี่น้องของเธอทั้งหมดหันกลับมา สีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“พวกเจ้าสนุกมากพอแล้ว” เธอพูด “ปล่อยมันไป”
ไอดานดูคลายความกังวล ส่วนแบรนดอนและแบร็กซ์ตันถลึงตาใส่เธอ
“เจ้าจะไปรู้อะไร?” แบรนดอนตะโกนกลับมา “เลิกมายุ่งกับพวกผู้ชายสักที”
เสียงคำรามของหมูป่าดังขึ้น มันกำลังคืบคลานเข้ามาหาพวกเขา ไคร่าก้าวไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกกลัวและโกรธ
“ถ้าพวกเจ้าโง่พอที่จะเป็นศัตรูกับสัตว์ร้ายนี้ก็เรื่องของเจ้า” เธอพูด “แต่พวกเจ้าต้องส่งไอดานมาให้ข้า”
แบรนดอนคิ้วขมวด
“ไอดานจะไม่เป็นไร” แบรนดอนโต้กลับ “เขากำลังจะเรียนรู้วิธีการต่อสู้ ใช่ไหม ไอดาน?”
ไอดานยืนเงียบ กำลังตะลึงด้วยความกลัว
ไคร่าเดินเข้าไปใกล้ขึ้น และคว้าแขนของไอดานไว้ หมูป่ากำลังใกล้เข้ามาทีละก้าวอย่างน่ากลัว
“หมูป่าจะไม่โจมตี ถ้ามันไม่โดนท้าทาย” ไคร่ากดดันพี่ชายของเธอ “ปล่อยมันไป”
แต่พวกพี่ชายของเธอไม่สนใจ ทั้งคู่หันไปเผชิญหน้าและยกหอกขึ้น พวกเขาเดินไปข้างหน้า ราวกับต้องการพิสูจน์ว่าพวกเขากล้าหาญเพียงใด
“ข้าจะเล็งหัวของมัน” แบรนดอนพูด
“ส่วนข้าจะเล็งที่คอ” แบร็กซ์ตันเห็นด้วย
หมูป่าคำรามเสียงดังขึ้น อ้าปากกว้างมากกว่าเดิม น้ำลายไหลยืด และก้าวเข้ามาอย่างน่ากลัว
“กลับมานี่!” ไคร่าตะโกนออกไปอย่างสิ้นหวัง
แต่แบรนดอนและแบร็กซ์ตันก้าวเท้าไปข้างหน้า พร้อมกับยกหอกของพวกเขาขึ้น และขว้างออกไป
ไคร่ามองตามด้วยความกังวลในขณะที่หอกร่อนอยู่ในอากาศ เธอเตรียมรับมือกับเรื่องร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น เธอมองอย่างผิดหวัง หอกของแบรนดอนพุ่งเฉี่ยวหูของหมูป่า แรงพอที่จะทำให้เลือดออก และกระตุ้นให้มันโกรธมากขึ้น ส่วนหอกของแบร็กซ์ตันนั้นไม่โดนเป้า ห่างจากหัวของหมูป่าไปหลายฟุต
นี่เป็นครั้งแรกที่แบรนดอนและแบร็กซ์ตันดูหวาดกลัว พวกเขายืนอยู่ที่นั่น อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ความมึนเมาจากไวน์ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว
หมูป่ากำลังโกรธ มันลดหัวต่ำลง ขู่คำรามด้วยเสียงที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง และทันใดนั้นมันก็พุ่งเข้ามา
ไคร่ามองดูด้วยความตกใจในขณะที่หมู่ป่ากำลังวิ่งเข้าใส่พี่ชายของเธอ มันเป็นหมูป่าที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเจอ มันพุ่งกระโจนผ่านหญ้าอย่างคล่องแคล่วราวกับกวาง
หมูป่าเข้ามาใกล้มากขึ้น แบรนดอนและแบร็กซ์ตันวิ่งหนีสุดชีวิตไปคนละทิศคนละทาง
นั่นทำให้ไอดานถูกทิ้งไว้ตรงนั้น เขายืนนิ่งอยู่กับที่เพียงคนเดียว ตัวแข็งทื่ออย่างหวาดกลัว อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาปล่อยมือออก หอกที่ถือไว้หล่นกลิ้งไปตามพื้น ไคร่ารู้ว่าไอดานไม่สามารถป้องกันตัวเองได้อยู่ดีถ้าเขาพยายาม แม้แต่ผู้ชายตัวโตก็ไม่สามารถทำได้ และตอนนี้หมูป่ากำลังเล็งไปที่ไอดาน พุ่งเป้าไปที่เขา
หัวใจของไคร่าเต้นรัว เธอรู้ว่าเธอมีเพียงโอกาสเดียว เธอกระโจนออกไปข้างหน้าโดยไม่ต้องคิด หลบหลีกตัวผ่านต้นไม้ เล็งธนูไปข้างหน้า นี่เป็นเพียงโอกาสเดียว และมันต้องสมบูรณ์แบบ เธอกำลังอยู่ในสภาวะความกลัว แม้ว่าหมูป่าจะอยู่นิ่งก็อาจทำให้การยิงยากขึ้น เธอรวบรวมสมาธิ มันจะต้องเป็นการยิงที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น เธอและไอดานต้องรอดไปจากที่นี่
“ไอดาน หมอบลง!” เธอตะโกน
ไอดานยังไม่ขยับ เขาขวางทางเธอ ทำให้เธอยิงไม่ถนัด ไคร่ายกธนูขึ้นมาและวิ่งไปข้างหน้า เธอรู้ว่าถ้าไอดานไม่ขยับ โอกาสยิงเพียงครั้งเดียวของเธอจะหมดไป สิ่งกีดขวางในป่าทำให้เท้าของเธอลื่นไถลบนหิมะและดินที่เปียกชื้น เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างจะจบลง
“ไอดาน!” เธอตะโกนอีกครั้งอย่างสิ้นหวัง
ด้วยปาฏิหาริย์บางอย่าง ครั้งนี้ไอดานได้ยินเธอแล้ว เขาก้มตัวลงกับพื้นในวินาทีสุดท้าย เปิดทางให้กับวิถียิงของไคร่า
เมื่อหมูป่าพุ่งเข้าใส่ไอดาน ทันใดนั้นเอง ไคร่ารู้สึกเหมือนเวลาเดินช้าลง โลกกำลังบิดเบี้ยว บางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นภายในตัวของเธอ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนและไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น โลกดูแคบลงและกลายเป็นจุดโฟกัส เธอสามารถได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัว เสียงลมหายใจของเธอ เสียงใบไม้ปลิวล่องลอย เสียงอีกาที่บินอยู่บนท้องฟ้า เธอรู้สึกเหมือนเธอเป็นส่วนหนึ่งกับจักรวาล ราวกับเธอได้เข้าสู่ดินแดนที่ซึ่งเธอและจักรวาลหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ไคร่ารู้สึกว่าฝ่ามือของเธอเจ็บแปลบด้วยพลังงานอันอบอุ่นที่ไม่สามารถอธิบายได้ เหมือนมีบางสิ่งกำลังคุกคามร่างกายของเธอ ภายในชั่วพริบตา เธอได้กลายเป็นใครบางคนที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเธอเอง ใครบางคนที่ทรงพลังอย่างมาก
จิตของไคร่าอยู่ในภาวะนิ่งสงบ เธอปล่อยให้ตัวเธอเองถูกขับเคลื่อนไปด้วยสัญชาตญาณ ด้วยพลังใหม่ที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายของเธอ เธอวางเท้าอย่างมั่นคง ยกคันธนูขึ้น ใส่ลูกธนู และยิงมันออกไป
เธอรู้ตั้งแต่วินาทีที่ปล่อยลูกธนูออกไปว่าครั้งนี้คือการยิงที่พิเศษ เธอไม่จำเป็นต้องมองดูว่าลูกธนูพุ่งเข้าเป้าตามที่ต้องการหรือไม่ เธอยิงออกไปอย่างเต็มกำลังเข้าที่ดวงตาข้างขวาของสัตว์ร้าย ทำให้มันไถลไปเกือบฟุตหนึ่งก่อนที่จะหยุดลง
หมูป่าส่งเสียงฮึดฮัด ขาของมันติดชะงัก หน้าของมันทิ่มลงไปกับหิมะ นอนดิ้นอยู่บนพื้น มันยังคงมีชีวิตอยู่ เกือบจะถึงตัวไอดาน หยุดห่างจากเขาเพียงฟุตหนึ่ง
หมูป่านอนชักกระตุกอยู่บนพื้น ไคร่าใส่ลูกธนูอีกดอกในคันธนูของเธอ ก้าวมาข้างหน้า ยืนอยู่เหนือหมูป่า และเล็งยิงไปที่หลังกะโหลกของมัน ในที่สุดมันก็นอนนิ่งสนิท
ไคร่ายืนอยู่อย่างนั้นในความเงียบสงบ หัวใจของเธอเต้นระรัว ความรู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่ามือกำลังบรรเทาลง พลังนั้นค่อย ๆ จางหายไป เธอสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น การยิงนั่นเป็นฝีมือของเธอหรือ?
ไคร่านึกถึงไอดานขึ้นมา เธอหันไปคว้าตัวเขา เขามองหน้าเธอเหมือนกับที่เขามองแม่ ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยความกลัว แต่ไร้ซึ่งการบาดเจ็บ เธอรู้สึกโล่งใจทันทีที่รู้ว่าเขาไม่เป็นอะไร
ไคร่ามองหาพี่ชายคนโตทั้งสอง แต่ละคนนอนแผ่อยู่บนพื้น จ้องมาที่เธอด้วยความตกใจและเกรงกลัว แต่มันยังมีอีกอย่างในดวงตาของพวกเขา บางอย่างที่หาข้อสรุปไม่ได้ในตัวเธอ มันคือความสงสัย เหมือนกับว่าเธอแตกต่างจากพวกเขา เหมือนเธอเป็นคนนอก มันคือแววตาที่ไคร่าเคยเจอเมื่อนานมาแล้ว นานพอที่จะทำให้เธอสงสัยตัวเอง เธอหันไปมองซากศพของสัตว์ร้ายตัวโตมหึมาที่นอนอยู่แทบเท้าของเธอ อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอทำได้อย่างไร เด็กผู้หญิงอายุสิบห้าปี สามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างไร เธอรู้ว่ามันเหนือกว่าคำว่าทักษะ และมันยิ่งกว่าคำว่าดวงดี
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ดูเหมือนจะมีบางสิ่งเกี่ยวกับตัวเธอที่บ่งบอกว่าเธอแตกต่างจากคนอื่น เธอยืนอยู่ที่นั่น รู้สึกสับสน ต้องการขยับตัวแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอตัวสั่นเทา นั่นไม่ใช่เพราะสัตว์ร้ายตัวนี้ แต่มันคือแววตาของพวกพี่ชายที่มองดูเธอ เธอเคยสงสัยมานับล้านครั้ง คำถามที่เธอกลัวและไม่อยากเผชิญมาตลอดชีวิต
เธอคือใคร?