Читать книгу หน้าที่ของผู้กล้า - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 10

บทที่ ห้า

Оглавление

ราชินีเกว็นโดลีนทรงลืมพระเนตรขึ้น รู้สึกว่าโลกเคลื่อนที่อยู่รอบพระนาง ทรงพยายามนึกว่ากำลังอยู่ที่ใด พระนางทรงเห็นประตูหินโค้งสีแดงบานใหญ่ของซิเลเซียเคลื่อนผ่านไป ทรงเห็นทหารจักรวรรดิกำลังมองดูพระนางด้วยความประหลาดใจ ราชินีทรงเห็นสเตฟเฟนเดินอยู่ข้าง ๆ และเห็นท้องฟ้าขยับเคลื่อนที่ขึ้นลง พระนางทรงรู้แล้วว่ากำลังถูกอุ้มอยู่ ทรงอยู่ในอ้อมแขนของใครคนหนึ่ง

พระนางทรงยื่นศอขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เป็นประกายกล้าของอาร์กอน ราชินีเกว็นโดลีนทรงรู้แล้วว่าอาร์กอนกำลังอุ้มพระนางอยู่ และมีสเตฟเฟนเดินอยู่ด้านข้าง พวกเขาทั้งสามกำลังเดินผ่านประตูเมืองซิเลเซีย ผ่านทหารจักรวรรดิหลายพันคนที่แหวกเปิดทางให้พวกเขา แล้วยืนมองนิ่ง มีแสงสีขาวเรืองรองล้อมทั้งสามไว้ ราชินีเกว็นโดลีนทรงรู้สึกถึงพลังงานแรงกล้าที่ช่วยปกป้องอยู่ในอ้อมแขนของอาร์กอน พระนางทรงรู้ว่าเขาร่ายมนตร์บางอย่างเพื่อกันทหารพวกนั้นให้อยู่ห่าง

ราชินีเกว็นทรงรู้สึกสบาย และปลอดภัยในอ้อมแขนของอาร์กอน กล้ามเนื้อทุกมัดในพระวรกายปวดร้าว พระนางทรงอ่อนล้า และทรงไม่รู้ว่าหากลองเดินจะสามารถเดินได้หรือไม่ ทรงกระพริบพระเนตรขณะที่ทุกคนเดินไป พระนางทรงเห็นโลกเคลื่อนผ่านไปส่วนเล็กส่วนน้อย ทรงเห็นกำแพงพังทลาย เชิงเทินถล่ม บ้านเรือนถูกเผา ซากปรักหักพัง พระนางทรงเห็นว่าทุกคนกำลังเดินผ่านลาน และไปถึงประตูที่อยู่ไกลสุด ที่ขอบเหวของหุบเขาใหญ่ ทหารจักรวรรดิเปิดทางให้พวกเขาผ่านประตูนี้เข้าไปด้วย

ทุกคนมาถึงขอบเหว บริเวณลานที่เต็มไปด้วยแท่งเหล็กแหลม และเมื่ออาร์กอนเดินมาถึง มันก็เคลื่อนต่ำลง พาพวกเขากลับลงไปยังเขตเมืองต่ำของซิเลเซีย

เมื่อทุกคนเข้าไปในเขตเมืองต่ำ ราชินีเกว็นโดลีนทรงเห็นใบหน้ามากมายที่แสดงความกังวล ใบหน้าใจดีของชาวซิเลเซียกำลังมองดูพระนางผ่านพวกเขาไปเหมือนขบวนแห่ ทุกคนมองมาด้วยความประหลาดใจและเป็นห่วง ขณะที่พระนางถูกพาลงไปยังจัตุรัสกลางเมือง

เมื่อไปถึง ประชาชนหลายร้อยคนห้อมล้อมพวกเขาอยู่ที่นั่น ราชินีทรงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เจ้าชายเคนดริค สร็อก เจ้าชายก็อดฟรีย์ บรอม คอล์ค แอ็ทมี ทหารกองรบเงินและกองยุวชนที่พระนางทรงจำได้ พวกเขาล้อมกันอยู่รอบ ๆ สีหน้าแสดงความเสียใจฉายอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้า ขณะที่สายหมอกม้วนตัวมาจากหุบเขาใหญ่ และสายลมเย็นพัดมาปะทะพระนาง ราชินีทรงหลับพระเนตร ทรงอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างนี้หายไป พระนางทรงรู้สึกราวกับตัวเองเป็นของที่นำมาแสดง รู้สึกต้อยต่ำและอับอาย และพระนางทรงรู้สึกว่าได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง

พวกเขายังเดินกันต่อไป ผ่านผู้คนเหล่านี้ไปยังตรอกแคบ ๆ ของเขตเมืองต่ำ ผ่านประตูโค้งอีกแห่ง และในที่สุดก็ไปถึงปราสาทเล็ก ๆ ของเขตเมืองต่ำ ราชินีเกว็นทรงสะลืมสะลือเมื่อพวกเขาเข้าไปในปราสาทสีแดงงดงาม ขึ้นบันไดและเดินไปตามโถงทางเดินยาว ก่อนจะผ่านประตูโค้งอีกแห่ง ในที่สุดก็ไปถึงประตูบานเล็กที่เปิดออกให้พวกเขาเข้าไปด้านใน

ภายในห้องมีแสงสลัว มันเป็นห้องบรรทมขนาดใหญ่ มีเตียงสี่เสาแบบโบราณตั้งอยู่ตรงกลาง เสียงไฟปะทุอยู่ในเตาผิงหินอ่อนที่อยู่ไม่ห่าง นางข้าหลวงหลายคนยืนรออยู่ในห้อง ราชินีเกว็นโดลีนทรงรู้สึกว่าอาร์กอนพาพระนางไปที่พระแท่นบรรทม แล้ววางลงอย่างทนุถนอม ก่อนที่คนมากมายจะห้อมล้อมเข้ามามองดูพระนางอย่างเป็นห่วง

อาร์กอนถอยห่างไป เขาก้าวถอยหลังแล้วหายไปท่ามกลางผู้คน ราชินีทรงมองหาเขา พระนางกระพริบพระเนตรหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบเขาอีก เขาจากไปแล้ว พลังงานที่ปกป้องก็หายไปด้วย มันโอบล้อมพระนางไว้ราวกับโล่ ราชินีเกว็นทรงรู้สึกหนาวและขาดผู้คุ้มครอง เมื่อไม่มีเขาอยู่ใกล้

ราชินีเกว็นทรงเลียพระโอษฐ์ที่แห้งแตก ครู่ต่อมาพระนางทรงรู้สึกว่ามีคนยกพระเศียรขึ้น แล้วสอดพระเขนยเข้ามาให้ มีผู้นำเหยือกน้ำมาจ่อที่พระโอษฐ์ พระนางทรงดื่มไม่หยุด และรู้ตัวว่าทรงกระหายเพียงใด เมื่อทรงเงยพระพักตร์ขึ้นก็เห็นสตรีนางหนึ่งซึ่งพระนางทรงรู้จักดี

อิลเลพรา หมอหลวง นางกำลังมองลงมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนโยนแสดงความเป็นห่วง นางป้อนน้ำ แล้วนำผ้าอุ่น ๆ มาเช็ดพระนลาฏ ปัดพระเกศาให้พ้นจากพระพักตร์ แล้ววางฝ่ามือลงที่พระนลาฏ ราชินีเกว็นทรงรู้สึกถึงพลังเยียวยาแผ่ซ่านมา พระนางรู้สึกว่าพระเนตรเริ่มหนักขึ้น และในไม่ช้าก็ทรงหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว

*

ราชินีเกว็นโดลีนทรงไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด เมื่อพระนางทรงลืมพระเนตรขึ้นอีกครั้ง พระนางยังคงอ่อนล้าและสับสน ในความฝันพระนางได้ยินเสียงหนึ่ง และตอนนี้ก็ทรงได้ยินมันอีกครั้ง

“เกว็นโดลีน” เสียงนั้นดังขึ้น พระนางได้ยินมันก้องอยู่ในพระหทัย และสงสัยว่าเขาเรียกพระนางมาแล้วกี่ครั้ง

ราชินีทรงลืมพระเนตรขึ้นมองและเห็นเจ้าชายเคนดริคกำลังมองดูพระนาง มีเจ้าชายก็อดฟรีย์ประทับอยู่ด้านข้าง พร้อมด้วยสร็อก บรอม คอล์ค และคนอื่น ๆ สเตฟเฟนยืนอยู่อีกข้าง พระนางไม่ชอบสีหน้าของพวกเขา ทุกคนมองดูพระนางราวกับเป็นสิ่งที่น่าเวทนา ราวกับพระนางเพิ่งฟื้นจากความตาย

“น้องข้า” เจ้าชายเคนดริคตรัสพลางแย้มสรวล พระนางทรงรู้สึกถึงความกังวลในน้ำเสียงของเชษฐา “บอกพวกเราว่าเกิดอะไรขึ้น”

ราชินีเกว็นส่ายพระเศียร ทรงอ่อนล้าเกินกว่าจะเล่าสิ่งใด

“แอนโดนิคัส” พระนางตรัส พระสุรเสียงแหบพร่าเปล่งออกมาราวกับเสียงกระซิบ ราชินีทรงกระแอม “ข้าพยายาม…ที่จะยอมศิโรราบ…เพื่อบ้านเมือง…ข้าไว้ใจมัน ช่างโง่นัก…”

พระนางส่ายพระเศียรอีกหลายครั้ง น้ำพระเนตรหยาดลงมาตามพระปราง

“ไม่หรอก เจ้าเป็นผู้มีเกียรติ” เจ้าชายเคนดริคตรัสแก้ พลางกุมพระหัตถ์พระนางไว้ “เจ้าเป็นผู้ที่กล้าหาญที่สุดในบรรดาพวกเรา”

“เจ้าทำสิ่งที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ควรจะทำ” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัส พลางก้าวมาหา

ราชินีเกว็นส่ายพระพักตร์

“มันหลอกข้า…” ราชินีเกว็นโดลีนตรัส “…และทำร้ายข้า มันให้แม็คคลาวด์ทำร้ายข้า”

ราชินีเกว็นทรงอดกลั้นไม่ไหว พระนางเริ่มกรรแสงขณะที่ตรัสเล่า ทรงรู้ดีกว่าไม่ใช่สิ่งที่ผู้นำควรจะทำ แต่พระนางทรงไม่อาจห้ามตัวเองได้

เจ้าชายเคนดริคทรงจับพระหัตถ์ขนิษฐาแน่นขึ้น

“พวกมันจะฆ่าข้า…” พระนางตรัสต่อ “…แต่สเตฟเฟนมาช่วยข้าไว้…”

ทุกคนหันไปมองดูสเตฟเฟนด้วยความนับถือ เขายืนก้มศีรษะอยู่ข้างพระนางด้วยความจงรักภักดี

“สิ่งที่ข้าได้ทำลงไปนั่นช่างเล็กน้อยและไม่ทันกาล” เขาบอกอย่างถ่อมตัว “ข้าเพียงคนเดียวต่อกรกับคนมากมาย”

“ถึงกระนั้น เจ้าก็ได้ช่วยน้องสาวของข้าไว้ และพวกเราจะเป็นหนี้เจ้าตลอดไป” เจ้าชายเคนดริคตรัส

สเตฟเฟนส่ายหน้า

“ข้าเป็นหนี้พระนางมากมายกว่านั้น” เขาตอบ

ราชินีเกว็นทรงกรรแสง

“อาร์กอนมาช่วยเราทั้งคู่ไว้” พระนางตรัสสรุป

เจ้าชายเคนดริคพระพักตร์หมองลง

“พวกเราจะแก้แค้นให้เจ้า” พระองค์ตรัส

“ข้าไม่ได้ห่วงตัวเอง” ราชินีตรัส “แต่เป็นห่วงเมือง…ประชาชน…ซิเลเซีย…แอนโดรนิคัส…มันจะโจมตี…”

เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงตบพระหัตถ์พระนางเบา ๆ

“ตอนนี้เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น” พระองค์ตรัสพลางก้าวเข้ามาใกล้ “พักผ่อนเถิด ให้พวกเราหารือกันเรื่องนี้เอง ตอนนี้เจ้าปลอดภัยอยู่ที่นี่แล้ว”

ราชินีเกว็นทรงรู้สึกว่าพระเนตรปิดลง พระนางทรงไม่รู้ว่ากำลังตื่นอยู่หรือเป็นความฝัน

“พระนางต้องพักผ่อน” อิลเลพราบอก พลางก้าวเข้ามาอย่างปกป้อง

ราชินีเกว็นโดลีนทรงรับรู้อย่างลางเลือน เมื่อทรงรู้สึกว่าพระวรกายเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ และล่องลอยสู่การหลับใหล ในพระหทัย พระนางทรงเห็นภาพธอร์แวบขึ้นมา แล้วเป็นภาพพระบิดา พระนางทรงไม่อาจแยกแยะได้ว่าสิ่งใดเป็นความจริง และสิ่งใดคือความฝัน ราชินีเกว็นทรงได้ยินเสียงสนทนากระท่อนกระแท่นอยู่เหนือพระเศียร

“บาดแผลของนางร้ายแรงเพียงใด?” มีเสียงหนึ่งถามขึ้น อาจจะเป็นเสียงของเจ้าชายเคนดริค

พระนางทรงรู้สึกว่าอิลเลพราใช้ฝ่ามือลูบพระนลาฏ แล้วคำสุดท้ายที่ทรงได้ยินก่อนจะหลับไปเป็นเสียงของอิลเลพรา

“บาดแผลทางกายนั้นเล็กน้อย ฝ่าบาท  บาดแผลทางใจของพระนางต่างหากที่หนักหนา”

*

เมื่อราชินีเกว็นทรงตื่นบรรทมอีกครั้ง ทรงได้ยินเสียงเปลวไฟปะทุ พระนางทรงไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ทรงกระพริบพระเนตรหลายครั้ง ขณะที่ทอดพระเนตรไปรอบ ๆ ห้องแสงสลัว ผู้คนที่รายล้อมหายไปแล้ว เหลือเพียงสเตฟเฟนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างพระแท่น อิลเลพราที่ยืนอยู่เหนือพระนาง กำลังป้ายยาให้ที่ข้อพระกร และอีกคนหนึ่ง ชายชราใจดีที่กำลังมองดูพระนางด้วยความเป็นห่วง ราชินีเกว็นเกือบจะนึกออกว่าเขาเป็นใคร แต่กลับต้องพยายามนึก พระนางทรงรู้สึกอ่อนล้า เหนื่อยอ่อนมากเกินไป ราวกับไม่ได้บรรทมมาหลายปี

“ฝ่าบาท?” ชายชราทูล พลางก้มเข้ามาหา เขาถือบางสิ่งขนาดใหญ่อยู่ด้วยสองมือ ราชินีเกว็นทอดพระเนตรมองและเห็นว่ามันคือหนังสือปกหนัง

“ข้าคืออะเบอร์ธอล” เขาทูล “ครูผู้ชราของท่าน ทรงได้ยินข้าหรือไม่?”

ราชินีเกว็นทรงกลืนพระเขฬะแล้วพยักพระพักตร์ช้า ๆ หรี่ปรือพระเนตรขึ้นเพียงเล็กน้อย

“ข้ารอเฝ้าอยู่หลายชั่วโมง” เขาทูล “ข้าเห็นท่านทรงกระสับกระส่าย”

พระนางทรงพยักพระพักตร์ช้า ๆ อย่างจำได้ และซาบซึ้งที่เขามา

อะเบอร์ธอลก้มลงมาใกล้ แล้วเปิดหนังสือเล่มใหญ่ของเขา พระนางทรงรู้สึกถึงน้ำหนักของมันบนพระเพลา และทรงได้ยินเสียงพลิกหน้ากระดาษอันใหญ่โต เมื่อเขากางมันออก

“นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่เล่มที่ข้านำออกมาได้” เขาทูล “ก่อนที่สภาแห่งปราชญ์จะถูกเผา มันคือจดหมายเหตุเล่มที่สี่ของแม็คกิล ท่านทรงเคยอ่านแล้ว เป็นเรื่องราวของการพิชิต ชัยชนะและการพ่ายแพ้ แน่นอนว่ายังมีเรื่องราวอื่นด้วย เรื่องราวการบาดเจ็บของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ทั้งบาดแผลทางกาย และบาดแผลทางใจ การบาดเจ็บทุกอย่างที่จะมีได้ ฝ่าบาท และนี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจะทูล แม้แต่บุรุษและสตรีที่เก่งที่สุดต่างก็ทนทุกข์กับการกระทำ อาการบาดเจ็บและความทรมานที่เกินจะคิดฝันถึงที่สุด ท่านไม่ได้อยู่เดียวดาย ท่านเป็นเพียงซี่ล้อหนึ่งในกงล้อแห่งเวลา ยังมีคนอื่นอีกนับไม่ถ้วนที่ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าท่าน และมีหลายคนที่รอดชีวิต และกลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่”

“อย่าทรงละอาย” เขาทูล พลางจับพระหัตถ์ของพระนางไว้ “นี่คือสิ่งที่ข้าอยากจะบอก อย่าทรงละอาย ไม่มีสิ่งใดที่ท่านต้องอับอาย มีเพียงเกียรติยศและความกล้าหาญในสิ่งที่ท่านได้ทำลงไป ท่านทรงเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่อาณาจักรวงแหวนเคยมี และนี่ไม่ได้ทำให้มันด้อยค่าลงเลย”

ราชินีเกว็นทรงประทับใจกับคำพูดของเขา น้ำพระเนตรหยาดลงอาบพระปราง คำพูดของเขาเป็นสิ่งที่พระนางทรงต้องการฟัง และทรงซาบซึ้งอย่างยิ่ง โดยหลังแห่งตรรกะแล้วพระนางทรงรับรู้และเข้าใจว่าเขากล่าวถูกต้อง

แต่โดยทางอารมณ์แล้ว พระนางยังทรงต้องการเวลาในการยอมรับ ทรงอดรู้สึกไม่ได้ว่าพระนางทรงถูกทำลายไปแล้วตลอดกาล ราชินีทรงรู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่ก็เป็นสิ่งที่ทรงรู้สึก

อะเบอร์ธอลยิ้ม ขณะที่หยิบหนังสือเล่มเล็กกว่าออกมา

“ทรงจำหนังสือเล่มนี้ได้ไหม?” เขาทูลถาม หันหน้าปกหนังสีแดงมาให้ “หนังสือเล่มโปรดของท่านตอนยังทรงพระเยาว์ ตำนานของบรรพบุรุษ มีเรื่องหนึ่งในนี้ที่ข้าอยากจะอ่านถวาย เพื่อช่วยท่านฆ่าเวลา”

ราชินีเกว็นทรงประทับใจกับความเอื้อเฟื้อ แต่พระนางทรงรับไม่ไหวอีกแล้ว ทรงส่ายพระพักตร์อย่างเศร้าสร้อย

“ขอบใจท่านมาก” พระนางตรัสเสียงแหบพร่า น้ำพระเนตรหยดลงมาอีก “แต่ข้ายังไม่อยากฟังตอนนี้”

อะเบอร์ธอลมีสีหน้าผิดหวัง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“โอกาสหน้าเถอะนะ” พระนางตรัสอย่างหดหู่ “ข้าอยากอยู่คนเดียว โปรดให้ข้าอยู่ตามลำพังเถิด พวกท่านทุกคน” พระนางตรัส พลางหันไปมองสเตฟเฟนและอิลเลพรา

ทุกคนลุกขึ้นยืน ถวายคำนับ แล้วรีบออกจากห้องไป

ราชินีเกว็นทรงรู้สึกผิด แต่พระนางไม่อาจหยุดได้ พระนางทรงอยากจะขาดใจตายไปเสีย ทรงฟังเสียงฝีเท้าของพวกเขาเดินออกไปจากห้อง ได้ยินเสียงประตูปิดลง แล้วจึงเงยพระพักตร์ขึ้นดูว่าในห้องไม่มีใครอยู่แล้วหรือไม่

แต่พระนางกลับต้องประหลาดพระทัยที่เห็นว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น มีคนหนึ่งยืนอยู่ตรงช่องประตู ท่วงท่าสง่าเหมือนเช่นเคย พระนางเสด็จตรงมาหาราชินีเกว็นช้า ๆ และหยุดยืนห่างจากพระแท่นไปเพียงไม่กี่ฟุต ทอดพระเนตรมองพระนางด้วยสีพระพักตร์เรียบเฉย

พระมารดาของพระนาง

ราชินีเกว็นทรงประหลาดพระทัยที่ได้เห็นพระมารดา อดีตราชินีผู้ทรงสง่างามและภาคภูมิเหมือนเช่นเคย ทอดพระเนตรมองพระนางด้วยพระพักตร์เย็นชาเหมือนเคย ไม่มีความเห็นอกเห็นใจในแววพระเนตร เหมือนที่คนอื่น ๆ ที่มาเยี่ยมมีให้

“ท่านมาที่นี่ทำไม?” ราชินีเกว็นตรัสถาม

“ข้ามาหาเจ้า”

“แต่จ้าไม่อยากพบท่าน” ราชินีเกว็นตรัสตอบ “ข้าไม่อยากพบใครทั้งนั้น”

“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าต้องการอะไร” พระมารดาตรัสอย่างเย็นชาและมั่นใจ “ข้าเป็นแม่ของเจ้า และข้ามีสิทธิ์มาพบเจ้าเมื่อข้าต้องการ”

ราชินีเกว็นทรงรู้สึกถึงความกริ้วโกรธที่มีต่อพระมารดาในอดีตปะทุขึ้นอีกครั้ง พระนางทรงเป็นคนสุดท้ายที่ราชินีเกว็นโดลีนทรงต้องการพบในเวลาเช่นนี้ แต่ทรงรู้จักพระมารดาดีและรู้ว่าพระนางจะไม่จากไปจนกว่าจะได้พูดในสิ่งที่ต้องการ

“เช่นนั้นก็ทรงตรัสมา” ราชินีเกว็นโดลีนตรัสบอก “เสร็จแล้วก็ไปเสีย แล้วอย่ามายุ่งกับข้าอีก”

พระมารดาทรงถอนหายใจ

“เจ้าไม่เคยรู้เรื่องนี้” พระมารดาตรัส “แต่สมัยที่ข้ายังสาว อายุรุ่นเดียวกับเจ้า ข้าก็ถูกทำร้ายเหมือนกับที่เจ้าโดน”

ราชินีเกว็นทอดพระเนตรมองพระมารดาด้วยความตกพระทัย พระนางทรงไม่เคยรู้มาก่อน

“พระบิดาของเจ้าทรงรู้เรื่องนี้” พระมารดาตรัสเล่าต่อ “และพระองค์ไม่ได้ใส่พระทัย ทรงแต่งงานกับข้าเช่นเดิม ในตอนนั้นข้ารู้สึกเหมือนโลกของข้าจบสิ้นแล้ว แต่มันมิได้เป็นเช่นนั้น”

ราชินีเกว็นทรงหลับพระเนตร รู้สึกว่าน้ำพระเนตรหยาดลงมาตามพระปราง ทรงพยายามปิดกั้นไม่รับฟัง พระนางทรงไม่ต้องการฟังเรื่องของพระมารดา มันสายเกินไปที่พระมารดาจะแสดงความเห็นอกเห็นใจใด ๆ นี่พระนางทรงคิดว่าจะทรงเยื้องย่างเข้ามาที่นี่ หลังจากหลายปีที่ทรงเกรี้ยวกราดใส่ มาเล่าเรื่องราวน่าเวทนา แล้วคาดว่าทุกสิ่งจะถูกแก้ไขอย่างนั้นหรือ?

“ท่านตรัสเสร็จหรือยัง?” ราชินีเกว็นตรัสถาม

พระมารดาทรงก้าวมาด้านหน้า “ยัง ข้ายังพูดไม่จบ” พระนางตรัสหนักแน่น “ตอนนี้เจ้าเป็นราชินีแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าต้องทำตัวเหมือนเป็นราชินี” พระมารดาตรัสด้วยพระสุรเสียงกระด้างดุจเหล็กกล้า ราชินีเกว็นทรงรู้สึกถึงความเข้มแข็งในพระสุรเสียงอย่างที่ทรงไม่เคยได้ยินมาก่อน “เจ้าเวทนาตัวเอง แต่มีสตรีที่ต้องทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทุก ๆ วัน สิ่งที่เกิดกับเจ้านั้นไม่มีค่าอะไรเลยในวิถีแห่งชีวิต เจ้าเข้าใจข้าไหม? มันไม่มีความหมายอะไร”

พระมารดาทรงถอนหายใจ

“หากเจ้าอยากจะมีชีวิตรอดและใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เจ้าจะต้องเข้มแข็ง เข้มแข็งกว่าบุรุษ บุรุษจะชนะเจ้าได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้า แต่เป็นวิธีที่เจ้ายอมรับมัน วิธีที่เจ้ารับมือกับมันต่างหาก นั่นคือสิ่งที่เจ้าสามารถควบคุมได้ เจ้าอาจจะหมดอาลัยตายอยากแล้วสิ้นใจตายไป หรือเจ้าจะเข้มแข็ง นั่นคือความแตกต่างระหว่างเด็กสาวกับสตรี”

ราชินีเกว็นทรงรู้ว่าพระมารดาพยายามที่จะช่วย แต่พระนางทรงกริ้วกับท่าทีที่ขาดความเห็นอกเห็นใจของพระมารดา และทรงขุ่นเคืองที่ถูกสั่งสอน

“ข้าเกลียดท่าน” ราชินีเกว็นโดลีนตรัสบอก “ข้าเกลียดท่านเสมอ”

“ข้ารู้” พระมารดาตรัส “ข้าก็เกลียดเจ้าเช่นกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถเข้าใจกันได้ ข้าไม่ต้องการความรักของเจ้า สิ่งที่ข้าต้องการคือให้เจ้าเข้มแข็ง โลกนี้ไม่ได้ปกครองโดยผู้อ่อนแอและขลาดกลัว แต่ปกครองโดยผู้ที่ไม่หวาดหวั่นต่อเคราะห์กรรม เจ้าอาจจะล้มลงและตายไปก็ได้หากเจ้าต้องการ แต่ยังมีเวลาอีกมากสำหรับเรื่องนั้น และมันออกจะน่าเบื่อ จงเข้มแข็งและมีชีวิตอยู่ต่อไป ใช้ชีวิตอย่างแท้จริง และเป็นตัวอย่างแก่ผู้อื่น เพราะในวันหนึ่ง ข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะได้ตายแน่นอน แต่ระหว่างที่เจ้ายังมีชีวิต ก็ควรจะใช้ชีวิตให้ดี”

“ไปให้พ้น!” ราชินีเกว็นโดลีนทรงตะโกน ทรงไม่อาจทนฟังได้อีกแม้แต่คำเดียว

พระมารดาทอดพระเนตรมองมาอย่างเย็นชา และในที่สุดหลังจากความเงียบอันยาวนาน พระนางก็ทรงหันหลังและเสด็จจากไป ด้วยท่วงท่าราวกับนกยูง แล้วกระแทกประตูตามหลัง

ในความเงียบที่ว่างเปล่านั้น ราชินีเกว็นทรงกรรแสง พระนางทรงคร่ำครวญ และปรารถนาอย่างยิ่งให้ทุกสิ่งหายไปเสียที

หน้าที่ของผู้กล้า

Подняться наверх