Читать книгу หน้าที่ของผู้กล้า - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 6
บทที่ หนึ่ง
Оглавлениеราชินีเกว็นโดลีนทรงนอนคว่ำพระพักตร์อยู่บนทุ่งหญ้า ทรงรู้สึกถึงสายลมเย็นพัดผ่านพระฉวีเปลือยเปล่า ขณะทรงพยายามลืมพระเนตรขึ้นช้า ๆ โลกเริ่มกลับมาชัดเจนอีกครั้ง พระนางทรงอยู่ในสถานที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง ในทุ่งดอกไม้ที่สว่างไสวในแสงแดด ธอร์และพระบิดาทรงอยู่ด้วย ทุกคนกำลังหัวเราะและมีความสุข ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ
แต่ตอนนี้ เมื่อพระนางทรงลืมพระเนตรขึ้น โลกตรงหน้าแตกต่างออกไป พื้นดินแข็งและเย็น และผู้ที่อยู่ตรงหน้าพระนาง และกำลังยืนขึ้นช้า ๆ ไม่ใช่ธอร์ แต่เป็นปิศาจชั่วร้าย ราชาแม็คคลาวด์ พระองค์ทรงเสร็จธุระกับพระนางแล้ว และประทับยืนขึ้นช้า ๆ ทรงสวมสนับเพลา แล้วทอดพระเนตรมองลงมาด้วยความพอพระทัย
ความทรงจำกลับคืนมาสู่พระนางทันที ทรงยอมศิโรราบต่อแอนโดรนิคัส แต่มันกลับทรยศ พระนางทรงถูกราชาแม็คคลาวด์ทำร้าย พระปรางแดงเมื่อทรงจำได้ว่าพระนางทรงไร้เดียวสาเพียงใด
ราชินีเกว็นโดลีนทรงนอนนิ่ง เจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งพระวรกาย พระทัยสลาย และทรงอยากจะตายยิ่งกว่าครั้งใดในชีวิต
พระนางทรงเบิกพระเนตรกว้างขึ้นและเห็นกองทัพของแอนโดรนิคัส ทหารมากมายต่างกำลังมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความอับอายของพระนางยิ่งล้ำลึก พระนางไม่น่ายอมศิโรราบให้แก่ปิศาจร้ายตนนี้ พระนางน่าจะยืนหยัดต่อสู้ น่าจะทรงฟังเจ้าชายเคนดริคและคนอื่น ๆ แอนโดรนิคัสหลอกพระนางด้วยสัญชาตญาณการเสียสละของพระนาง และทรงหลงเชื่อมัน ราชินีทรงอยากจะเผชิญหน้ากับมันในสนามรบ ถึงแม้จะต้องสิ้นพระชนม์ แต่อย่างน้อยพระนางก็จะสิ้นพระชนม์อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี
ราชินีเกว็นโดลีนทรงรู้แน่ชัดเป็นครั้งแรกในชีวิตว่าพระนางทรงกำลังจะสิ้นพระชนม์ แต่นั่นกลับไม่ทำให้ทรงกังวลพระทัยอีกต่อไป พระนางทรงไม่ใส่พระทัยกับความตายอีกแล้ว ทรงสนพระทัยเพียงได้ตายด้วยวิถีของพระนาง และยังทรงไม่พร้อมที่จะตาย
ขณะที่พระนางทรงนอนนิ่งอยู่นั้น ราชินีเกว็นโดลีนทรงแอบกำดินไว้ในพระหัตถ์ข้างหนึ่ง
“เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว” ราชาแม็คคลาวด์สั่งด้วยสุรเสียงแหบห้าว “ข้าเสร็จเรื่องกับเจ้าแล้ว ถึงตาคนอื่นบ้างแล้ว”
ราชินีเกว็นทรงกำดินในพระหัตถ์แน่นจนข้อนิ้วพระหัตถ์ขาว และทรงภาวนาให้มันได้ผล
พระนางทรงดีดตัวหมุนพระองค์อย่างรวดเร็วแล้วขว้างดินในพระหัตถ์ใส่พระเนตรราชาแม็คคลาวด์
พระองค์ทรงไม่คาดคิด และส่งเสียงร้องออกมา พลางผงะเซถอยหลัง ยกพระหัตถ์ขึ้นปัดดินออกจากพระเนตร
ราชินีเกว็นทรงอาศัยจังหวะนั้น พระนางทรงเติบโตขึ้นมาในราชสำนัก มีอัศวินเป็นผู้เลี้ยงดู พวกเขามักจะสอนให้พระนางทรงโจมตีซ้ำ ก่อนที่ศัตรูจะมีเวลาตั้งตัว และยังสอนบทเรียนที่พระนางจะไม่มีทางลืม ไม่ว่าจะทรงมีอาวุธหรือไม่ จะต้องทรงมีอาวุธเสมอ พระนางทรงสามารถใช้อาวุธของศัตรูได้
ราชินีเกว็นทรงคว้าพระแสงมีดสั้นจากรัดพระองค์ของราชาแม็คคลาวด์ เงื้อขึ้นสูงแล้วจ้วงแทงลงที่หว่างขา
ราชาแม็คคลาวด์ส่งเสียงร้องดังออกมา เลื่อนพระหัตถ์จากพระเนตรลงไปคว้าที่หว่างพระเพลา โลหิตไหลทะลักลงมาระหว่างพระเพลาของพระองค์ เมื่อทรงดึงพระแสงมีดสั้นออก พลางอ้าโอษฐ์ค้างด้วยความเจ็บปวด
ราชินีเกว็นโดลีนทรงพอพระทัยที่ทรงสามารถทำการแก้แค้นเล็ก ๆ นี้ได้ แต่แล้วพระนางกลับต้องประหลาดพระทัย บาดแผลที่น่าจะทำให้คนอื่นล้มคว่ำลงไปแล้ว กลับไม่ได้ทำให้ราชาแม็คคลาวด์ช้าลงเลย พระองค์ทรงเป็นปิศาจที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ พระนางทรงสร้างบาดแผลฉกรรจ์ ตรงที่ ๆ พระองค์สมควรจะได้รับ แต่มันไม่ได้ฆ่าพระองค์ ไม่แม้แต่จะทำให้พระองค์ทรุดลงด้วยซ้ำ
ราชาแม็คคลาวด์กลับทรงถือพระแสงมีดสั้นเล่มนั้น ที่มีโลหิตไหลหยด พลางยิ้มเยาะด้วยแววอาฆาต พระองค์ทรงก้าวเข้าใกล้ กำพระแสงไว้แน่นด้วยพระหัตถ์สั่นเทา ราชินีเกว็นโดลีนทรงรู้ว่าเวลาของพระนางมาถึงแล้ว อย่างน้อยที่สุดพระนางก็จะได้ตายพร้อมกับความพอพระทัยเล็ก ๆ นี้
“ข้าจะเฉือนหัวใจเจ้าออกมาป้อนให้เจ้ากิน” ราชาแม็คคลาวด์ตรัส “เตรียมตัวรับความเจ็บปวดที่แท้จริงเถิด”
ราชินีเกว็นโดลีนทรงเตรียมรับพระแสงที่กำลังจะแทงลงมา เตรียมพร้อมที่จะพบกับความตายอันเจ็บปวด
เสียงกรีดร้องดังขึ้น หลังจากที่ตกพระทัยอยู่ครู่หนึ่ง ราชินีเกว็นโดลีนต้องประหลาดพระทัยที่รู้ว่าเสียงร้องนั้นไม่ใช่เสียงของพระนาง แต่เป็นราชาแม็คคลาวด์ที่ทรงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
ราชินีเกว็นทรงลดพระหัตถ์ลงแล้วเงยขึ้นมองด้วยความสับสน ราชาแม็คคลาวด์ทรงปล่อยพระแสงหลุดจากพระหัตถ์ พระนางทรงกระพริบพระเนตรหลายครั้ง ทรงพยายามเข้าใจภาพที่เห็นตรงหน้า
ราชาแม็คคลาวด์ประทับยืนอยู่ตรงนั้นโดยมีลูกธนูแทงอยู่ในพระเนตร พระองค์ทรงร้องโหยหวน พระโลหิตทะลักจากพระเนตร ขณะที่ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นจับลูกธนูไว้ พระนางทรงไม่เข้าพระทัย ราชาแม็คคลาวด์ทรงถูกยิง แต่อย่างไรกันเล่า? และใครเป็นผู้ลงมือ?
ราชินีเกว็นทรงหันไปทางที่ลูกธนูถูกปล่อยมา พระนางทรงพระทัยชื้นเมื่อทรงเห็นสเตฟเฟนยืนอยู่ที่นั่น ถือคันธนูไว้ในมือ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกองทหาร และก่อนที่ใครจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น สเตฟเฟนก็ยิงออกมาอีกหกลูก ทีละลูก ๆ ทำให้ทหารหกคนที่ยืนอยู่ข้างราชาแม็คคลาวด์ล้มลง ลูกธนูแทงทะลุลำคอของทุกคน
สเตฟเฟนเตรียมจะยิงอีก แต่ในที่สุดพวกทหารก็เห็นเขาและกระโจนเข้าใส่ ตะลุมบอนจับเขากดลงกับพื้น
ราชาแม็คคลาวด์ยังคงส่งเสียงร้อง พระองค์ทรงหันหลังแล้ววิ่งเข้าใส่ฝูงชน น่าประหลาดที่พระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพ ราชินีเกว็นทรงหวังให้พระองค์ทรงตกพระโลหิตจนตาย
ราชินีเกว็นทรงนึกขอบใจสเตฟเฟนมากกว่าที่เขาจะรู้ พระนางทรงรู้ว่าคงจะต้องตายที่นี่ในวันนี้ด้วยน้ำมือของใครบางคน แต่อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ก็ไม่ใช่ด้วยน้ำมือของราชาแม็คคลาวด์
ค่ายทหารเงียบเสียงลงเมื่อแอนโดรนิคัสทรงยืนขึ้นและเสด็จมาหาราชินีเกว็นโดลีนช้า ๆ พระนางทรงนอนมองเขาเข้ามาใกล้ แอนโดรนิคัสตัวสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับภูเขากำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา เหล่าทหารเดินตามมาด้านหลังเมื่อแอนโดรนิคัสใกล้เข้ามา สนามรบเงียบสนิท มีเพียงเสียงสายลม
แอนโดรนิคัสหยุดห่างออกไปไม่กี่ฟุต ชะโงกเงื้อมอยู่เหนือพระนาง ทอดพระเนตรมองลงมา พระพักตร์เรียบเฉย ทรงยกหัตถ์ขึ้นแตะสร้อยพระศอร้อยศีรษะหดย่อช้า ๆ มีเสียงประหลาดดังมาจากพระอุระและพระศอ ฟังคล้ายเสียงแมวคราง พระองค์ดูเหมือนจะกริ้วและประหลาดพระทัยไปพร้อมกัน
“เจ้ากล้าท้าทายแอนโดรนิคัสผู้ยิ่งใหญ่” พระองค์ตรัสช้า ๆ ทั้งค่ายต่างนิ่งฟังสุรเสียงห้าวลึกฟังดูโบราณ พระสุรเสียงทรงอำนาจดังสะท้อนก้องไปทั่ว “มันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าเจ้าจะยอมรับการลงทัณฑ์ ตอนนี้เจ้าจะต้องรู้จักกับความเจ็บปวดที่แท้จริง”
แอนโดรนิคัสทรงหยิบพระแสงดาบที่ยาวกว่าดาบที่ราชินีเกว็นทรงเคยเห็น มันน่าจะยาวราวแปดฟุต เสียงโลหะดังสะท้อนไปทั่วสนามรบ พระองค์ทรงถือพระแสงดาบกระชับแน่น หันรับแสงอาทิตย์ สะท้อนแสงแรงกล้าทำให้พระเนตรของพระนางพร่ามัว แอนโดรนิคัสทรงขยับพลิกพิจารณาดูมัน ราวกับเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“เจ้าเป็นสตรีที่มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์” พระองค์ตรัส “มันเหมาะสมแล้วที่เจ้าควรจะตายด้วยดาบอันสูงส่ง”
แอนโดรนิคัสทรงก้าวเข้ามาอีกสองก้าว ทรงจับด้ามดาบไว้แน่นด้วยพระหัตถ์ทั้งสอง แล้วยกขึ้นสูง
ราชินีเกว็นโดลีนทรงหลับพระเนตร พระนางทรงได้ยินเสียงสายลมหวีดหวิว เสียงใบหญ้าขยับ ภาพความทรงจำในอดีตผ่านเข้ามา พระนางทรงรู้สึกถึงความสำเร็จในพระชนม์ชีพ ทุกสิ่งที่พระนางทรงเคยทำ ทุกคนที่ทรงรัก ในสำนึกสุดท้าย พระนางทรงนึกถึงธอร์ ราชินีทรงแตะสร้อยพระศอห้อยเครื่องรางที่เขามอบให้ แล้วกำไว้แน่น ทรงรู้สึกถึงพลังอบอุ่นที่แผ่ออกมา ทรงจำคำพูดของธอร์ตอนที่มอบมันให้แก่พระนางได้ เขาบอกว่าเครื่องรางนี้ หินสีแดงเก่าแก่ชิ้นนี้ สามารถช่วยชีวิตท่านได้หนึ่งครั้ง
ราชินีทรงกำมันแน่นขึ้น จนรู้สึกว่ามันเต้นตุบ ๆ อยู่ในพระหัตถ์ พระนางทรงภาวนาต่อพระเจ้าด้วยทุกอรูในพระวรกาย
พระเจ้าทรงโปรด ขอให้เครื่องรางนี้ได้ผล ขอทรงโปรดช่วยชีวิตข้าแค่เพียงครั้งนี้ ขอให้ข้าได้พบธอร์อีกครั้ง
ราชินีเกว็นโดลีนทรงลืมพระเนตร พระนางทรงคาดว่าจะได้เห็นพระแสงดาบของแอนโดรนิคัสฟาดฟันเข้าใส่ แต่พระนางกลับต้องประหลาดพระทัยกับภาพที่เห็น แอนโดรนิคัสประทับนิ่ง ทรงมองเลยพระนางไป ราวกับกำลังดูใครเดินเข้ามา พระองค์ดูประหลาดพระทัยและสับสน เป็นสิ่งที่พระนางทรงไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น
“เจ้าจงวางอาวุธลงเดี๋ยวนี้” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังราชินีเกว็นโดลีน
ราชินีเกว็นโดลีนทรงตื่นเต้นที่ได้ยินเสียงนั้น เป็นเสียงที่พระนางทรงรู้จัก ราชินีทรงหันไปและต้องตกพระทัยที่ได้เห็นผู้ที่พระนางทรงรู้จักดีเท่ากับพระบิดาของพระนางเอง
อาร์กอน
เขายืนอยู่ที่นั่น สวมเสื้อคลุมสีขาวมีฮู้ดคลุมศีรษะ ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้ารุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดที่พระนางทรงเคยเห็น เขาจ้องตรงไปที่แอนโดรนิคัส พระนางและสเตฟเฟนนอนอยู่บนพื้นระหว่างผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง พวกเขาเป็นผู้ที่มีพลังอันเหลือเชื่อ คนหนึ่งมีพลังแห่งความมืด ส่วนอีกคนมีพลังแห่งแสงสว่าง กำลังเผชิญหน้ากัน พระนางทรงแทบจะรู้สึกได้ว่ากำลังเกิดสงครามพลังจิตปะทะกันอยู่เหนือพระเศียร
“ข้าต้องทำอย่างนั้นหรือ?” แอนโดรนิคัสทรงเยาะหยัน พลางแย้มสรวล
แต่ราชินีเกว็นทรงเห็นว่าในรอยแย้มสรวลนั้น ริมพระโอษฐ์ของแอนโดรนิคัสสั่น เป็นครั้งแรกที่พระนางทรงเห็นสิ่งที่ดูคล้ายความกลัวในพระเนตรของแอนโดรนิคัส ทรงไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น แอนโดรนิคัสคงจะทรงรู้จักอาร์กอน และไม่ว่าจะทรงรู้อะไร นั่นน่าจะมากพอที่จะทำให้บุรุษผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกรู้สึกกลัว
“เจ้าจะต้องไม่ทำอันตรายนางอีก” อาร์กอนบอกอย่างเยือกเย็น “เจ้าจะต้องยอมรับการยอมจำนนของนาง” เขากล่าวพลางก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาเจิดจ้าสะกดมีพลังสะกด “เจ้าจะต้องยอมให้นางกลับไปหาคนของนาง และเจ้าจะยอมให้ประชาชนของนางยอมจำนน หากพวกเขาต้องการ ข้าจะบอกเจ้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เจ้าควรจะฉลาดพอที่จะยอมรับมัน”
แอนโดรนิคัสทรงจ้องมองอาร์กอน และกระพริบพระเนตรหลายครั้ง ราวกับลังเล
ในที่สุดพระองค์ก็ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นแล้วทรงพระสรวลเสียงดัง เป็นเสียงหัวเราะที่ดังที่สุดและชั่วร้ายที่สุดที่ราชินีเกว็นทรงเคยได้ยิน มันดังไปทั่วทั้งค่าย และดูเหมือนจะดังขึ้นไปก้องท้องฟ้า
“มายากลของผู้วิเศษอย่างเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก” แอนโดรนิคัสตรัส “ข้ารู้จักอาร์กอนผู้ยิ่งใหญ่ เคยมีช่วงเวลาที่เจ้าทรงอำนาจ มีคนกล่าวว่าเจ้าทรงอำนาจมากยิ่งกว่าผู้ใด มากกว่ามังกร มากกว่าท้องฟ้าด้วยซ้ำ แต่ยุคสมัยของเจ้าผ่านไปแล้ว ตอนนี้เป็นยุคใหม่ เป็นเวลาของแอนโดรนิคัสผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าเป็นเพียงของเก่าโบราณ เศษซากจากยุคเก่า สมัยที่แม็คกิลปกครอง สมัยที่เวทมนตร์ยังแข็งแกร่ง สมัยที่อาณาจักรวงแหวนแข็งแกร่ง แต่ชะตาของเจ้าผูกติดอยู่กับอาณาจักรวงแหวน และตอนนี้มันก็อ่อนแอลง เหมือนกับเจ้า”
“เจ้าช่างเขลาที่กล้าเผชิญหน้ากับข้า ตาเฒ่า ตอนนี้เจ้าจะต้องทนทุกข์ เจ้าจะได้รู้จักความแข็งแกร่งของแอนโดรนิคัสผู้ยิ่งใหญ่”
แอนโดรนิคัสเยาะหยัน พลางยกพระแสงดาบขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทรงทอดพระเนตรตรงไปที่อาร์กอน
“ข้าจะฆ่านางอย่างช้า ๆ ต่อหน้าเจ้า” แอนโดรนิคัสตรัส “จากนั้นข้าก็จะฆ่าเจ้าค่อมนั่น ก่อนจะจัดการเชือดเจ้า แต่ข้าจะปล่อยให้เจ้ารอด เป็นหลักฐานที่ยังมีชีวิตแสดงให้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของข้า”
ราชินีเกว็นโดลีนทรงเตรียมพร้อมและผงะหนีเมื่อแอนโดรนิคัสฟันพระแสงดาบลงมาที่พระเศียรของพระนาง
ทันใดนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้น พระนางทรงได้ยินเสียงมันแหวกอากาศมาเหมือนกับธนูนับพันดอก ตามมาด้วยเสียงร้องของแอนโดรนิคัส
พระนางทรงลืมพระเนตรมองอย่างไม่อย่างเชื่อที่ได้เห็นพระพักตร์ของแอนโดรนิคัสบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ทิ้งดาบในพระหัตถ์ลงแล้วคุกพระชงลงกับพื้น พระนางทรงเห็นอาร์กอนก้าวเข้ามาอีก ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา มีลูกไฟสีม่วงส่องสว่าง ลูกไฟเริ่มใหญ่ขึ้น ๆ จนล้อมแอนโดรนิคัสไว้ขณะที่อาร์กอนยังคงเดินใกล้เข้ามา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเดินเข้าใกล้แอนโดรนิคัสมากขึ้นเรื่อย ๆ พลางยื่นฝ่ามือออกมา
แอนโดรนิคัสทรงตัวงอเป็นกุ้งอยู่บนพื้นขณะที่แสงสว่างล้อมพระวรกายไว้
ทหารของแอนโดรนิคัสต่างอ้าปากค้าง แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ พวกเขาอาจจะทั้งกลัวและอาร์กอนอาจจะร่ายมนตร์ที่ทำให้พวกเขาไร้พลัง
“หยุดเสียที!” แอนโดรนิคัสทรงตะโกน ยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระกรรณ “ข้าขอร้อง!”
“เจ้าจะไม่ทำอันตรายนางอีก” อาร์กอนบอกช้า ๆ
“ข้าจะไม่ทำอันตรายนาง!” แอนโดรนิคัสทรงทวนคำ ราวกับอยู่ในภวังค์
“เจ้าจะต้องปล่อยนางไปเดี๋ยวนี้และยอมให้นางกลับไปหาคนของนาง”
“ข้าจะปล่อยนางเดี๋ยวนี้และยอมให้นางกลับไปหาคนของนาง!”
“เจ้าจะให้โอกาสประชาชนของนางยอมจำนน”
“ข้าจะให้โอกาสประชาชนของนางยอมจำนน!” แอนโดรนิคัสทรงร้องเสียงดัง “ได้โปรด! ข้าจะทำทุกอย่าง!”
อาร์กอนสูดหายใจลึก ก่อนจะหยุดในที่สุด แสงสว่างจางหายไปจากฝ่ามือของเขาขณะที่เขาค่อย ๆ ลดแขนลง
ราชินีเกว็นทอดพระเนตรมองดูเขาอย่างตกตะลึง พระนางทรงไม่เคยเห็นอาร์กอนทำเช่นนี้มาก่อน และทรงไม่เคยรู้จักพลังของเขา มันเหมือนกับกำลังมองดูสวรรค์เปิดออกตรงหน้า
“หากเราได้เจอกันอีก แอนโดรนิคัสผู้ยิ่งใหญ่” อาร์กอนบอกช้า ๆ มองดูแอนโดรนิคัสที่ทรงนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น “มันคือเวลาที่เจ้ากำลังเดินทาไปสู่อาณาจักรแห่งความตายอันมืดมนที่สุด”