Читать книгу หน้าที่ของผู้กล้า - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 9
บทที่ สี่
Оглавлениеราชากาเร็ธประทับอยู่ที่ปากถ้ำ ทอดพระเนตรมองดวงอาทิตย์ตกและรอคอย พระองค์ทรงเลียริมพระโอษฐ์ที่แห้งผากและพยายามตั้งพระสติ ฤทธิ์ของฝิ่นค่อยจางไปในที่สุด พระองค์ทรงเวียนพระเศียร และไม่ได้เสวยอาหารและน้ำมาหลายวันแล้ว ราชากาเร็ธทรงคิดถึงตอนที่พระองค์แอบหนีออกมาจากปราสาท ทรงเสด็จหนีมาตามเส้นทางลับด้านหลังเตาผิง ก่อนที่ลอร์ดคัลตินจะทันลอบโจมตีพระองค์ ราชาทรงแย้มสรวล ลอร์ดคัลตินอาจจะฉลาด แต่ราชากาเร็ธทรงฉลาดกว่า เขาประเมินพระองค์ต่ำไปเหมือนกับคนอื่น ๆ เขาไม่รู้ว่าพระองค์ทรงมีสายลับอยู่ทุกหนทุกแห่ง และทรงรู้แผนการของเขาเกือบจะทันที
ราชากาเร็ธทรงหนีมาได้ทันเวลา ก่อนที่คัลตินจะโจมตีพระองค์ และก่อนที่แอนโดรนิคัสจะบุกมาถึงราชสำนักและทำลายมันลงจนราบคาบ ลอร์ดคัลตินได้ช่วยพระองค์ไว้แท้ ๆ
ราชากาเร็ธทรงใช้เส้นทางลับโบราณที่คดเคี้ยวอยู่ใต้พื้นดิน และมาถึงเขตชนบทในที่สุด พระองค์ทรงโผล่ขึ้นมาที่หมู่บ้านที่ห่างไกลจากราชสำนักหลายไมล์ พระองค์ทรงโผล่ขึ้นมาใกล้กับถ้ำแห่งนี้และทรงสลบไสลไปเมื่อมาถึง ราชากาเร็ธบรรทมตลอดทั้งวัน พระองค์ทรงขดตัวและสั่นสะท้านอยู่ในอากาศหนาวที่ไม่ปราณี ทรงนึกอยากให้พระองค์ทรงฉลองพระองค์มาหลายชั้นกว่านี้
ราชากาเร็ธทรงตื่นบรรทมและหมอบแอบดูหมู่บ้านชาวนาเล็ก ๆ ที่เห็นอยู่ไกล ๆ มีกระท่อมอยู่เพียงไม่กี่หลัง ควันไฟลอยขึ้นจากปล่องไฟ มีทหารของแอนโดรนิคัสเดินตรวจตราอยู่ทั่วหมู่บ้านและเขตชนบท พระองค์ทรงอดทนรอจนพวกมันกระจายกันไป ราชาทรงปวดท้องด้วยความหิว พระองค์ทรงรู้ว่าจะต้องเสด็จไปให้ถึงกระท่อมสักหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ทรงได้กลิ่นอาหารแม้จากตรงนี้
ราชากาเร็ธทรงรีบวิ่งออกจากถ้ำ พลางทอดพระเนตรดูทุกทาง พระองค์ทรงหอบแรงและลนลานด้วยความกลัว พระองค์ไม่ได้ทรงวิ่งมาหลายปีแล้ว และต้องอ้าพระโอษฐ์หายพระทัยจากการวิ่ง มันทำให้ทรงรู้ว่าพระองค์ทรงผอมห้องแรงน้อยเพียงใด บาดแผลที่พระเศียรจากการถูกพระมารดาฟาดด้วยรูปปั้นยังปวดตุบ หากพระองค์ทรงรอดไปได้ ทรงสาบานว่าจะสังหารพระนางด้วยพระองค์เอง
ราชาทรงวิ่งเข้าไปในเมือง และโชคดีไม่ถูกทหารจักรวรรดิสองสามคนที่ยืนหันหลังให้หันมาพบ พระองค์ทรงวิ่งเร็วเข้าไปในกระท่อมหลังแรกที่ทรงเห็น เป็นกระท่อมห้องเดียวธรรมดา ๆ เหมือนหลังอื่น ๆ มีแสงไฟอบอุ่นส่องออกมาจากด้านใน ราชากาเร็ธทรงเห็นเด็กหญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพระองค์ กำลังเดินเข้าประตูมาพร้อมกับถือจานใส่เนื้อพูนจาน แย้มยิ้มกับเด็กหญิงที่อายุน้อยกว่า อาจจะเป็นน้องสาวของนาง อายุราวสิบปี พระองค์ทรงตัดสินพระทัยเลือกที่นี่
ราชากาเร็ธทรงวิ่งพรวดผ่านประตูเข้าไปพร้อมกับพวกนาง แล้วปิดประตูตามหลัง ก่อนจะคว้าตัวเด็กหญิงคนน้องไว้จากด้านหลัง ใช้พระพาหารัดลำคอนางไว้ เด็กหญิงกรีดร้องออกมา ขณะที่พี่สาวทำจานใส่อาหารหลุดมือ ราชากาเร็ธทรงดึงมีดจากเอวแล้วจ่อที่ลำคอของเด็กหญิง
นางส่งเสียงร้องพลางร้องไห้
“พ่อ!”
ราชากาเร็ธทอดพระเนตรดูภายในกระท่อมน่าสบาย แสงเทียนอาบไล้ไปทั่ว กลิ่นอาหารโชยไปทั่ว และทรงเห็นผู้เป็นบิดามารดายืนอยู่ข้างเด็กหญิงทั้งสอง ใกล้กับโต๊ะอาหาร กำลังมองมาที่พระองค์ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว
“ถอยไป แล้วข้าจะไม่ฆ่านาง!” ราชากาเร็ธทรงตะโกนบอกอย่างสิ้นหวัง ถอยห่างจากพวกเขา พลางจับตัวเด็กหญิงไว้แน่น
“ท่านเป็นใคร?” เด็กหญิงวัยรุ่นร้องถามขึ้น “ข้าชื่อซาร์คา น้องสาวข้าชื่อลาร์คา พวกเราเป็นครอบครัวรักสงบ ท่านต้องการอะไรจากน้องสาวข้า? ปล่อยนางไปเถิด!”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร” ผู้เป็นบิดาหรี่ตามองอย่างไม่ชอบใจ “เจ้าเป็นอดีตราชา บุตรของแม็คกิล”
“ข้ายังเป็นราชาอยู่” ราชากาเร็ธตะโกน “แล้วเจ้าก็เป็นประชาชนของข้า เจ้าต้องทำตามที่ข้าสั่ง!”
คนเป็นบิดาทำหน้าบึ้ง
“ถ้าเจ้าเป็นราชา แล้วไหนล่ะกองทัพของเจ้า?” เขาถาม “และหากเจ้าเป็นราชา เหตุใดถึงมาใช้พระแสงนั่นจับตัวเด็กหญิงไร้เดียงสาเป็นตัวประกันเล่า? บางทีนั่นอาจจะเป็นพระแสงเล่มเดียวกับที่เจ้าใช้สังหารบิดาของตัวเองก็เป็นได้?” เขาเย้ยหยัน “ข้าได้ยินได้ฟังข่าวลือมาบ้าง”
“เจ้าสักแต่มีปาก” ราชากาเร็ธตรัส “พล่ามไปเรื่อย ๆ ข้าจะได้ฆ่าลูกสาวเจ้าเสีย”
ผู้เป็นบิดากลืนน้ำลาย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว ก่อนจะหุบปากเงียบ
“เจ้าต้องการอะไรจากพวกเรา?” ผู้เป็นมารดาร้องถามขึ้น
“อาหาร” ราชากาเร็ธตรัส “และที่พัก หากพวกเจ้าบอกให้พวกทหารรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ ข้าสัญญาเลยว่าจะฆ่านางเสีย อย่าตุกติก เข้าใจไหม? หากเจ้ายอมให้ข้าอยู่ นางก็จะรอด ข้าจะนอนค้างที่นี่ เจ้า ซาร์คา เอาจานเนื้อมาให้ข้า ส่วนเจ้าเติมเชื้อไฟ แล้วไปหาเสื้อคลุมมาคลุมไหล่ให้ข้า ไปช้า ๆ นะ” พระองค์ทรงเตือน
ราชากาเร็ธทรงมองดูคนบิดาพยักหน้าให้คนที่เป็นมารดา ซาร์คาหยิบเนื้อคืนใส่จาน ขณะที่มารดาเดินเข้ามาใกล้พร้อมด้วยเสื้อคลุมตัวหนาและคลุมให้ที่พระอังสา ราชากาเร็ธยังทรงสั่นสะท้าน พระองค์ค่อย ๆ ถอยไปหาเตาผิงช้า ๆ เปลวไฟที่ปะทุอยู่ด้านหลังให้ความอบอุ่น ขณะที่พระองค์ประทับนั่งลงบนพื้นข้างเตาผิง พลางจับตัวลาร์คาที่ยังคงร้องไห้ไว้แน่น ซาร์คาเดินเข้ามาพร้อมกับจานอาหาร
“วางลงบนพื้นข้างข้า!” ราชากาเร็ธตรัสสั่ง “ช้า ๆ”
ซาร์คานิ่วหน้าทำตาม พลางมองดูน้องสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะกระแทกจานลงบนพื้นข้างพระองค์
กลิ่นอาหารดึงดูดราชากาเร็ธ พระองค์ทรงใช้พระหัตถ์ข้างที่ว่างหยิบเนื้อชิ้นใหญ่ อีกข้างยังถือพระแสงมีดสั้นจ่อที่ลำคอของลาร์คา พระองค์ทรงเคี้ยว พลางหลับพระเนตร เอร็ดอร่อยกับทุกคำ พระองค์ทรงเคี้ยวเร็วจนกลืนไม่ทัน ชิ้นเนื้อห้อยจากพระโอษฐ์
“เอาไวน์มา!” พระองค์ตะโกนสั่ง
คนที่เป็นมารดาส่งถุงไวน์ให้พระองค์ ซึ่งราชากาเร็ธทรงบีบมันใส่พระโอษฐ์ที่มีอาหารเต็ม เพื่อไล่อาหารลงพระศอไป พระองค์ทรงหายพระทัยลึก เคี้ยวและดื่ม เริ่มรู้สึกเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง
“ตอนนี้ก็ปล่อยนางได้แล้ว!” ผู้เป็นบิดาบอก
“ไม่มีทาง” ราชากาเร็ธตรัส “ข้าจะนอนที่นี่ โดยกอดนางไว้แบบนี้ นางจะปลอดภัย ตราบเท่าที่ข้าปลอดภัย เจ้าอยากจะเป็นวีรบุรุษไหมล่ะ? หรือเจ้าอยากให้ลูกสาวมีชีวิต?”
ทั้งครอบครัวหันมองหน้ากัน ลังเลและพูดไม่ออก
“ข้าขอถามท่านอย่างหนึ่ง?” ซาร์คาเอ่ยถาม “หากท่านเป็นราชาที่ดี ทำไมถึงทำกับประชาชนของท่านแบบนี้?”
ราชากาเร็ธทอดพระเนตรมองนางด้วยความสงสัย ก่อนจะเอนองค์แล้วทรงพระสรวลออกมา
“ใครบอกกันเล่าว่าข้าเป็นราชาที่ดี?”