Читать книгу เส้นทางแห่งวีรบุรุษ - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 10

บทที่ 1

Оглавление

เด็กหนุ่มยืนอยู่บนเนินที่สูงที่สุดของเขตประเทศต่ำในอาณาจักรตะวันตกของอาณาจักรวงแหวน เขามองไปทางเหนือ เฝ้าดูแสงแรกของดวงอาทิตย์ เด็กหนุ่มมองเห็นเนินเขาเขียวชอุ่มทอดตัวไกลสุดลูกหูลูกตา

สูง ๆ ต่ำ ๆ เหมือนโหนกของอูฐในรูปของหุบเขาและยอดเขามากมาย รัศมีสีส้มแผดเผาของแสงแรกแห่งดวงอาทิตย์อ้อยอิ่งอยู่ในหมอกยามเช้า ทำให้สายหมอกเป็นประกายราวกับแสงเวทมนตร์ ซึ่งพอเหมาะกับอารมณ์ของเด็กหนุ่ม เขาแทบจะไม่เคยตื่นเช้าเท่านี้และไม่เคยออกจากบ้านมาไกลแบบนี้ ทั้งยังไม่เคยปีนขึ้นมาสูงขนาดนี้ด้วย เขารู้ดีว่าจะทำให้บิดาโกรธ แต่สำหรับวันนี้เค้าไม่ใส่ใจ ในวันนี้เขาขอเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์และงานการนับล้าน ๆ ที่บีบคั้นเขามาตลอดสิบสี่ปี เพราะวันนี้เป็นวันที่ไม่ธรรมดา เป็นวันที่โชคชะตาของเขาได้เดินทางมาถึงแล้ว

ธอร์กริน เด็กหนุ่มจากอาณาจักรตะวันตก แห่งจังหวัดภาคใต้ จากเชื้อสายแม็คคลอยด์ เป็นที่รู้จักของทุกคนที่เขาเกี่ยวข้องในชื่อ ธอร์ บุตรคนเล็กสุดในบรรดาบุตรชายสี่คน และเป็นคนที่บิดาโปรดปรานน้อยที่สุด เขาตื่นอยู่ทั้งคืนเพื่อเฝ้ารอคอยวันนี้ เด็กหนุ่มนอนกระสับกระส่าย ดวงตาพร่ามัว เฝ้ารอคอย จดจ่อกับแสงแรกของดวงอาทิตย์ เพราะวันเช่นนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบหลายปี และหากเขาพลาด เขาจะต้องติดแหงก

อยู่ที่หมู่บ้านนี้ รับชะตากรรมทำหน้าที่ดูแลฝูงสัตว์ของบิดาไปตลอดชีวิต ซึ่งเป็นความคิดที่เขายอมรับไม่ได้

วันเกณฑ์พล เป็นวันที่กองทัพของพระราชาออกสำรวจไปทุกจังหวัดและคัดเลือกอาสาสมัครเข้าประจำการในกองทหารยุวชนของพระราชา ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ธอร์ไม่เคยฝันถึงอย่างอื่นเลย สำหรับเขาแล้วชีวิตนี้หมายถึงสิ่งเดียวเท่านั้น คือการได้เข้าร่วมในกองรบเงิน กองกำลังอัศวินชั้นยอดของพระราชา ที่แต่งกายด้วยชุดเกราะชั้นเลิศ พร้อมอาวุธชั้นเยี่ยมที่สุดในสองอาณาจักร คนที่จะเข้าร่วมกองรบเงินได้นั้นจะต้องได้เข้าร่วมในกองทหารยุวชนเสียก่อน เป็นกองกำลังทหารอายุระหว่างสิบสี่ถึงสิบเก้าปี และหากไม่ใช่บุตรชายของขุนนางหรือนักรบที่มีชื่อเสียงแล้ว ก็ไม่มีทางอื่นที่จะได้เข้าร่วมในกองทหารนี้

วันเกณฑ์พลเป็นข้อยกเว้นเดียว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน้อยมากในทุก ๆ หลายปี เมื่อกองทหารขาดกำลังพล และเหล่าทหารของพระราชาออกเสาะหากำลังพลใหม่ไปทั่วอาณาจักร ทุกคนรู้ดีว่ามีสามัญชนน้อยมากที่ได้รับเลือก และยิ่งน้อยเข้าไปอีกที่จะได้เข้าร่วมในกองทหารจริง ๆ

ธอร์สังเกตขอบฟ้าอย่างตั้งใจ มองหาสัญญาณความเคลื่อนไหว เขารู้ว่ากองรบเงินจะต้องใช้เส้นทางนี้ ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวที่เข้าไปยังหมู่บ้านของเขา และเขาอยากจะเป็นคนแรกที่ได้เห็นกองรบเงิน ฝูงแกะของ

ธอร์ประท้วงอยู่รอบตัวเขา พวกมันประสานเสียงร้องน่ารำคาญ กระตุ้นให้เขาพาพวกมันกลับลงเนินเขาไปหาทุ่งหญ้าที่น่าเล็มกว่า เขาพยายามไม่สนใจเสียงร้องและกลิ่นเหม็นสาบ เด็กหนุ่มต้องตั้งสมาธิ

ตลอดหลายปีของการดูแลฝูงสัตว์ หลายปีของการเป็นคนรับใช้ให้บิดา เป็นลูกไล่ให้บรรดาพี่ชาย เป็นคนที่ได้รับการดูแลน้อยที่สุดแต่ทำงานหนักที่สุด สิ่งที่ทำให้เรื่องทั้งหลายนี้เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ก็คือความคิดที่ว่าวันหนึ่งเขาจะไปจากที่นี่ วันหนึ่งเมื่อกองรบเงินมาถึง เขาจะทำให้ทุกคนที่ดูถูกเขาต้องประหลาดใจ และเขาจะได้รับคัดเลือก แค่พริบตาเดียวเขาก็จะได้ขึ้นรถม้าของพวกนั้นแล้วบอกลากับทุกสิ่งที่นี่

แน่นอนว่าบิดาของธอร์ไม่เคยมองว่าเขาเป็นผู้สมัครเข้ากองทหารอย่างจริงจัง ที่จริงแล้วบิดาไม่เคยมองว่าเขาเป็นผู้เข้าชิงสำหรับอะไรเลย บิดาทุ่มเทความรักความสนใจให้แก่พี่ชายทั้งสามคนของธอร์ พี่ชายคนโตอายุสิบเก้าปี และคนอื่น ๆ อายุไล่กันคนละหนึ่งปี ทำให้ธอร์เด็กกว่าคนอื่น ๆ สามปี อาจจะเป็นเพราะพวกพี่ชายมีอายุใกล้เคียงกัน หรืออาจจะเพราะพวกเขาหน้าตาคล้ายกันแต่ไม่มีอะไรเหมือนธอร์ พวกเขาสามคนขลุกอยู่ด้วยกัน แทบจะไม่รับรู้การมีตัวตนอยู่ของธอร์เลย

ที่แย่กว่านั้นคือพวกพี่ชายสูงใหญ่กว่า และแข็งแรงกว่าเขา แม้ธอร์จะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนตัวเตี้ย ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกตัวเล็กเมื่ออยู่ใกล้พวกนั้น รู้สึกเหมือนขาแข็งแรงของเขาผอมบาง เมื่อเทียบกับขาล่ำสันราวกับถังไม้โอ๊คของพวกพี่ชาย บิดาไม่ได้พยายามแก้ไขอะไรเรื่องนี้ ที่จริงแล้วดูเหมือนจะพอใจเสียด้วยซ้ำ เขาปล่อยให้ธอร์ดูแลแกะ และลับคมอาวุธ ขณะที่พวกพี่ชายได้ฝึกฝน แม้จะไม่เคยพูดออกมา แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันดีว่าธอร์จะต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาปีกของพี่ชาย ถูกบังคับให้มองดูพวกเขาประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ถ้าบิดาและพี่ชายของเขามีเส้นทางของตัวเองแล้ว ชะตากรรมของธอร์ก็คงจะเป็นการอยู่ที่นี่ ถูกหมู่บ้านนี้กลืนกิน และคอยช่วยเหลือครอบครัวของเขาตามที่พวกเขาต้องการ

เรื่องแย่อีกอย่างคือธอร์รู้ว่าพวกพี่ชายรู้สึกว่าถูกเขาคุกคาม อาจจะเกลียดเขาด้วยซ้ำ ธอร์มองเห็นในสายตาที่จ้องมองมาทุกครั้ง ในท่าทางของพวกเขา ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่เขาคงจะไปกระตุ้นบางอย่างในตัวพวกนั้น เช่น ความกลัว ความริษยา หรืออาจจะเป็นเพราะธอร์แตกต่างจากพวกเขา หน้าตาไม่คล้ายกัน หรือไม่พูดจาภาษาเดียวกัน เขายังแต่งตัวไม่เหมือนพวกนั้นด้วย บิดาจะเก็บเสื้อคลุมที่ดีที่สุด สีม่วงและสีแดง อาวุธชุบทอง ไว้สำหรับพี่ชายของเขา ในขณะที่ธอร์ต้องใส่ผ้าขี้ริ้วซอมซ่อ

แต่ธอร์ก็ทำให้ดีที่สุดด้วยสิ่งที่เขามี พยายามหาทางทำให้ชุดของเขาพอดีตัว ด้วยการผูกสายรัดไว้ที่เอว แล้วหน้าร้อนเช่นเวลานี้ เขาตัดแขนเสื้อออกเพื่อที่แขนกำยำของเขาจะได้สัมผัสลมเย็น เสื้อของเขาเข้าชุดกับกางเกงลินินเนื้อหยาบ เพียงตัวเดียวของเขา กับรองเท้าบู้ทที่ทำจากหนังคุณภาพแย่ที่สุด พันรัดไว้กับหน้าแข้ง มันเทียบไม่ได้เลยกับหนังรองเท้าบู้ทของพวกพี่ชาย แต่ธอร์ก็ทำให้มันใช้งานได้ เสื้อผ้าของเขาเป็นเครื่องแบบปกติของคนเลี้ยงสัตว์

แต่ธอร์แทบจะไม่มีลักษณะของคนเลี้ยงสัตว์เลย เขาสูงและสมส่วน มีขากรรไกรที่แข็งแรง และคางบึกบึน โหนกแก้มสูง และดวงตาสีเทา ดูคล้ายกับนักรบที่มาอยู่ผิดที่ผิดทาง ผมสีน้ำตาลเหยียดตรงทิ้งตัวเป็นคลื่นอยู่บนศีรษะ ยาวระใบหูและต้นคอ ดวงตาของเขาเป็นประกายเหมือนฝูงปลากระทบแสง

เช้าวันนี้พี่ชายของธอร์คงได้รับอนุญาตให้นอนตื่นสาย ได้รับประทานอาหารมีประโยชน์ แล้วถูกส่งไปรับการคัดเลือกพร้อมกับอาวุธที่ดีที่สุด และคำอวยพรของบิดา ในขณะที่ธอร์คงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม เขาพยายามจะพูดเรื่องนี้กับบิดาครั้งหนึ่ง มันไม่ค่อยดีนัก บิดารีบสรุปจบการสนทนา แล้วเขาก็ยังไม่ได้ลองอีก มันไม่ยุติธรรมเลย

ธอร์ตั้งใจจะปฏิเสธชะตากรรมที่บิดาวางแผนไว้ให้เขา เมื่อได้เห็นสัญญาณแรกของขบวนทหารหลวง เขาจะรีบวิ่งกลับไปบ้าน ไปเผชิญหน้ากับบิดา และไม่ว่าจะชอบหรือไม่ เขาจะเสนอตัวกับทหารของพระราชา ธอร์จะยืนให้เลือกพร้อมกับคนอื่น ๆ บิดาจะห้ามเขาไม่ได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกในท้องบิดเขม็งเป็นเกลียว

อาทิตย์ดวงแรกเคลื่อนสูงขึ้น และเมื่ออาทิตย์ดวงที่สองเริ่มฉายแสง สีเขียวมิ้นต์ เพิ่มชั้นแสงบนท้องฟ้าสีม่วง ธอร์ก็เห็นพวกนั้น

เขาผุดลุกขึ้น ขนลุกและตื่นเต้น ตรงขอบฟ้านั่น เห็นเป็นเงาร่างจาง ๆ ของรถม้า ล้อรถบดฝุ่นฟุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า หัวใจเขาเต้นเร็วขึ้นเมื่อเห็นรถม้าอีกคัน และอีกคัน แม้จะมองจากตรงนี้ รถม้าสีทองก็เปล่งประกายในแสงอาทิตย์ เหมือนปลาหลังเงินกระโจนขึ้นจากน้ำ

เมื่อนับได้สิบสองคัน ธอร์ก็ทนรอต่อไปไม่ได้ หัวใจเขาเต้นรัวอยู่ในอก เขาลืมฝูงสัตว์เป็นครั้งแรกในชีวิต ธอร์หันหลังแล้วถลันลงเนินไป ตั้งใจว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะได้แนะนำตัว

*

ธอร์แทบจะไม่หยุดพักหายใจเลยระหว่างรีบวิ่งลงเนินมา วิ่งผ่านหมู่ไม้ โดนกิ่งก้านข่วนเอาแต่เขาก็ไม่สนใจ เขาวิ่งไปถึงที่โล่ง มองเห็นหมู่บ้านของเขาทอดตัวอยู่เบื้องล่าง หมู่บ้านชนบทที่ยังหลับใหล เต็มไปด้วยบ้านดินสีขาวชั้นเดียว หลังคามุงจาก มีเพียงไม่กี่สิบหลังคาเรือนในหมู่บ้าน ควันไฟลอยขึ้นจากปล่องไฟ เมื่อชาวบ้านส่วนใหญ่ตื่นแต่เช้า มาเตรียมอาหารเช้า มันเป็นสถานที่ในอุดมคติซึ่งอยู่ห่างจากปราสาทของพระราชาพอที่จะกันคนสัญจรผ่านไปมา โดยต้องขี่ม้ากันหนึ่งวันเต็ม ๆ เป็นเพียงหมู่บ้านเกษตรกรรมอีกแห่งตรงชายแดนของอาณาจักรวงแหวน เป็นซี่ล้ออีกซี่ในวงล้อของอาณาจักรตะวันตก

ธอร์กระโจนพรวดสุดท้ายเข้าไปในจัตุรัสของหมู่บ้าน เตะดินกระจายเมื่อวิ่งผ่านไป ไก่และสุนัขวิ่งหนีให้พ้นทางเขา หญิงชราคนหนึ่ง นั่งยอง ๆ อยู่นอกบ้านของเธอ ข้างหม้อน้ำที่กำลังเดือด ส่งเสียงขู่เขา

“ช้าลงหน่อย เจ้าหนู!” เธอตะโกนบอกเมื่อเขาวิ่งผ่าน เตะฝุ่นฟุ้งเข้าไปในเตาไฟของเธอ

แต่ธอร์ก็ไม่ได้ช้าลง ไม่ใช่เพื่อหญิงชรา หรือเพื่อใคร ๆ เขาเลี้ยวเข้าซอยหนึ่ง แล้วก็เลี้ยวไปอีกซอยหนึ่ง เลี้ยวไปมาตามทางที่เขาคุ้นเคย จนถึงบ้าน

มันเป็นบ้านหลังเล็ก ธรรมดาเหมือนบ้านหลังอื่น ๆ มีผนังและมุมสีขาว หลังคามุงจาก และเช่นเดียวกับบ้านหลังอื่น มันมีห้องเดียว ถูกแบ่งเป็นที่นอนของบิดาด้านหนึ่ง และของพวกพี่ชายอีกด้านหนึ่ง จะไม่เหมือนบ้านอื่นก็ตรงที่มีเล้าไก่เล็ก ๆ อยู่หลังบ้าน ที่นี่แหละคือที่ที่ธอร์ถูกเนรเทศให้มานอน ตอนแรกเขาก็นอนรวมกับพวกพี่ ๆ แต่นานวันพวกเขาเติบโตขึ้น ใจร้ายและปิดกั้นมากขึ้น แสดงออกให้เห็นว่าไม่ต้องการแบ่งที่ให้ธอร์ เด็กหนุ่มเคยเสียใจ แต่ตอนนี้เขากลับพอใจกับพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง พอใจที่ได้อยู่ห่างจากพวกพี่ ๆ นั่นยิ่งยืนยันว่าเขาเป็นคนนอกในครอบครัว ซึ่งเขารู้ดีอยู่แล้ว

ธอร์วิ่งมาถึงประตูหน้าและกระโจนพรวดเข้าไปโดยไม่หยุด

“ท่านพ่อ!” เขาตะโกน หอบหายใจ “กองรบเงิน! พวกเขามาถึงแล้ว!”

บิดาและพี่ชายทั้งสามคนของเขานั่งล้อมกันอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้า แต่งตัวเรียบร้อยด้วยชุดที่ดีที่สุด เมื่อสิ้นเสียงธอร์ ทั้งหมดผุดลุกขึ้น แล้วพุ่งผ่านเขาไป กระแทกไหล่ธอร์ตอนที่วิ่งออกจากบ้าน ไปยังถนน

ธอร์ตามออกมา เห็นทุกคนกำลังยืนมองขอบฟ้า

“ข้าไม่เห็นใครเลย” เดรค พี่ชายคนโตกล่าวเสียงต่ำ เขามีไหล่กว้างที่สุด ผมตัดสั้นเหมือนกับน้องชายคนอื่น ๆ ดวงตาสีน้ำตาล ริมฝีปากบางเบ้อย่างไม่ชอบใจ เขานิ่วหน้าใส่ธอร์ เหมือนปกติ

“ข้าก็ไม่เห็น” ดรอสส์พูดตาม เขาเด็กกว่าเดรคหนึ่งปี และมักจะเข้าข้างพี่ชาย

“พวกเขากำลังมา!” ธอร์โต้ “ข้าสาบาน!”

บิดาหันมาหาธอร์ แล้วคว้าไหล่เขาแน่น

“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร?” บิดาถาม

“ข้าเห็นพวกเขา”

“อย่างไร? จากที่ไหน?”

ธอร์ลังเล บิดาต้อนเขาจนมุม แน่นอนว่าบิดารู้อยู่แล้วว่าสถานที่เดียวที่ธอร์จะสามารถมองเห็นกองรบเงินจะต้องเป็นจากบนยอดเนินข้างบนนั่น ตอนนี้ธอร์ไม่แน่ใจว่าเขาควรตอบอย่างไร

“ข้า...ปีนขึ้นไปบนเนิน...”

“กับฝูงสัตว์อย่างนั้นหรือ? เจ้าก็รู้ว่าพวกมันไม่ควรไปไกลขนาดนั้น”

“แต่วันนี้มันพิเศษ ข้าต้องการเห็น”

บิดาถลึงตามองเขา

“เข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้ แล้วหยิบดาบของพี่เจ้า เอาฝักดาบไปขัดให้เงาที่สุดก่อนที่ทหารของพระราชาจะมาถึง”

บิดาจบเรื่องกับเขาแล้ว หันกลับไปหาพวกพี่ชายที่กำลังยืนชะเง้ออยู่ที่ถนน

“ท่านพ่อคิดว่าพวกเขาจะเลือกเราไหม?” เดิร์สถาม เขาเป็นคนเล็กสุดในบรรดาพี่ชายสามคน แก่กว่าธอร์สามปีเต็ม

“พวกเขาคงโง่เขลาถ้าไม่ทำอย่างนั้น” บิดาบอก “ปีนี้พวกนั้นขาดกำลังพล ทหารเหลือน้อย ไม่อย่างนั้นจะลำบากมาถึงที่นี่ทำไมกัน พวกเจ้าสามคนแค่ยืนตรง เชิดหน้า ยืดอก อย่าจ้องตาพวกเขา แต่ก็อย่าหลบตาด้วย จงเข้มแข็งและมั่นใจ อย่าแสดงความอ่อนแอ ถ้าเจ้าอยากเข้าร่วมในกองทหารของพระราชา เจ้าต้องทำตัวให้เหมือนว่าเจ้าเป็นทหารแล้ว”

“ครับ ท่านพ่อ” พี่ชายสามคนของเขาตอบพร้อมกัน แล้วเข้าประจำตำแหน่ง

บิดาหันมามองธอร์

“ทำไมเจ้าถึงยังอยู่ตรงนี้?” บิดาถาม “เข้าไปข้างใน!”

ธอร์ยืนนิ่ง ใจสลาย เขาไม่อยากจะขัดคำสั่งบิดา แต่เขาต้องพูด หัวใจเขาเต้นรัวเมื่อคิดค้าน เด็กหนุ่มตัดสินใจว่าการเชื่อฟังคงจะดีที่สุด ไปหยิบดาบ แล้วจากนั้นค่อยมาคุยกับบิดา การขัดคำสั่งทันทีคงไม่ช่วยอะไร

ธอร์วิ่งเข้าไปในบ้าน วิ่งออกด้านหลังไปยังตู้เก็บอาวุธ เขาเจอดาบของพี่ชายทั้งสาม พวกมันเป็นดาบที่สวยงาม ด้ามดาบทำจากเงินเนื้อดีที่สุด เป็นของขวัญล้ำค่าที่บิดาต้องทำงานตรากตรำหลายปี เขาคว้าดาบทั้งสามเล่มมา ประหลาดใจเหมือนเช่นเคยกับน้ำหนักของพวกมัน แล้ววิ่งกลับไปยังหน้าบ้าน

ธอร์พุ่งไปหาพี่ชาย ส่งดาบให้ แล้วหันกลับมาหาบิดา

“อะไรกัน ไม่ได้ขัดหรือ?” เดรคถาม

บิดาหันมาอย่างไม่พอใจ แต่ก่อนที่เขาจะทันพูดอะไร ธอร์ก็ชิงพูดขึ้น

“ท่านพ่อ ได้โปรด ข้าต้องพูดกับท่าน!”

“ข้าบอกให้เจ้าขัด....”

“ได้โปรด ท่านพ่อ!”

บิดาจ้องมาอย่างไม่เห็นด้วย แต่คงจะเห็นความจริงจังบนใบหน้าของธอร์ เพราะในที่สุด บิดาก็พูดออกมาว่า “ว่าอย่างไร?”

“ข้าอยากเข้ารับการคัดเลือกเข้ากองทหาร พร้อมกับคนอื่น ๆ”

พี่ชายทั้งสามหัวเราะขึ้นด้านหลังเขา ทำให้ธอร์หน้าแดง

แต่บิดาไม่ได้หัวเราะ ตรงกันข้ามใบหน้ากลับบึ้งตึงมากขึ้น

“เจ้าอยากอย่างนั้นหรือ?” บิดาถาม

ธอร์พยักหน้าอย่างจริงจัง

“ข้าอายุสิบสี่ปีแล้ว ข้ามีคุณสมบัติ”

“เขาจำกัดที่อายุสิบสี่ปี” เดรคบอกอย่างดูถูกข้ามไหล่มา “แต่ถ้าพวกเขารับเจ้า เจ้าคงจะเด็กที่สุด แล้วเจ้าคิดว่าพวกเขาจะเลือกเจ้าแทนที่คนอย่างข้า ที่แก่กว่าเจ้าห้าปีอย่างนั้นหรือ?”

“เจ้ามันอวดดี” เดิร์สบอก “เหมือนที่เป็นเสมอ”

ธอร์หันไปหาพวกเขา “ข้าไม่ได้ขอเจ้า” เขาบอก

เขาหันมาหาบิดาที่ยังคงนิ่วหน้า

“ท่านพ่อ ได้โปรด” เขากล่าว “ให้โอกาสข้าเถอะ ข้าขอเพียงเท่านี้ ข้ารู้ว่าข้ายังเด็ก แต่ข้าจะพิสูจน์ตัวเองเมื่อเวลาผ่านไป”

บิดาสั่นศีรษะ

“เจ้าไม่ใช่ทหาร ลูกชาย เจ้าไม่เหมือนพี่ชายของเจ้า เจ้าเป็นคนเลี้ยงสัตว์ ชีวิตของเจ้าอยู่ที่นี่ กับข้า เจ้าต้องทำหน้าที่ของเจ้า และต้องทำให้ดีด้วย คนเราไม่ควรจะฝันให้สูงเกินไป ยอมรับชีวิตของเจ้าเสีย แล้วเรียนรู้ที่จะรักมัน”

ธอร์รู้สึกใจสลายเมื่อเห็นชีวิตของเขาพังไปต่อหน้าต่อตา

ไม่ เขาคิด มันจะเป็นอย่างนี้ไม่ได้

“แต่ท่านพ่อ....”

“เงียบเถอะ!” บิดาตะโกนก้องฝ่าอากาศ “พอได้แล้ว พวกเขามานั่นแล้ว หลบไปให้พ้นทาง แล้วก็ทำตัวให้ดีที่สุดตอนที่พวกเขามาที่นี่ด้วย”

บิดาก้าวไปข้างหน้า ใช้มือหนึ่งผลักธอร์ไปด้านข้างราวกับเขาเป็นวัตถุที่ไม่อยากเห็น ฝ่ามือหนาของบิดาดันเข้าที่อกธอร์

เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ชาวบ้านพากันออกจากบ้านมาเข้าแถวอยู่ที่ถนน ฝุ่นฟุ้งกระจายบอกให้รู้ถึงการมาของขบวนทหาร หลังจากนั้นพวกเขาก็มาถึง รถม้าสิบสองคันมาพร้อมกับเสียงดังเหมือนฟ้าผ่า

พวกทหารเข้ามาในเมืองเหมือนกับกองกำลังจู่โจม มาหยุดอยู่ใกล้บ้านของธอร์ ม้าของพวกเขาเหยาะย่างมา ส่งเสียงฟืดฟาด กว่าฝุ่นจะจางก็กินเวลาพักหนึ่ง ธอร์กระวนกระวายพยายามแอบดูอาวุธและชุดเกราะของพวกเขา เด็กหนุ่มไม่เคยเห็นกองรบเงินใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน เขารู้สึกใจเต้น

นายทหารที่อยู่บนหลังม้าตัวหน้าสุดลงจากหลังม้า นี่ไงทหารของกองรบเงินตัวจริง ในชุดเสื้อเกราะแวววาว ห้อยดาบยาวที่เอว เขาดูอายุราวสามสิบปี เป็นชายฉกรรจ์ ที่มีเคราบนใบหน้า มีแผลเป็นที่แก้ม และจมูกบิดเบี้ยวจากการสู้รบ เขาเป็นผู้ชายที่ดูแข็งแกร่งที่สุดที่ธอร์เคยพบ ลำตัวใหญ่กว่าคนอื่นสองเท่า มีท่าทางที่บอกว่าเขาเป็นหัวหน้า

นายทหารโดดลงมายืนบนถนนดิน เดือยรองเท้าส่งเสียงกรุ้งกริ้งเมื่อเขาเดินไปยังเด็กหนุ่มที่เข้าแถวเรียงกันอยู่

ทั่วทั้งหมู่บ้านมีเด็กหนุ่มยืนเข้าแถวด้วยความหวังหลายสิบคน การได้เข้าร่วมกองรบเงินหมายถึงชีวิตที่มีเกียรติ การต่อสู้ ชื่อเสียง และความรุ่งโรจน์ ที่มาพร้อมกับที่ดิน ตำแหน่ง และความร่ำรวย แล้วยังหมายถึงเจ้าสาวที่ดีที่สุด ที่ดินผืนงามที่สุด และชีวิตที่รุ่งโรจน์ มันยังนำมาซึ่งเกียรติยศแก่ครอบครัว ซึ่งการได้เข้าร่วมในกองทหารยุวชนนั้นคือบันไดขั้นแรก

ธอร์จ้องมองรถม้าสีทองคันใหญ่ รู้ว่ามันบรรทุกทหารเกณฑ์ได้หลายคน อาณาจักรนี้ใหญ่โต มีหลายเมืองที่พวกเขาต้องไปแวะ ธอร์กลืนน้ำลาย รู้ว่าโอกาสของเขายิ่งห่างไกลกว่าที่เขาคิดไว้ เขาต้องเอาชนะพวกเด็กหนุ่มเหล่านี้ ซึ่งหลายคนเป็นเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง ไหนจะพี่ชายสามคนของเขาอีก ธอร์รู้สึกห่อเหี่ยว

เขาแทบจะหยุดหายใจ เมื่อทหารนายนั้นเดินมาเงียบ ๆ สำรวจแถวเด็กหนุ่มที่ยืนด้วยความหวัง เขาเริ่มต้นที่หัวแถวด้านไกลออกไป แล้วค่อย ๆ เดินวนดู แน่นอนว่าธอร์รู้จักเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ และรู้ด้วยว่าบางคนแอบไม่อยากถูกเลือก แม้ครอบครัวจะอยากส่งพวกเขาไป พวกเขาหวาดกลัว คงจะเป็นทหารที่ไม่ได้เรื่อง

ธอร์ร้อนผ่าวด้วยความอดสู เขารู้สึกว่าเขาสมควรได้รับเลือกมากเท่ากับเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ การที่พวกพี่ชายของเขาโตกว่า ตัวใหญ่และแข็งแรงกว่า ไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีสิทธิ์ยืนเข้าแถวและถูกเลือก ธอร์ร้อนรุ่มด้วยความชังบิดา มันแทบจะปะทุออกมาทางผิวหนังของเขาเมื่อทหารนายนั้นเดินใกล้เข้ามา

นายทหารหยุดเดินเป็นครั้งแรก ตรงหน้าพี่ชายของธอร์ เขามองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า และดูท่าว่าจะประทับใจ เขายื่นมือออกมา คว้าดาบของพวกเขาคนหนึ่งไป แล้วกระชากออกจากฝัก เหมือนจะทดสอบความแข็งแรงของมัน

นายทหารยิ้มออกมา

“เจ้าไม่เคยใช้ดาบสู้รบมาก่อนเลย ใช่ไหม?” เขาถามเดรค

ธอร์เห็นเดรคกังวลเป็นครั้งแรกในชีวิต เขากลืนน้ำลาย

“ไม่ครับ ใต้เท้า แต่ข้าใช้มันบ่อยครั้งในการฝึกซ้อม และข้าหวังว่า...”

“การฝึกซ้อม!”

นายทหารหัวเราะลั่น แล้วหันไปหาทหารนายอื่น ๆ ที่ร่วมประสานเสียงหัวเราะ ใส่หน้าเดรค

เดรคหน้าแดงก่ำ เป็นครั้งแรกที่ธอร์เห็นเขาอาย ปกติแล้วเดรคต่างหาก เป็นฝ่ายทำให้คนอื่นอับอาย

“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะบอกให้ศัตรูของเราเกรงกลัวเจ้า คนที่ใช้ดาบในการฝึกซ้อม!”

กองทหารหัวเราะขึ้นอีกครั้ง

นายทหารหันไปหาพี่ชายคนอื่น ๆ ของธอร์

“เด็กหนุ่มสามคนจากคอกเดียวกัน” เขากล่าว เอามือถูคางรกเครา “ดูท่าจะมีประโยชน์ พวกเจ้าล่ำสันดี คงไม่ต้องทดสอบ เจ้ายังต้องฝึกอีกมากหากอยากจะฟันใครเป็น”

เขาหยุด

“ข้าคิดว่าเราคงหาที่ให้พวกเจ้าได้”

เขาพยักหน้าไปทางรถม้าด้านหลัง

“ขึ้นไป เร็วด้วยล่ะ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ”

พี่ชายสามคนของธอร์รีบวิ่งไปที่รถม้า หน้าบาน ธอร์เห็นว่าบิดาของเขาก็หน้าบานด้วยเหมือนกัน

แต่ธอร์คอตกตอนที่เฝ้ามองพวกพี่ชายวิ่งไป

นายทหารหันกลับมาแล้วเดินต่อไปยังบ้านหลังถัดไป ธอร์ทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

“ใต้เท้า” ธอร์ตะโกนออกมา

บิดาของเขาหันกลับมาจ้อง แต่ธอร์ไม่สนใจอีกต่อไป

นายทหารหยุด หันหลังให้ธอร์ ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมา

ธอร์ก้าวไปอีกสองก้าว หัวใจเต้นรัว เขายืดอกมากเท่าที่จะทำได้

“ท่านยังไม่ได้พิจารณาข้าเลย ใต้เท้า” เขาบอก

นายทหารสะดุ้ง มองธอร์หัวจรดเท้าราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก

“ยังอย่างนั้นเหรอ?” เขาถาม แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ทหารของเขาก็หัวเราะด้วย แต่ธอร์ไม่สนใจ ตอนนี้เป็นจังหวะของเขา ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสแล้ว

“ข้าอยากเข้าร่วมกองทหาร” ธอร์บอก

นายทหารก้าวมาหาธอร์

“ตอนนี้น่ะหรือ?”

เขาดูขบขัน

“นี่เจ้าอายุครบสิบสี่ปีแล้วหรือยัง?”

“ข้าครบสิบสี่ปีแล้ว ใต้เท้า เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว”

“สองอาทิตย์ที่แล้ว!”

นายทหารระเบิดหัวเราะ เช่นเดียวกับทหารข้างหลังเขา

“ถ้าอย่างนั้น ศัตรูของเราคงจะต้องกลัวตัวสั่นแน่ ๆ ตอนเห็นเจ้า”

ธอร์รู้สึกร้อนผ่าวด้วยความอับอาย เขาต้องทำบางอย่าง เขาจะปล่อยให้จบแบบนี้ไม่ได้ นายทหารหันหลังจะเดินจากไป แต่ธอร์ยอมไม่ได้

เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วตะโกน “ใต้เท้า ท่านกำลังทำผิดพลาด!”

เกิดความเงียบจนน่าหวาดหวั่นในหมู่คน เมื่อนายทหารหยุดและค่อย ๆ หันกลับมาอีกครั้ง

ตอนนี้ใบหน้าเขาบึ้งตึง

“เจ้าเด็กโง่” บิดาเขากล่าว คว้าไหล่ธอร์ “กลับเข้าไปข้างใน”

“ข้าไม่ไป!” ธอร์ตะโกน สะบัดตัวจากการเกาะกุมของบิดา

นายทหารก้าวมาหาธอร์ ขณะที่บิดาของเขาถอยหลบ

“เจ้ารู้โทษของการดูหมิ่นกองรบเงินหรือไม่?” นายทหารตะคอกถาม

ธอร์ใจเต้น แต่เขารู้ว่าเขาถอยไม่ได้

“โปรดอภัยให้เขาด้วย ใต้เท้า” บิดากล่าว “เขายังเด็กและ...”

“ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า” นายทหารกล่าว สายตาดุดันของเขาทำให้บิดาของธอร์ต้องหันหน้าหนี

นายทหารหันมาหาธอร์

“ตอบข้ามา!” เขาบอก

ธอร์กลืนน้ำลาย พูดไม่ออก นี่ไม่เหมือนที่เขาคิดภาพไว้ในหัว

“การดูหมิ่นกองรบเงินก็เท่ากับดูหมิ่นพระราชา” ธอร์บอกอย่างนอบน้อม พูดสิ่งที่เขาจำได้

“ใช่” นายทหารตอบ “ซึ่งหมายความว่าข้าสามารถสั่งเฆี่ยนเจ้าสี่สิบครั้งได้ ถ้าข้าอยากทำ”

“ข้าหมายความว่าไม่ได้ดูหมิ่นครับ ใต้เท้า” ธอร์บอก “ข้าเพียงต้องการถูกเลือก ได้โปรด ข้าฝันถึงเรื่องนี้มาตลอดชีวิต โปรดให้ข้าได้เข้าร่วมกับกองทหารของท่าน”

นายทหารมองดูเขา สีหน้าค่อยคลายลงช้า ๆ อึดใจหนึ่งเขาจึงส่ายศีรษะ

“เจ้ายังเด็ก เจ้าหนู เจ้ามีหัวใจที่กล้าหาญ แต่เจ้ายังไม่พร้อม กลับมาหาเราเมื่อเจ้าโตกว่านี้”

จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินจากไป แทบจะไม่มองเด็กหนุ่มคนอื่น แล้วกระโจนขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็ว

ธอร์คอตก มองดูขบวนทหารเคลื่อนพล พวกเขาจากไปรวดเร็วเหมือนเช่นตอนมา

สิ่งสุดท้ายที่ธอร์เห็นคือพี่ชายของเขา นั่งอยู่ด้านหลังรถม้าคันท้ายสุด มองมาที่เขา ทำหน้าเบ้และเยาะเย้ย พวกเขากำลังถูกพาไปไกลจากสายตาของธอร์ ไปจากที่นี่ ไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า

ภายในใจธอร์รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย

เมื่อความตื่นเต้นรอบตัวเขาจางลง ชาวบ้านเดินหลบกลับเข้าไปในบ้านของตัวเอง

“เจ้ารู้ไหมว่าทำตัวโง่แค่ไหน เจ้าเด็กโง่?” บิดาตวาด คว้าไหล่เขา “รู้ตัวไหมว่าเจ้าอาจจะทำลายโอกาสของพี่ ๆ เจ้า?”

ธอร์ปัดมือบิดาอย่างหยาบคาย บิดาเอนถอยไปแล้วใช้หลังมือตบหน้าเขา

ธอร์รู้สึกถึงความเจ็บปวด เขาจ้องมองบิดา เป็นครั้งแรกที่ส่วนหนึ่งในตัวเขาอยากจะตอบโต้ แต่เขาก็ระงับตัวเองไว้

“ไปตามแกะของข้า แล้วพาพวกมันกลับมา เดี๋ยวนี้! ตอนที่เจ้ากลับมา อย่าหวังว่าจะมีอาหารให้กิน เจ้าไม่ต้องกินอะไรคืนนี้ แล้วก็คิดถึงสิ่งที่เจ้าทำลงไปด้วย”

“บางทีข้าไม่ควรจะกลับมาเลย!” ธอร์ตะโกน แล้วหันหลังวิ่งจากไป ไปไกลจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังเนินเขา

“ธอร์!” บิดาของเขาตะโกน ชาวบ้านสองสามคนที่ยังอยู่บนถนน หยุดแล้วหันมามอง

เด็กหนุ่มวิ่งช้า ๆ ก่อนจะเร็วขึ้น อยากจะไปให้ไกลจากที่นี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังร้องไห้ น้ำตาไหลนองใบหน้า เมื่อทุกความฝันสลายไป

เส้นทางแห่งวีรบุรุษ

Подняться наверх