Читать книгу เส้นทางแห่งวีรบุรุษ - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 12
บทที่ 3
Оглавлениеราชาแม็คกิล มีวรกายล่ำสัน อุระบึกบึน มีเคราหนาสีดอกเลาและเกศายาวสีเดียวกัน กับนลาฏกว้างที่มีร่องรอยผ่านการสู้รบมามากเกินไป พระองค์ประทับอยู่บนเชิงเทินด้านบนของปราสาท โดยมีราชินีประทับอยู่เคียงข้าง ทั้งสองกำลังดูการเตรียมงานเฉลิมฉลองของวันนี้ ในเขตราชสำนักที่ทอดตัวอยู่เบื้องล่างด้วยความรุ่งโรจน์ กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เมืองที่รุ่งเรืองนี้ล้อมรอบด้วยป้อมปราการหินโบราณ ปราสาทของพระราชา เชื่อมต่อกับถนนคดเคี้ยวหลายสาย มีอาคารสร้างด้วยหินหลายรูปทรงหลายขนาด ซึ่งใช้เป็นที่พักของบรรดานักรบ ผู้ดูแล คอกม้า กองรบเงิน กองทหารยุวชน ทหารรักษาการณ์ ค่ายทหาร คลังอาวุธ และชุดเกราะ และท่ามกลางบรรดาอาคารเหล่านี้ เป็นบ้านเรือนของราษฎรที่เลือกอาศัยอยู่ภายในกำแพงเมืองอีกหลายร้อยหลังคาเรือน ระหว่างถนนสายต่าง ๆ มีสนามหญ้ากว้างหลายเอเคอร์ อุทยานหลวง ลานหิน และบ่อน้ำพุ ตัวปราสาทได้รับการบูรณะมาหลายศตวรรษ โดยพระบิดาของราชาแม็คกิล และบรรพชนรุ่นก่อน โดยในขณะนี้เป็นช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันเป็นป้อมปราการที่ปลอดภัยที่สุดในอาณาจักรตะวันตกของวงแหวน
พระราชาแม็คกิลมีนักรบที่จงรักภักดีและเก่งกาจที่สุดที่ราชาองค์ใดจะมีได้ และตลอดพระชนม์ชีพ ไม่มีผู้ใดกล้ารุกราน ทรงเป็นแม็คกิลองค์ที่เจ็ดที่ครองบัลลังก์ และทรงปกครองด้วยดีมาตลอดสามสิบสองปี พระองค์เป็นราชาที่ประเสริฐและปราดเปรื่อง อาณาจักรเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในรัชสมัยของพระองค์ ทรงมีกำลังทหารเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า อาณาจักรแผ่ไพศาลออกไป ทรงพระราชทานเงินช่วยเหลือแก่ราษฏร และไม่มีคำร้องทุกข์แม้แต่คำเดียวจากราษฎร พระองค์ทรงเป็นราชาที่มีเมตตา ไม่เคยมีช่วงเวลาที่บ้านเมืองสงบสุขและประชาชนอยู่ดีกินดีเช่นนี้ นับตั้งแต่พระองค์ขึ้นครองราชย์
ช่างน่าแปลกที่เรื่องนี้ทำให้พระองค์ไม่อาจบรรทมในยามราตรี ราชาแม็คกิลรู้ประวัติศาสตร์หลายยุคหลายสมัยดี ไม่เคยมีช่วงเวลาสงบสุขได้ยาวนาน โดยปราศจากสงคราม พระองค์จะไม่แปลกพระทัยเลย หากจะถูกโจมตี แต่จะเมื่อไร และจากใครกัน
แน่นอนว่าภัยที่น่ากลัวที่สุดนั้นมาจากภายนอกวงแหวน จากดินแดนป่าเถื่อนที่ปกครองโดยเผ่าคนเถื่อนที่อยู่ห่างไกล ซึ่งได้ปราบปรามเอาชนะผู้คนที่อาศัยอยู่ภายนอกวงแหวน ภายนอกเขตหุบเขาลึก สำหรับราชาแม็คกิลและบรรพกษัตริย์เจ็ดรัชสมัยก่อนพระองค์ พวกคนเถื่อนไม่เคยเป็นภัยคุกคามโดยตรง เนื่องจากทำเลที่ตั้งที่มีลักษณะเฉพาะของอาณาจักรของพระองค์ เป็นรูปวงกลม เหมือนวงแหวน แยกตัวจากโลกภายนอกโดยมีหุบเขาลึกกว้างหนึ่งไมล์คั่นไว้ และมีสนามพลังปกป้องมานับตั้งแต่รัชสมัยของราชาแม็คกิลพระองค์แรก จึงแทบจะไม่ต้องกังวลกับพวกคนเถื่อนเลย แม้พวกนั้นจะพยายามหลายต่อหลายครั้ง ที่จะบุกโจมตี ฝ่าสนามพลัง เพื่อข้ามหุบเขามา แต่ไม่เคยทำสำเร็จเลย ตราบเท่าที่พระองค์และราษฎรอยู่ภายในวงแหวน จะไม่มีภัยอันตรายใด ๆ จากภายนอก
ถึงกระนั้น ก็ไมได้หมายความว่าจะไม่มีภัยจากภายใน และนั่นคือสาเหตุที่ราชาแม็คกิลไม่อาจบรรทมหลับได้ในช่วงหลังนี้ อันที่จริงสาเหตุของการเฉลิมฉลองในวันนี้คือพิธีอภิเษกสมรสของธิดาองค์โต เป็นการอภิเษกที่จัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อระงับศึก เพื่อรักษาสันติภาพอันเปราะบางระหว่างอาณาจักรตะวันออกและตะวันตกของวงแหวน
วงแหวนมีรัศมีห้าร้อยไมล์แผ่กว้างไปทุกทิศทุกทาง ถูกแบ่งกลางด้วยแนวเทือกเขา เป็นเขตภูเขาสูง อีกด้านของเขตภูเขา เป็นที่ตั้งของอาณาจักรตะวันออก ซึ่งปกครองครึ่งหนึ่งของวงแหวน อาณาจักรตะวันออกปกครองโดยคู่ปรับของพวกเขา ราชวงศ์แม็คคลาวด์ ที่มักจะพยายามทำลายการสงบศึกอันเปราะบางกับราชวงศ์แม็คกิล แม็คคลาวด์ไม่พอใจและไม่ยินดีกับอาณาเขตของตัวเอง เชื่อว่าอาณาจักรฝั่งตนมีพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์น้อยกว่า พวกเขาพยายามแย่งชิงดินแดนเขตภูเขาด้วย โดยยืนยันว่าเขตภูเขาทั้งหมดเป็นของพวกเขา ทั้งที่อย่างน้อยครึ่งหนึ่งเป็นของแม็คกิล มีข้อพิพาทเรื่องพรมแดนไม่จบไม่สิ้น และเป็นภัยรุกรานที่เกิดขึ้นมาตลอด
เมื่อราชาแม็คกิลทรงคิดถึงเรื่องนี้ พระองค์รู้สึกรำคาญใจ แม็คคลาวด์ควรจะพอใจ พวกเขาปลอดภัยอยู่ภายในวงแหวน มีหุบเขาลึกคอยปกป้อง ได้อยู่บนดินแดนที่ดีและไม่มีสิ่งใดต้องเกรงกลัว ทำไมพวกเขาจึงไม่พอใจกับครึ่งหนึ่งของวงแหวน? เป็นเพราะราชาแม็คกิลทรงมีกองทัพที่แข็งแกร่งอย่างมากเป็นครั้งแรกในประวัติกาล แม็คคลาวด์จึงไม่กล้าบุกโจมตี แต่ราชาแม็คกิลทรงชาญฉลาด พระองค์รู้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ทรงตระหนักว่าความสุขสงบนี้ไม่ยั่งยืน ดังนั้นจึงทรงจัดให้มีพิธีอภิเษกสมรสระหว่างธิดาองค์โตของพระองค์กับเจ้าชายองค์โตของราชวงศ์แม็คคลาวด์ และพิธีก็มาถึงในวันนี้แล้ว
ขณะที่ทอดพระเนตรมองเบื้องล่าง ทรงเห็นราษฎรนับพันคนแต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีสันสดใส ทยอยกันมาจากทุกมุมของอาณาจักร จากทั้งสองฟากของเขตภูเขา ผู้คนจากเกือบทั้งอาณาจักรวงแหวน หลั่งไหลกันมาที่ป้อมปราการของพระองค์ บรรดาราษฎรต่างเตรียมงานกันแรมเดือน สั่งการให้ทุกอย่างดูมั่งคั่งและแข็งแกร่ง นี่ไม่ใช่เพียงแค่พิธีอภิเษกสมรสเท่านั้น แต่เป็นวันส่งข้อความถึงพวกแม็คคลาวด์
ราชาแม็คกิลทรงสำรวจทหารนับร้อยที่เข้าแถวประจำการอยู่บนเชิงเทิน บนถนน และตามกำแพง มีทหารมากกว่าที่พระองค์ต้องการเสียอีก แต่ก็ทรงพอพระทัย มันคือการแสดงแสนยานุภาพที่ทรงประสงค์ อย่างไรก็ตาม ทรงรู้สึกกังวลด้วย สถานการณ์นั้นตึงเครียด เสี่ยงต่อการปะทะ พระองค์หวังว่าจะไม่มีพวกใจร้อน เมาอาละวาดลุกฮือขึ้นมาจากทั้งสองฝั่ง
ราชาแม็คกิลทอดพระเนตรสนามประลอง สนามเด็กเล่น แล้วคิดถึงวันที่กำลังจะมาถึงนี้ จะเต็มไปด้วยการละเล่นและการประลอง รวมถึงการเฉลิมฉลองทุกรูปแบบ มันคงจะรุนแรง แม็คคลาวด์จะต้องมาพร้อมกับกองทัพเล็ก ๆ และทุกการประลอง มวยปล้ำ และการแข่งขันอื่น ๆ จะต้องถือเป็นสำคัญ หากมีการตุกติกขึ้นแม้เพียงครั้งเดียว นั่นอาจจะนำไปสู่สงคราม
“ราชาของข้า”
พระองค์รู้สึกถึงหัตถ์นุ่มบนพระกร เมื่อหันไปหาครีอา ราชินีของพระองค์ พระนางยังคงเป็นสตรีที่มีสิริโฉมงดงามที่สุดที่พระองค์เคยพบ ทรงครองรักร่วมกันอย่างมีความสุขมาตลอดรัชสมัย และได้ทรงให้กำเนิดโอรสและธิดาถึงห้าพระองค์ โดยไม่เคยปริปากบ่น ในจำนวนนี้ทรงมีพระโอรสถึงสามพระองค์ ยิ่งไปกว่านั้น พระนางยังเป็นที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้มากที่สุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ราชาแม็คกิลได้เรียนรู้ว่าพระนางทรงชาญฉลาดยิ่งกว่าใคร ที่จริงทรงฉลาดกว่าพระองค์เองเสียด้วยซ้ำ
“มันเป็นวันแห่งการเมือง” พระนางตรัส “แต่ก็เป็นวันแต่งงานของลูกสาวของเราด้วย พยายามมีความสุขหน่อยเถิด มันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
“ข้าคงจะกังวลน้อยกว่านี้ หากข้าไม่มีอะไรเลย” ราชาตรัสตอบ “แต่ตอนนี้เรามีทุกสิ่ง ทุกอย่างทำให้ข้าต้องกังวล เราปลอดภัยแต่ข้ากลับไม่รู้สึกปลอดภัยเลย”
พระนางทอดพระเนตรตอบด้วยดวงตาโตสีน้ำตาลเข้มอย่างเห็นใจ ดวงตาทั้งคู่ของพระนางดูราวกับเก็บปัญญาแห่งโลกเอาไว้ เปลือกตาหลุบต่ำเหมือนเช่นที่เคยเป็น ทำให้ดูคล้ายง่วงงุนเล็กน้อย พระพักตร์ล้อมกรอบด้วยเกศางามสีน้ำตาลแซมเทาเหยียดตรงที่ห้อยระอยู่สองข้างแก้ม พระนางทรงมีริ้วรอยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย
“นั่นเป็นเพราะพระองค์ไม่ได้ปลอดภัย” พระนางตรัสบอก “ไม่มีราชาองค์ใดปลอดภัย มีสายลับแฝงอยู่ในราชสำนักของเรามากกว่าที่พระองค์จะสนพระทัยอยากรู้เสียอีก แต่มันก็เป็นเช่นนั้น”
ราชินีเอนกายเข้าใกล้และจุมพิต ก่อนจะแย้มสรวล
“พยายามสนุกสนานบ้าง” พระนางบอก “อย่างไรเสียมันก็คืองานแต่งงาน”
แล้วจึงหันหลัง และเสด็จไปจากเชิงเทินปราสาท
ราชาแม็คกิลทอดเนตรมองพระนางจากไป แล้วจึงหันกลับไปมองราชสำนักของพระองค์ พระนางพูดถูก ถูกเสมอ พระองค์เองก็อยากจะสนุกสนาน ด้วยทรงรักธิดาองค์โต และนี่มันก็คืองานแต่งงาน เป็นวันที่สวยงามที่สุดในช่วงเวลาที่งดงามที่สุดของปี ฤดูใบไม้ผลิมาถึงจุดสูงสุดของมันแล้ว และฤดูร้อนกำลังจะเริ่มต้น ดวงอาทิตย์ทั้งสองเหมาะเจาะอยู่บนท้องฟ้า สายลมเย็นพัดโชยแผ่วเบา ทุกอย่างกำลังเบ่งบาน ต้นไม้ทุกต้น
ปกคลุมด้วยดอกไม้สีชมพู ม่วง ส้มและขาว ไม่มีสิ่งใดที่จะทรงปรารถนามากไปกว่าการได้ลงไปประทับอยู่กับพสกนิกร ได้ทอดพระเนตรเห็นธิดาอภิเษกสมรส ได้เสวยเหล้าเอลจนกระทั่งเสวยอีกไม่ไหว
แต่พระองค์ไม่อาจทำได้ ทรงมีราชกิจมากมายที่ต้องทำก่อน จึงจะสามารถออกไปจากปราสาทได้ นอกจากนี้วันพิธีอภิเษกสมรสของพระธิดานั้นเป็นพันธะสัญญาของราชา พระองค์ต้องพบกับคณะที่ปรึกษา โอรสธิดา และราษฎรที่มาต่อแถวยาว พวกเขามีสิทธิ์ที่จะได้เห็นราชาในวันนี้ ราชาแม็คกิลคงจะทรงโชคดีมาก หากได้ออกจากปราสาทไปทันพระราชพิธีช่วงอาทิตย์ตก
*
แม็คกิลทรงฉลองพระองค์ที่งดงามที่สุด ทรงสนับเพลาสีดำอมม่วง รัดพระองค์ทองคำ ฉลองพระองค์ยาวทำจากเส้นไหมชั้นเยี่ยมสีทองและม่วง ฉลองพระองค์ตัวนอกสีขาว ฉลองพระบาทหนังสูงถึงพระชงฆ์ และทรงมงกุฎทองคำที่มีทับทิมเม็ดเขื่องประดับอยู่ตรงกลาง พระองค์เสด็จผ่านโถงปราสาท ที่มีข้าราชบริพารเฝ้าอยู่สองข้าง ทรงดำเนินผ่านห้องแล้วห้องเล่า ลงบันไดจากเชิงเทิน ตัดผ่านท้องบรรทม และผ่านห้องโถงหลังคาโค้งสูงกับแนวหน้าต่างกระจกสี ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จไปถึงบานประตูไม้โอ๊คโบราณ หนาเท่ากับไม้ทั้งต้น ซึ่งมหาดเล็กเปิดออกให้ก่อนที่จะถอยหลบไป ที่นี่คือท้องพระโรง
คณะที่ปรึกษาของพระองค์ยืนรอเฝ้าเมื่อเสด็จมาถึง แล้วประตูก็ปิดลงตามหลัง
“เชิญนั่งได้” แม็คกิลตรัสบอก น้ำเสียงห้วนกว่าปกติ ทรงเบื่อหน่ายพิธีรีตองการปกครองแผ่นดินที่ไม่จบไม่สิ้น โดยเฉพาะในวันนี้ และทรงอยากให้ผ่านไปโดยเร็ว
ราชาแม็คกิลเสด็จผ่านท้องพระโรงที่ทำให้พระองค์ประทับใจอยู่เสมอ หลังคาสูงห้าสิบฟุต ผนังด้านหนึ่งเป็นแผ่นกระจกสี พื้นและผนังด้านอื่น ๆ สร้างจากก้อนหินหนาหนึ่งฟุต ห้องนี้สามารถรองรับเจ้าขุนมูลนายได้กว่าหนึ่งร้อยคน แต่ในวันเช่นวันนี้ เมื่อคณะที่ปรึกษาขอเข้าเฝ้า มีเพียงพระองค์กับที่ปรึกษาจำนวนหยิบมือในห้องกว้างมืดทึม ในห้องมีโต๊ะรูปครึ่งวงกลมตัวมหึมาตั้งอยู่ คณะที่ปรึกษาของพระองค์ยืนอยู่หลังโต๊ะตัวนี้
ราชาแม็คกิลเสด็จผ่านทางที่ผ่าตรงกลางไปยังบัลลังก์ ก้าวขึ้นบันไดหิน ผ่านรูปสลักสิงโตสีทอง แล้วประทับนั่งบนบัลลังก์ทองคำ ที่หุ้มด้วยเบาะกำมะหยี่สีแดง พระบิดาของพระองค์เคยประทับบนบัลลังก์นี้ เช่นเดียวกับพระบิดาของพระองค์ และกษัตริย์แม็คกิลองค์อื่น ๆ เมื่อประทับบนบัลลังก์ทรงรู้สึกถึงภาระของบรรพบุรุษทุกรัชสมัย
ราชาทรงมองสำรวจคณะที่ปรึกษาที่มารอเฝ้า บรอมเป็นแม่ทัพที่เก่งที่สุดและเป็นที่ปรึกษาด้านการทหาร คอล์คเป็นแม่ทัพคุมกองทหารยุวชน อะเบอร์ธอลผู้ชราที่สุดเป็นนักปราชญ์และนักประวัติศาสตร์ เป็นที่ปรึกษาแก่ราชามาสามรัชกาลแล้ว เฟิร์ธที่ปรึกษาด้านกิจการภายในราชสำนัก เป็นชายร่างผอมมีผมสั้นสีเทากับดวงตาลึกหลุกหลิก เฟิร์ธเป็นคนที่แม็คกิลไม่เคยไว้ใจเลย และทรงไม่เข้าใจตำแหน่งของเขาด้วย แต่พระบิดาและเสด็จปู่ของพระองค์มีตำแหน่งที่ปรึกษากิจการราชสำนัก พระองค์จึงคงตำแหน่งนี้ไว้เพื่อถวายความเคารพต่อบุพการี ต่อมาคือโอเว็นเสนาบดีคลัง บราเดห์ที่ปรึกษากิจการภายนอก เออร์แนนผู้ดูแลการเก็บภาษี ดูเว็นที่ปรึกษาด้านราษฎร และเคลวินผู้แทนขุนนาง
แน่นอนว่าราชาทรงมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่อาณาจักรของพระองค์เป็นดินแดนเสรี พระบิดาของแม็คกิลทรงภาคภูมิใจที่อนุญาตให้ขุนนางมีสิทธิมีเสียงในทุกเรื่อง ผ่านทางตัวแทนของพวกเขา เป็นการถ่วงดุลย์อำนาจระหว่างราชาและขุนนางที่ไม่ง่ายนักตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ในขณะนี้อาจมีความกลมเกลียวกัน แต่ในช่วงเวลาอื่นอาจมีการลุกฮือขึ้นและช่วงชิงอำนาจกันระหว่างขุนนางและราชวงศ์ ซึ่งเป็นการถ่วงดุลย์อำนาจที่ดี
ขณะที่พระองค์สำรวจภายในห้อง ทรงสังเกตว่าที่ปรึกษาหายไปคนหนึ่ง คนที่ทรงอยากหารือด้วยมากที่สุด...อาร์กอน แต่ก็เป็นเรื่องปกติ อาร์กอนจะไปจะมาเมื่อใด ไม่อาจคาดเดาได้ แม้จะทำให้ทรงกริ้วเสมอ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ วิถีของดรูอิดนั้นเป็นเรื่องลึกลับสำหรับพระองค์ เมื่อไม่มีอาร์กอน ราชาแม็คกิลยิ่งรู้สึกรีบเร่งมากขึ้น พระองค์อยากให้เสร็จเรื่องโดยเร็ว เพื่อจะได้ไปทำอีกร้อยพันสิ่งที่รออยู่ก่อนพิธีอภิเษก
คณะที่ปรึกษานั่งล้อมกันรอบโต๊ะครึ่งวงกลม หันเผชิญหน้ากับพระองค์ ห่างกันทุกสิบฟุต แต่ละคนนั่งบนเก้าอี้ไม้โอ๊คโบราณสลักลวดลายอย่างปราณีต
“ฝ่าบาท ข้าขอเป็นผู้เริ่ม” โอเว็นทูล
“เชิญ รวบรัดหน่อยนะ วันนี้เวลาข้ามีจำกัด”
“วันนี้เจ้าหญิงคงจะได้รับของขวัญมากมาย ซึ่งเราทั้งหลายหวังว่ามันจะเต็มพระคลังของพระนาง และราษฎรนับพันที่ต้องการถวายบรรณาการและของขวัญแด่พระองค์ ต่างเข้าพักในโรงแรมและร้านนางโลมจนเต็ม นั่นก็คงจะช่วยเติมทรัพย์สมบัติในท้องพระคลังหลวง แต่อย่างไรก็ตาม จากการเตรียมงานฉลองต่าง ๆ สำหรับวันนี้ทำให้ทรัพย์สมบัติในท้องพระคลังพร่องไปจำนวนมากพอดู ข้าขอแนะนำให้ขึ้นภาษีราษฎรและพวกขุนนาง เป็นการเก็บครั้งเดียวเพื่อช่วยบรรเทาภาระจากเหตุสำคัญนี้”
ราชาแม็คกิลทรงเห็นความกังวลบนใบหน้าของเสนาบดีคลัง และทรงใจหายเมื่อคิดถึงเรื่องสมบัติในท้องพระคลังที่พร่องหายไป แต่พระองค์จะไม่เก็บภาษีอีก
“คงจะดีกว่า หากมีทรัพย์สมบัติน้อยแต่มีผู้จงรักภักดี” ราชาแม็คกิลตรัส “ความร่ำรวยของเรามาจากความสุขของราษฎร เราจะไม่เก็บภาษีอีก”
“แต่ฝ่าบาท หากเราไม่...”
“ข้าตัดสินใจแล้ว มีเรื่องอะไรอีก?”
โอเว็นทรุดลงนั่ง หมดหวัง
“ข้าแต่พระองค์” บรอมทูลบอกเสียงต่ำ “ตามที่ทรงมีรับสั่งให้เพิ่มกำลังพลประจำการในพระราชพิธีวันนี้ เป็นการแสดงแสนยานุภาพที่น่าประทับใจ แต่การที่เรากระจายกำลังไปเช่นนี้ หากมีการโจมตีขึ้นในอาณาจักร เราจะอ่อนแอ”
ราชาแม็คกิลพยักหน้า คิดทบทวน
“ศัตรูของเราจะไม่โจมตีตอนที่เราเลี้ยงอาหารพวกเขาหรอก”
คนอื่น ๆ พากันหัวเราะ
“แล้วมีข่าวอะไรจากเขตภูเขาบ้าง?”
“ไม่มีรายงานความเคลื่อนไหวใด ๆ มาหลายสัปดาห์แล้ว ดูเหมือนกองทัพของพวกนั้นจะถูกดึงไปเตรียมงานพิธีอภิเษกสมรส บางทีพวกนั้นอาจจะพร้อมสงบศึกแล้ว”
ราชาไม่ทรงแน่ใจนัก
“มันอาจจะหมายความว่าการจัดให้มีการแต่งงานนี้ได้ผล หรือพวกมันอาจรอจังหวะโจมตีในโอกาสหน้า ท่านคิดว่าอย่างไร ผู้เฒ่า?” แม็คกิลทรงหันไปตรัสถามอะเบอร์ธอล
อะเบอร์ธอลกระแอม เสียงของเขาแหบพร่า “ฝ่าบาท เสด็จพ่อและเสด็จปู่ของพระองค์ ไม่เคยไว้ใจพวกแม็คคลาวด์ การที่พวกเขากำลังนอนหลับ ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะไม่ตื่น”
แม็คกิลพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดนี้
“แล้วกองทหารยุวชน เป็นอย่างไรบ้าง?” พระองค์ตรัสถามคอล์ค
“วันนี้เราได้ทหารเกณฑ์มาใหม่” คอล์คทูลตอบ พร้อมพยักหน้าเร็ว
“ลูกชายข้าอยู่ด้วยไหม?” ราชาตรัสถาม
“เจ้าชายยืนอย่างภาคภูมิร่วมกับคนอื่น ๆ และทรงเป็นทหารที่ดี”
แม็คกิลพยักหน้า แล้วทรงหันไปหาบราเดห์
“มีข่าวอะไรจากภายนอกหุบเขาบ้าง?”
“ฝ่าบาท หน่วยลาดตระเวนของเราพบว่ามีการพยายามจะข้ามมาหลายครั้งในช่วงไม่นานนี้ อาจจะเป็นสัญญาณว่า พวกคนเถื่อนกำลังระดมกำลังเพื่อโจมตี”
“ถ้าหากมีการโจมตีเต็มกำลังล่ะ?” ราชาตรัสถาม
“ตราบเท่าที่เกราะยังทำงาน เราก็ไม่มีอะไรต้องกลัว พวกคนเถื่อนไม่เคยข้ามหุบเขาได้สำเร็จมาหลายศตวรรษแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะคิดเป็นอย่างอื่น”
ราชาแม็คกิลไม่มั่นใจนัก การโจมตีจากภายนอกนั้นล่วงเลยมานาน พระองค์อดสงสัยไม่ได้ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไร
“ฝ่าบาท” เฟิร์ธทูลด้วยเสียงขึ้นจมูกของเขา “ข้าจำเป็นต้องทูลว่าวันนี้ราชสำนักจะเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจากอาณาจักรแม็คคลาวด์ คงจะเป็นการดูหมิ่นหากพระองค์ไม่ทรงให้การต้อนรับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นคู่ปรับหรือไม่ ข้าขอแนะนำว่าฝ่าบาทควรจะใช้เวลาบ่ายนี้เพื่อทักทายพวกเขา นอกจากนี้ยังมีคณะผู้ติดตามกลุ่มใหญ่ ของขวัญจำนวนมาก และตามข่าวว่ามีสายลับจำนวนมากด้วย”
“ใครจะบอกได้ว่าสายลับไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วหรอกหรือ?” แม็คกิลตรัสถาม พลางมองเฟิร์ธอย่างพิจารณา และสงสัยเหมือนเช่นเคยว่าสายลับอาจจะเป็นเขาเอง
เฟิร์ธอ้าปากจะตอบ แต่ราชาแม็คกิลถอนหายใจพลางยกหัตถ์ขึ้น จบการสนทนา “ถ้ามีเรื่องเพียงเท่านี้ งั้นข้าจะไปล่ะ ต้องไปร่วมงานแต่งงานลูกสาวข้า”
“ฝ่าบาท” เคลวินทูล กระแอมกระไอ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ตามจารีตประเพณี ในวันอภิเษกสมรสของบุตรองค์โตของพระองค์ กษัตริย์แม็คกิลทุกพระองค์จะต้องแต่งตั้งผู้สืบราชบัลลังก์ ราษฎรคงคาดหวังว่าพระองค์ก็จะทำเช่นเดียวกัน พวกเขาเริ่มซุบซิบกันแล้ว คงจะไม่เป็นการดีหากจะทำให้พวกเขาผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อดาบโชคชะตายังคงไม่ขยับ”
“เจ้าจะให้ข้าแต่งตั้งรัชทายาททั้งที่ข้ายังครองราชย์อยู่อย่างนั้นหรือ?” ราชาตรัสถาม
“ฝ่าบาท ข้ามิได้มีเจตนาจะทำให้ทรงขุ่นเคือง” เคลวินละล่ำละลัก เป็นกังวล
ราชายกหัตถ์ขึ้น “ข้ารู้ประเพณีดี และที่จริงวันนี้ข้าจะเลือกทายาทคนหนึ่ง”
“ทรงบอกพวกเราได้หรือไม่ว่าเป็นใคร?” เฟิร์ธทูลถาม
ราชาแม็คกิลทอดพระเนตรมองเขาอย่างรำคาญ เฟิร์ธเป็นพวกช่างนินทา และพระองค์ไม่ไว้ใจชายผู้นี้
“เจ้าจะรู้ข่าวเองเมื่อเวลาเหมาะสม”
พระราชาประทับยืนขึ้น ทุกคนลุกตาม พวกเขาโค้งคำนับ แล้วหันหลังรีบออกจากท้องพระโรงไป
ราชาแม็คกิลยังคงประทับนิ่ง ครุ่นคิดไม่รู้ว่านานเท่าไร ในวันเช่นวันนี้พระองค์นึกหวัง ไม่อยากเป็นพระราชา
*
พระราชาเสด็จลงจากบัลลังก์ ฉลองพระบาทดังสะท้อนในความเงียบ ขณะเสด็จไปตามท้องพระโรง ทรงเปิดประตูไม้โอ๊คโบราณด้วยพระองค์เอง ทรงดึงที่จับประตูทำจากเหล็ก แล้วเสด็จเข้าไปในห้องด้านข้าง
พระองค์ทรงสำราญกับความสงบและสันโดษของห้องแสนสบายนี้เหมือนเช่นเคย ผนังห้องกว้างด้านละไม่ถึงยี่สิบก้าว แต่มีเพดานโค้งสูง ทั้งห้องทำด้วยหิน มีหน้าต่างกลมประดับกระจกสีเล็ก ๆ หนึ่งบานบนผนังด้านหนึ่ง แสงส่องผ่านกระจกสีเหลืองและแดง ส่องต้องวัตถุเพียงสิ่งเดียวในห้องโล่ง ๆ นี้
ดาบโชคชะตา
มันถูกวางอยู่กลางห้อง ทอดตัวอยู่บนแท่นรอง ยั่วยวนเหมือนหญิงงาม ราชาแม็คกิลเสด็จเข้าไปใกล้ วนดู และสำรวจดาบเล่มนี้เหมือนที่เคยทำเมื่อทรงพระเยาว์ ดาบโชคชะตา เป็นดาบในตำนาน เป็นขุมพลังและอำนาจของทั้งอาณาจักร ตกทอดจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่ง ใครก็ตามที่มีพละกำลังยกมันขึ้นได้จะเป็นผู้ที่ถูกเลือก ผู้ที่ถูกกำหนดให้ปกครองอาณาจักรไปตลอดชีวิต ช่วยปลดปล่อยอาณาจักรจากภยันตรายทั้งปวง ทั้งภายในและภายนอกวงแหวน แม็คกิลทรงเติบโตมากับตำนานอันงดงามนี้ และทันทีที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ จึงได้ทรงลองยกดาบนี้ เนื่องจากมีเพียงกษัตริย์ราชวงศ์แม็คกิลเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ลองยก พระราชาทุกพระองค์ก่อนหน้าทรงทำไม่สำเร็จ แม็คกิลมั่นใจว่าพระองค์จะแตกต่าง มั่นใจว่าพระองค์คือผู้ถูกเลือก
แต่ก็มิได้เป็นเช่นนั้น ความล้มเหลวของพระองค์เป็นรอยด่างในความเป็นกษัตริย์ของพระองค์นับตั้งแต่นั้น เช่นเดียวกับพระราชาทุกพระองค์ก่อนหน้านี้
ตอนนี้ราชาแม็คกิลกำลังทอดพระเนตรดาบโชคชะตา ทรงสำรวจคมดาบยาวที่สร้างขึ้นจากวัตถุที่เป็นปริศนา ซึ่งไม่เคยมีใครรู้จัก ต้นกำเนิดของดาบเล่มนี้ยิ่งคลุมเครือ มีข่าวลือว่ามันผุดขึ้นมาจากพื้นดินขณะเกิดแผ่นดินไหว
เมื่อมองดูมันอีก ก็ทรงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากความล้มเหลวขึ้นอีกครั้ง แม้จะทรงเป็นราชาที่ดี แต่ไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก ราษฎรรู้เรื่องนี้ดี ศัตรูของพระองค์ก็รู้ ถึงจะเป็นพระราชาที่ดี แต่ไม่ว่าจะทรงทำสิ่งใด พระองค์ก็ไม่มีทางเป็นผู้ที่ถูกเลือกได้
หากพระองค์สามารถยกดาบขึ้นได้ ทรงคิดว่าความไม่สงบในราชสำนัก การสมคบคิดกันคงจะมีน้อยลง ราษฎรก็จะเชื่อมั่นในพระองค์มากขึ้น ศัตรูก็จะไม่กล้าคิดรุกราน ส่วนหนึ่งของพระองค์อยากให้ดาบเล่มนี้หายไปพร้อมกับตำนานของมัน แต่ทรงรู้ดีว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น มันเป็นคำสาป และอำนาจของตำนาน แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่ากองทัพ
ขณะที่ทรงทอดพระเนตรดูมันเป็นครั้งที่พัน ราชาแม็คกิลอดสงสัยขึ้นมาอีกไม่ได้ ว่าใครจะเป็นผู้ถูกเลือก สายเลือดของพระองค์คนใดถูกกำหนดให้ยกมันขึ้นได้? ขณะคิดถึงดาบที่วางอยู่ตรงหน้า และการเลือก
รัชทายาท ทรงสงสัยว่าจะบุตรคนใดจะถูกกำหนดให้ยกดาบขึ้นได้
“น้ำหนักของดาบนั้นมหาศาล” มีเสียงดังขึ้น
ราชาแม็คกิลหมุนตัว ทรงประหลาดใจที่มีคนอื่นอยู่ในห้องเล็กนี้ด้วย
พบอาร์กอนยืนอยู่ตรงช่องประตู แม็คกิลทรงจำเสียงของเขาได้ก่อนที่จะเห็นตัวเสียอีก ทั้งหงุดหงิดที่เขาไม่มาเฝ้าก่อนหน้านี้และทั้งยินดีที่เขามาในตอนนี้
“ท่านมาสาย” แม็คกิลตรัส
“การรับรู้เรื่องเวลาของพระองค์ใช้กับข้าไม่ได้” อาร์กอนทูลตอบ
ราชาแม็คกิลหันกลับไปที่ดาบ
“ท่านเคยคิดไหมว่าข้าจะสามารถยกมันขึ้นได้?” ตรัสถามอย่างครุ่นคิด “เมื่อวันที่ข้าขึ้นครองราชย์”
“ไม่” อาร์กอนทูลตอบเสียงเรียบ
แม็คกิลหันกลับมาทอดพระเนตรเขา
“ท่านรู้ว่าข้าจะทำไม่ได้ ท่านเห็นมันใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว”
พระราชาทรงครุ่นคิด
“มันทำให้ข้ากลัวเวลาที่ท่านตอบตรง ๆ นี่ไม่เหมือนเป็นท่านเลย”
อาร์กอนนิ่งเงียบ จนในที่สุดราชาแม็คกิลจึงทรงตระหนักว่าเขาจะไม่กล่าวสิ่งใดอีก
“วันนี้ข้าจะเลือกรัชทายาท” พระราชาตรัส “มันรู้สึกไม่มีประโยชน์เลยที่จะเลือกรัชทายาทในวันนี้ เป็นเรื่องทำลายความสุขของราชาในงานแต่งงานของลูกสาว”
“บางทีความสำราญเช่นนั้นอาจจะต้องลดน้อยลง”
“แต่ข้ายังเหลือเวลาครองราชย์อีกหลายปี” แม็คกิลทรงอ้าง
“อาจจะไม่มากเท่าที่ท่านคิด” อาร์กอนทูลตอบ
ราชาแม็คกิลหรี่พระเนตร นึกสงสัย นี่เป็นข้อความอย่างนั้นหรือ?
แต่อาร์กอนก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มอีก
“ลูกหกคน ข้าควรจะเลือกใคร?” ราชาตรัสถาม
“ทำไมทรงถามข้า? ในเมื่อพระองค์ได้เลือกแล้ว”
แม็คกิลทอดเนตรมองเขา “ท่านเห็นสิ่งต่าง ๆ มากมาย ถูกต้อง ข้าได้เลือกแล้ว แต่ข้าอยากรู้ว่าท่านคิดอย่างไร”
“ข้าคิดว่าทรงเลือกได้ฉลาด” อาร์กอนทูล “แต่ทรงจำไว้ว่า ราชาไม่สามารถปกครองจากหลุมศพ ไม่ว่าท่านคิดจะเลือกใคร โชคชะตาก็มีทางเลือกของมันเอง”
“ข้าจะมีชีวิตอยู่ไหม อาร์กอน?” แม็คกิลตรัสถามจริงจัง ถามคำถามที่ทรงอยากรู้นับตั้งแต่ตื่นบรรทมจากฝันร้ายน่ากลัวเมื่อกลางดึกคืนก่อน
“เมื่อคืนข้าฝันถึงอีกา” ทรงเล่าเพิ่ม “มันเข้ามาขโมยมงกุฎของข้า แล้วกาอีกตัวก็พาข้าไป ข้ามองเห็นอาณาจักรอยู่เบื้องล่าง มันกลายเป็นสีดำเมื่อข้าผ่านไป กลายเป็นที่ดินแห้งแล้งและรกร้าง”
ทรงเงยหน้ามองอาร์กอน น้ำพระเนตรคลอ
“มันเป็นแค่ความฝัน หรือมีอะไรมากกว่านั้น?”
“ความฝันมักมีอะไรมากกว่านั้นเสมอ มิใช่หรือ?” อาร์กอนทูลถาม
ราชาแม็คกิลทรงห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที
“อันตรายอยู่ที่ไหน? บอกข้าอีกหน่อยเถอะ”
อาร์กอนก้าวเข้าไปใกล้ แล้วจ้องมองพระเนตรอย่างจริงจัง พระราชาแม็คกิลทรงรู้สึกราวกับกำลังมองเข้าไปยังอีกโลกหนึ่ง
อาร์กอนก้าวไปข้างหน้า แล้วกระซิบว่า
“มักจะอยู่ใกล้กว่าที่ทรงคิด”