Читать книгу การเดินทางแห่งราชา - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 11
บทที่ หนึ่ง
Оглавлениеราชาแม็คกิลทรงดำเนินโซเซเข้ามาในห้องบรรทม เพราะทรงดื่มมากเกินไป ทั้งห้องหมุนติ้ว พระเศียรยังปวดตุบจากงานเลี้ยงเมื่อคืน สตรีนางหนึ่งซึ่งไม่ทรงรู้จักเคล้าเคลียอยู่ข้างพระวรกาย แขนข้างหนึ่งโอบไว้รอบบั้นพระองค์ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย นางประคองพระองค์ไปที่พระแท่นพลางหัวเราะคิกคัก มหาดเล็กสองนายปิดประตูตามหลังและหลบไปอย่างเงียบ ๆ
พระราชาไม่รู้ว่าราชินีของพระองค์ประทับอยู่ที่ใด และในคืนนี้ทรงไม่สนพระทัย ทั้งสองพระองค์แทบจะไม่ได้ร่วมพระแท่นบรรทมกันแล้ว ด้วยพระนางมักจะบรรทมที่ห้องประทับส่วนตัว โดยเฉพาะในคืนที่มีงานฉลอง เมื่อการเลี้ยงอาหารยาวนานเกินไป พระนางทรงรู้ดีถึงความบันเทิงของสวามี และดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจ นอกจากนี้ พระองค์ทรงเป็นราชา และราชาในราชวงศ์แม็คกิลมักจะปกครองตามความพอใจ
ขณะที่ราชาแม็คกิลมุ่งหน้าไปที่พระแท่น ทั้งห้องก็หมุนอย่างบ้าคลั่ง จนพระองค์สะบัดสตรีนางนั้นออกไป ไม่ทรงอยู่ในอารมณ์สำหรับเรื่องนี้แล้ว
“ออกไป!” ราชาตรัสสั่ง แล้วผลักไสนางออกห่าง
สตรีนางนั้นยืนนิ่ง ทั้งตกใจและเจ็บปวด ขณะที่ประตูเปิดออก และมหาดเล็กกลับเข้ามาคว้าแขนนางไว้คนละข้าง แล้วนำนางออกไป นางขัดขืนแต่เสียงร้องก็เงียบลงเมื่อประตูถูกปิดตามหลัง
ราชาแม็คกิลประทับนั่งบนพระแท่น สองหัตถ์เท้าพระเศียรไว้ พยายามหยุดอาการปวดพระเศียร เป็นเรื่องไม่ปกติสำหรับพระองค์ที่ทรงปวดพระเศียรเร็วเช่นนี้ ก่อนที่น้ำจันฑ์จะทันออกฤทธิ์เสียอีก แต่คืนนี้มันต่างไป ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วไปหมด งานเลี้ยงฉลองเป็นไปด้วยดี ขณะที่พระองค์ทรงสำราญกับเนื้อชั้นดีและไวน์รสแรง ตอนที่ ธอร์ เด็กหนุ่มคนนั้นโผล่เข้ามาและทำลายทุกอย่างลง เริ่มต้นด้วยการบุกรุกของเขากับความฝันไร้สาระ จากนั้นเขายังบังอาจปัดแก้วจากหัตถ์ของพระองค์
แล้วสุนัขตัวนั้นก็เข้ามาแล้วเลียไวน์ก่อนจะล้มลงขาดใจตายต่อหน้าทุกคน ราชาแม็คกิลตัวสั่นตั้งแต่ตอนนั้น ความตระหนักรู้กระแทกใส่พระองค์ราวกับค้อนทุบ ว่ามีใครบางคนพยายามที่จะวางยาพิษพระองค์ เพื่อลอบปลงพระชนม์ พระราชาแทบไม่อยากเชื่อ ใครบางคนเล็ดลอดผ่านองครักษ์ ผ่านคนทดสอบอาหารและไวน์ของพระองค์มาได้ ทรงรอดพ้นจากจากความตายอย่างเฉียดฉิว และยังทรงตัวสั่นอยู่
ราชาแม็คกิลทรงจำได้ว่าธอร์ถูกนำตัวไปยังคุกใต้ดิน และทรงสงสัยขึ้นมาอีกครั้งว่านั่นเป็นคำสั่งที่ถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากใจหนึ่งทรงมั่นพระทัยว่าเด็กหนุ่มไม่มีทางที่จะรู้ว่าแก้วนั้นมียาพิษหากว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ใส่มันลงไปหรือเป็นผู้สมคบคิดกระทำการในทางใดทางหนึ่ง แต่อีกใจหนึ่งพระองค์ทรงรู้ดีว่าธอร์มีพลังลึกลับซ่อนอยู่ อาจจะลึกลับเกินไป และบางทีเขาอาจจะพูดความจริง บางทีเขาอาจจะเห็นมันในความฝันอย่างที่บอก ที่จริงแล้วธอร์อาจจะเป็นผู้ช่วยชีวิตพระองค์ไว้ และพระองค์ทรงส่งคนที่มีความจงรักภักดีอย่างแท้จริงไปเข้าคุกใต้ดิน
พระเศียรของราชาปวดตุบ ๆ เมื่อทรงคิดถึงเรื่องนี้ ขณะที่ทรงประทับนั่งพลางถูรอยย่นบนพระนลาฏ พยายามจะหาคำตอบ แต่พระองค์ทรงมึนเมาเกินไปในคืนนี้ พระสติไม่แจ่มใสและความคิดสับสน ทรงไม่สามารถคิดให้ถี่ถ้วนได้ แล้วที่นี่ก็ร้อนเกินไป เป็นคืนในฤดูร้อนที่อบอ้าว พระวรกายรุมร้อนอยู่หลายชั่วโมงในช่วงเวลาหรรษาจากอาหารและเครื่องดื่ม ทรงรู้สึกว่าพระเสโทไหลอาบ
ราชาแม็คกิลทรงถอดและเหวี่ยงฉลองพระองค์คลุมออก ตามด้วยฉลองพระองค์ตัวนอก เหลือเพียงฉลองพระองค์ตัวใน พระองค์ทรงปาดเหงื่อจากคิ้วและเครา แล้วทรงเอนวรกาย สลัดบู้ทคู่ใหญ่และหนักออกทีละข้าง ทรงงอนิ้วพระบาทเมื่อสัมผัสอากาศ ราชาแม็คกิลประทับนั่งอยู่เช่นนั้น พลางสูดหายใจแรง พยายามทำใจให้สงบ วันนี้พระองค์ทรงเจริญอาหารและมันช่างเป็นภาระ พระราชาเตะขาขึ้นแล้วเอนวรกายลงนอน หนุนพระเศียรลงกับพระเขนย ทรงถอนหายใจแล้วทอดพระเนตรมองขึ้นไป มองผ่านเสาพระแท่นทั้งสี่ ขึ้นไปยังเพดาน ทรงหวังให้ห้องหยุดหมุนเสียที
ใครกันอยากจะสังหารข้า? พระองค์ทรงสงสัยขึ้นมาอีก ทรงรักธอร์ดุจบุตรชาย ส่วนหนึ่งในพระหทัยรู้ว่าไม่ใช่ธอร์ ทรงสงสัยว่าจะเป็นใครได้อีก และพวกนั้นมีเหตุจูงใจอะไร ที่สำคัญที่สุดหากว่าพวกมันจะพยายามอีกล่ะ พระองค์จะปลอดภัยหรือไม่? คำพยากรณ์ของอาร์กอนจะถูกต้องหรือไม่?
พระราชาทรงรู้สึกว่าหนังตาหนักขึ้น ขณะที่ทรงรู้ว่าคำตอบของเรื่องนี้อยู่นอกเหนือความเข้าใจของพระองค์ หากพระสติแจ่มชัดกว่านี้สักหน่อย อาจจะทรงคิดออก แต่คงต้องรอถึงรุ่งสางจึงค่อยเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาของพระองค์ ให้เริ่มทำการสอบสวนเรื่องนี้ คำถามในใจของพระองค์ไม่ใช่ใครต้องการให้พระองค์ตาย แต่เป็นใครกันที่ไม่ต้องการให้พระองค์ตาย ในราชสำนักเต็มไปด้วยคนที่ต้องการบัลลังก์ของพระองค์ บรรดาแม่ทัพผู้ทะเยอทะยาน สมาชิกสภาเจ้าอุบาย ขุนนางผู้กระหายอำนาจ สายลับ คู่ปรับเก่า คนลอบสังหารจากฝั่งแม็คคลาวด์ หรือแม้แต่มาจากแดนเถื่อน บางทีอาจจะใกล้กว่านั้นก็เป็นได้
พระราชาแม็คกิลทรงกระพริบพระเนตรเมื่อเริ่มง่วงงุน แต่มีบางอย่างดึงความสนใจของพระองค์ทำให้พยายามลืมพระเนตร พระองค์สังเกตเห็นความเคลื่อนไหว เมื่อมองหาก็ไม่พบว่ามีมหาดเล็กอยู่ตรงนั้น ทรงกระพริบพระเนตรอย่างสับสน มหาดเล็กไม่เคยทิ้งให้พระองค์อยู่เพียงลำพังในห้องนี้ และทรงนึกไม่ออกว่าสั่งให้พวกเขาออกไป และยิ่งแปลกมากขึ้น เมื่อประตูห้องเปิดออกกว้าง
ขณะนั้นเอง ราชาแม็คกิลได้ยินเสียงจากอีกฟากของห้อง จึงหันไปมอง ตรงนั้นเองมีบางอย่างเคลื่อนไหวมาตามผนัง โผล่ออกมาจากเงามืดสู่แสงคบไฟ เป็นชายร่างสูงผอม สวมเสื้อคลุมสีดำ มีผ้าคลุมปกปิดใบหน้า พระราชากระพริบพระเนตรอยู่หลายครั้ง พลางสงสัยว่าทรงเห็นสิ่งเหล่านี้จริงหรือไม่ ในตอนแรกทรงมั่นพระทัยว่ามันเป็นเพียงเงา แสงจากคบไฟวูบไหวเล่นตลกกับสายพระเนตรของพระองค์
แต่ครู่ต่อมาร่างนั้นก้าวเข้าใกล้มากขึ้นและมาถึงพระแท่นอย่างรวดเร็ว ราชาแม็คกิลพยายามเพ่งมองในแสงสลัว พยายามดูว่าคือใคร พระองค์ทรงผุดลุกขึ้นประทับนั่งด้วยสัญชาตญาณ และด้วยความเป็นนักรบเก่า ทรงเอื้อมไปที่บั้นพระองค์เพื่อจับดาบหรืออย่างน้อยก็มีดสั้น แต่พระองค์ทรงถอดฉลองพระองค์ออกและไม่มีอาวุธใดเหลืออยู่ ทรงประทับอยู่บนพระแท่นอย่างไร้อาวุธ
ตอนนี้ร่างนั้นเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เหมือนกับอสรพิษในยามราตรี ค่อยคืบคลานเข้ามาใกล้ เมื่อพระราชาแม็คกิลประทับนั่ง พระองค์ทรงเห็นใบหน้านั้น ทั้งห้องยังคงหมุน ความมึนเมาทำให้พระองค์ไม่อาจเข้าใจได้แจ่มชัด แต่ชั่วขณะนั้น ทรงสาบานได้ว่าเป็นใบหน้าของโอรสของพระองค์
กาเร็ธ?
พระราชาทรงตื่นตะหนกขึ้นมาทันที ทรงสงสัยว่าเขามาทำอะไรที่นี่ ในยามดึกดื่นเช่นนี้ โดยไม่บอกไม่กล่าว
“ลูกพ่อ?” ทรงเรียกออกไป
พระราชาทอดเนตรเห็นแววตามุ่งร้ายและนั่นเพียงพอแล้ว พระองค์กระโดดลุกจากพระแท่น
แต่ร่างนั้นก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มันกระโจนเข้าใส่ และก่อนที่ราชาแม็คกิลจะทันยกหัตถ์ขึ้นป้องกัน วัตถุหนึ่งสะท้อนกับแสงคบไฟ พุ่งมาอย่างเร็ว เร็วเกินไป คมมีดแหวกอากาศ ปักลงที่พระอุระของพระองค์
พระราชาทรงร้องออกมา เป็นเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ทรงประหลาดพระทัยกับเสียงร้องของพระองค์เอง มันคือเสียงกรีดร้องในสนามรบ ที่ทรงเคยได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน เป็นเสียงร้องของนักรบที่บาดเจ็บสาหัส
ราชาแม็คกิลทรงรู้สึกถึงโลหะเย็นที่แทงทะลุซี่โครง แทรกผ่านกล้ามเนื้อ ผสมกับพระโลหิต ทิ่มลึกเข้าไปยิ่งขึ้น ความเจ็บปวดรุนแรงกว่าที่ทรงเคยนึกฝัน ดูราวกับมันจะไม่หยุดทิ่มลึกเข้าไป ราชาอ้าโอษฐ์ค้าง และรู้สึกถึงโลหิตอุ่นและเค็มในพระโอษฐ์ ทรงหายใจแรงขึ้น พยายามบังคับตัวเองให้เงยขึ้นมองใบหน้าเบื้องหลังผ้าคลุม แล้วพระองค์ต้องตกพระทัย ทรงคาดผิด นั่นไม่ใช่ใบหน้าของโอรส แต่เป็นคนใกล้ชิด ใครคนหนึ่งซึ่งคล้ายกับโอรสของพระองค์
สมองของพระองค์ปั่นป่วนด้วยความสับสน ขณะที่ทรงพยายามนึกชื่อของคนผู้นี้
เมื่อร่างนั้นยืนตระหง่านง้ำอยู่เหนือราชาแม็คกิล ในมือถือมีด พระองค์ทรงยกหัตถ์ขึ้นและผลักเข้าที่ไหล่ของชายผู้นั้น ด้วยความพยายามที่ต้องการจะหยุดมัน ทรงรู้สึกถึงพละกำลังของนักรบเก่าปะทุขึ้นในวรกาย รู้สึกถึงพลังของบรรพบุรุษ ส่วนลึกในกายของพระองค์ที่ทำให้ทรงเป็นกษัตริย์ ว่าจะต้องไม่ยอมแพ้ ทรงผลักผู้ลอบสังหารด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ด้วยการผลักเพียงครั้งเดียว
ชายคนนั้นผอมบางกว่าที่ราชาแม็คกิลคิด มันเซถอยหลังพลางส่งเสียงร้องออกมา ถลาไปอีกฟาก พระราชาทรงลุกขึ้นยืนด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด ทรงเอื้อมหัตถ์ไปดึงมีดออกจากพระอุระ แล้วขว้างออกไปกระทบพื้นหินเสียงดัง ก่อนจะไถลไปตามพื้น กระแทกเข้ากับผนังที่อยู่ไกลออกไป
ชายคนนั้น ซึ่งผ้าคลุมศีรษะหล่นลงมากองอยู่บนบ่า ตะกายขึ้นยืน จ้องมองกลับมาด้วยดวงตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ราชาแม็คกิลทรงวางท่าขู่ ชายคนนั้นหันหลังวิ่งไปอีกฟากของห้อง แวะหยิบมีดสั้นก่อนที่จะหนีออกไป
พระราชาพยายามจะไล่ตาม แต่ชายคนนั้นเร็วเกินไป และความเจ็บปวดก็พุ่งพล่านขึ้นอีก แปลบลึกที่พระอุระ ทรงเริ่มรู้สึกอ่อนแรง
ราชาแม็คกิลหยุดยืนนิ่ง เพียงลำพังในห้องบรรทม ทอดเนตรมองโลหิตที่ไหลจากพระอุระสู่พระหัตถ์ พระองค์ทรุดลงกับพระชานุ
พระราชาเริ่มรู้สึกหนาว เอนพระวรกายลงและพยายามจะตะโกนออกมา
“องครักษ์” ทรงร้องเสียงแผ่ว
พระองค์ทรงสูดหายใจลึก แม้จะเจ็บปวดแสนสาหัส ทรงรวบรวมกำลังเปล่งสุรเสียง สุรเสียงแห่งราชา
“องครักษ์!” ทรงตะโกนก้อง
ราชาแม็คกิลทรงได้ยินเสียงฝีเท้าจากโถงที่อยู่ห่างออกไป ค่อย ๆ ใกล้เข้ามา ได้ยินเสียงประตูเปิดออก รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ แต่ทั้งห้องเริ่มหมุนอีก และครั้งนี้ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์น้ำจัณฑ์
สิ่งสุดท้ายที่ทรงเห็นคือพื้นหินเย็น ๆ เคลื่อนเข้าใกล้พระพักตร์