Читать книгу การเดินทางแห่งราชา - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 15
บทที่ ห้า
Оглавлениеธอร์เดินตามเจ้าชายรีซไปติด ๆ โครห์นตามมาด้านหลังขณะที่พวกเขาผ่านไปตามทางด้านหลังสู่ห้องบรรทมของพระราชา เจ้าชายรีซนำเขาผ่านประตูลับที่ซ่อนอยู่ในกำแพงด้านหนึ่ง ทรงถือคบไฟนำทางขณะที่เดินเรียงเดี่ยวกันไปตามทางแคบ ๆ ผ่านเข้าไปในพื้นที่ชั้นในของปราสาทตามเส้นทางวกวนน่าเวียนหัว พวกเขาเดินขึ้นไปตามบันไดหินแคบ ๆ ที่นำไปสู่ทางเดินอีกเส้น ทั้งหมดเลี้ยวและพบบันไดอีกอัน ธอร์รู้สึกทึ่งกับความซับซ้อนของทางเดินพวกนี้
“ทางนี้ถูกสร้างขึ้นหลายร้อยปีมาแล้ว” เจ้าชายรีซทรงกระซิบบอกขณะที่เดินกันไป พลางหอบหายใจเมื่อต้องปีนขึ้น “มันถูกสร้างโดยเสด็จทวดของพระบิดาข้า ราชาแม็คกิลองค์ที่สาม ทรงสร้างหลังจากถูกโอบล้อม เพื่อใช้เป็นเส้นทางหลบหนี แต่น่าขำที่เราไม่เคยถูกโอบล้อมอีกเลยนับตั้งแต่นั้น แล้วทางพวกนี้ก็ไม่มีใครใช้มาเป็นศตวรรษแล้ว มันถูกปิดไว้แล้วข้ามาพบเมื่อสมัยยังเด็ก ข้าชอบเข้ามาใช้เดินไปรอบปราสาทโดยไม่มีใครรู้ว่าข้าอยู่ที่ไหน สมัยเรายังเด็ก เกว็น ก็อดฟรีย์และข้ามักจะเล่นซ่อนแอบกันในนี้ เคนดริคโตเกินไป ส่วนกาเร็ธก็ไม่ชอบเล่นกับพวกเรา มีกฎว่าห้ามมีคบไฟ มันมืดสนิท น่ากลัวมาก ๆ ตอนนั้น”
ธอร์พยายามเดินตามให้ทัน ขณะที่เจ้าชายรีซนำทางไปได้อย่างน่าทึ่ง เห็นได้ชัดว่าทรงจดจำทุกย่างก้าวได้อย่างขึ้นใจ
“ท่านจำทางเลี้ยวพวกนี้ได้อย่างไร?” ธอร์ทูลถามด้วยความทึ่ง
“ถ้าเจ้าเป็นเด็กผู้ชายที่เติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวในปราสาท” เจ้าชายตรัส “โดยเฉพาะเมื่อคนอื่น ๆ โตกว่า และเจ้ายังเด็กเกินกว่าจะเข้าร่วมกองทหารยุวชน มันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำ ข้าถือเป็นภารกิจที่จะต้องค้นพบทุกซอกทุกมุมของที่นี่”
ทั้งสองเลี้ยวอีกครั้ง ก้าวลงบันไดหินไปสามขั้น ก่อนจะเลี้ยวผ่านช่องแคบ ๆ บนกำแพง แล้วเดินลงไปตามบันไดยาว ในที่สุดเจ้าชายรีซก็พามาถึงประตูไม้โอ้คบานหนามีฝุ่นจับ ทรงแนบพระกรรณกับประตูแล้วฟัง ธอร์ก้าวมายืน
ข้าง ๆ
“นี่คือประตูอะไรหรือ?” ธอร์ทูลถาม
“ชู่” เจ้าชายส่งเสียงบอก
ธอร์เงียบเสียงแล้วแนบหูเข้ากับประตูบ้าง และนิ่งฟัง โครห์นยืนอยู่ด้านหลังเขา เงยหน้ามอง
“นี่คือประตูหลังไปสู่ห้องบรรทมของพระบิดา” เจ้าชายกระซิบ “ข้าอยากฟังว่ามีใครอยู่กับพระองค์บ้าง”
ธอร์นิ่งฟังเสียงอู้อี้หลังประตูด้วยใจเต้นแรง
“เสียงเหมือนคนอยู่กันเต็มห้อง” เจ้าชายรีซตรัส
เจ้าชายหันมามองธอร์อย่างมีความหมาย
“เจ้ากำลังจะเดินเข้าสู่ทะเลเพลิง บรรดาแม่ทัพทั้งหลายคงอยู่ที่นั่น สมาชิกสภา ที่ปรึกษา พระญาติอีก ทุกคนเลยล่ะ ข้ามั่นใจว่าทุกคนต้องจับตามองเจ้า คนที่ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกร มันจะเหมือนการเดินไปถูกรุมประชาทัณฑ์ หากพระบิดายังทรงคิดว่าเจ้าพยายามจะลอบปลงพระชนม์พระองค์ เจ้าคงจบเห่ เจ้าแน่ใจนะว่าต้องการจะทำอย่างนี้?”
ธอร์กลืนน้ำลายดังเอื๊อก ถ้าไม่ทำตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ลำคอของเขาแห้งผากเมื่อคิดว่านี่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต มันคงจะง่ายกว่าถ้าจะหันหลังแล้วหนีไปตอนนี้ เขาคงจะมีชีวิตอย่างปลอดภัยที่ไหนสักแห่ง ไกลจากปราสาทของพระราชา หรือเขาจะก้าวผ่านประตูนี้ไปและเป็นไปได้ว่าจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือในคุกใต้ดินกับพวกคนแคระ หรืออาจจะถูกประหาร
เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วตัดสินใจ เขาจะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายนี้ เขาจะถอยหนีไม่ได้
ธอร์พยักหน้า เขากลัวที่จะอ้าปากออกมา กลัวว่าถ้าเขาทำ เขาอาจจะเปลี่ยนใจ
เจ้าชายรีซทรงพยักพระพักตร์ตอบ แววพระเนตรแสดงว่าทรงเห็นชอบด้วย จากนั้นจึงทรงผลักหูจับเหล็กแล้วใช้พระอังสาดันบานประตู
ธอร์หรี่ตาในแสงคบไฟจ้าขณะที่ประตูเลื่อนเปิดออก เขาพบว่าตัวเองยืนอยู่กลางห้องบรรทมของพระราชา โดยมีโครห์นและเจ้าชายรีซอยู่เคียงข้าง
มีคนอย่างน้อยยี่สิบกว่าคนรายล้อมอยู่รอบพระราชาที่ประทับอยู่บนพระแท่น บางคนยืน บางคนคุกเข่า ผู้คนที่แวดล้อมอยู่นั้นคือบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพ พร้อมด้วยอาร์กอน ราชินี เจ้าชายเคนดริค เจ้าชายก็อดฟรีย์ และแม้แต่เจ้าหญิงเกว็นโดลีน มันคือการดูใจครั้งสุดท้าย และธอร์กำลังรุกล้ำเรื่องภายในครอบครัว
บรรยากาศภายในห้องดูอึมครึม แต่ละคนใบหน้าเศร้าหมอง ราชาแม็คกิลประทับหนุนอยู่บนพระเขนย ธอร์รู้สึก
โล่งอกที่ได้เห็นว่าพระองค์ยังมีพระชนม์ชีพ อย่างน้อยที่สุดก็ในตอนนี้
ทุกคนหันมาพร้อมกันและตกใจที่เห็นธอร์และเจ้าชายรีซเข้ามาอย่างกะทันหัน ธอร์รู้ว่าทุกคนจะต้องตกใจ ที่จู่ ๆ พวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นกลางห้อง จากประตูลับบนกำแพงหิน
“เจ้าเด็กคนนั้น!” ใครบางคนตะโกนขึ้น แล้วยืนชี้มาทางธอร์ด้วยความเกลียดชัง “เขาคือคนที่พยายามจะลอบวางยาพิษพระราชา!”
ทหารองครักษ์พุ่งตรงมาที่เขาจากทุกมุมห้อง ธอร์แทบไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร ใจหนึ่งเขาอยากจะวิ่งหนี แต่เขารู้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับฝูงชนที่กำลังโกรธ เขาจะต้องเข้าเฝ้าพระราชา ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมเมื่อทหารวิ่งเข้าใส่ ตั้งท่าจะจับตัวเขา ขณะที่โครห์นส่งเสียงขู่ เตือนคนที่จะเข้ามาทำร้าย
ขณะที่ธอร์ยืนอยู่นั้น เขารู้สึกถึงความร้อนที่คุกรุ่นขึ้นในกาย พลังงานปะทุขึ้นในตัวเขา ธอร์ยกมือขึ้นข้างหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วยื่นฝ่ามือออกไป ปล่อยพลังใส่พวกนั้น
“เจ้ากล้าดียังไงถึงเดินเข้ามาในนี้แล้วใช้เวทมนต์ เจ้าหนุ่ม!” บรอม แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระราชาตะโกนขึ้น พลางชักดาบ “เจ้าพยายามจะปลงพระชนม์ครั้งหนึ่งยังไม่พออย่างนั้นหรือ?”
บรอมก้าวเข้าหาธอร์พร้อมดาบในมือ ขณะนั้นเองธอร์ก็รู้สึกว่าบางสิ่งเข้าครอบงำเขา เป็นความรู้สึกที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เขาเคยมี เขาหลับตาลงแล้วตั้งสมาธิ รู้สึกถึงพลังจากดาบของบรอม รูปร่างของมัน เนื้อโลหะ และไม่รู้ด้วยวิธีใดเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน เขาสั่งให้มันหยุดได้ด้วยใจ
บรอมชะงักนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง
“อาร์กอน!” บรอมหันไปแล้วตะโกนบอก “หยุดเวทมนต์นี่เดี๋ยวนี้! หยุดเจ้าเด็กนั่น!”
อาร์กอนก้าวออกมาจากกลุ่มคน ค่อย ๆ ลดผ้าคลุมศีรษะลง เขาจ้องมองธอร์เขม็ง ด้วยแววตาร้อนแรง
“ข้าไม่เห็นเหตุผลที่จะหยุดเขา” อาร์กอนบอก “เขาไม่ได้มาด้วยประสงค์ร้าย”
“ท่านบ้าไปแล้วหรือ? เขาเกือบจะปลงพระชนม์พระราชา!”
“นั่นคือสิ่งที่ท่านคิด” อาร์กอนบอก “แต่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าเห็น”
“ปล่อยเขา” สุรเสียงแหบห้าวดังขึ้น
ทุกคนหันไปพบราชาแม็คกิลทรงลุกขึ้นประทับนั่ง และทอดพระเนตรมาอย่างเหนื่อยอ่อน เห็นได้ชัดว่าทรงพยายามเปล่งคำพูดออกมา
“ข้าอยากพบเขา เขาไม่ใช่คนที่แทงข้า ข้าเห็นหน้ามัน และไม่ใช่เขา ธอร์เป็นผู้บริสุทธิ์”
คนอื่น ๆ ค่อยคลายท่าทีลง ขณะที่ธอร์ผ่อนจิต ปล่อยพวกนั้นเป็นอิสระ ทหารองครักษ์ถอยห่างออกไปพลางมองธอร์อย่างระแวดระวัง ราวกับเขามาจากอีกโลกหนึ่ง แล้วค่อย ๆ เก็บดาบเข้าฝัก
“ข้าอยากพบเขา” ราชาแม็คกิลตรัส “ตามลำพัง พวกเจ้าทุกคนออกไปให้หมด”
“ราชาของข้า” บรอมทูล “พระองค์ทรงคิดว่าจะเป็นการปลอดภัยหรือ? พระองค์จะอยู่ตามลำพังกับเจ้าหนุ่มนี่?
“ห้ามแตะต้องธอร์” ราชาแม็คกิลตรัส “ออกไปได้แล้ว ทุกคนรวมถึงครอบครัวของข้าด้วย”
ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้อง ทุกคนต่างมองหน้ากัน ดูไม่แน่ใจว่าควรทำเช่นไร ธอร์ยืนนิ่งอยู่กับที่ แทบจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
ทุกคนรวมถึงพระบรมวงศ์ค่อย ๆ เดินเรียงกันออกไปจากห้องบรรทม โครห์นเดินตามหลังเจ้าชายรีซไป ทั้งห้องที่เต็มไปด้วยผู้คนเมื่อครู่ กลับว่างเปล่าลงทันที
ประตูปิดลง เหลือเพียงธอร์และราชาแม็คกิลอยู่ตามลำพังในความเงียบ เขาแทบไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพพระราชาประทับบนพระแท่น พระพักตร์ซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด ทำร้ายเขาเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่มันเกือบจะเหมือนส่วนหนึ่งในตัวเขากำลังจะตายลงไปด้วย บนพระแท่นบรรทมนั้น เขาปรารถนาให้พระราชาทรงปลอดภัยดียิ่งกว่าสิ่งใด
“มานี่สิ เจ้าหนุ่ม” ราชาแม็คกิลตรัสอย่างอ่อนแรง พระสุรเสียงแหบพร่า แทบจะเป็นกระซิบ
ธอร์ก้มศีรษะลงแล้วรีบเข้าไปข้างพระราชา คุกเข่าลงตรงหน้าพระองค์ ราชาแม็คกิลทรงยื่นพระกรออกมา ธอร์รับแล้วก้มลงจุมพิต
เขาเงยหน้าขึ้นเห็นพระองค์ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนแรง ธอร์ประหลาดใจเมื่อรู้สึกถึงน้ำตาอุ่น ๆ ไหลอาบแก้ม
“ฝ่าบาท” ธอร์เอ่ยปากทูลอย่างเร่งร้อน ไม่อาจระงับไว้ได้ “ขอทรงโปรดเชื่อข้า ข้าไม่ได้วางยาพิษพระองค์ ข้าเห็นมันจากความฝัน ด้วยพลังบางอย่างที่ข้ายังไม่รู้จัก ข้าเพียงต้องการเตือนพระองค์ ขอทรงโปรดเชื่อข้าด้วย...”
ราขาแม็คกิลยกพระกรขึ้น ธอร์จึงหยุดพูด
“ข้าเข้าใจเจ้าผิด” ราชาแม็คกิลตรัส “ต้องถูกแทงด้วยมือคนอื่นจึงรู้ว่าไม่ใช่เจ้า เจ้าเพียงพยายามจะช่วยข้า ยกโทษให้ข้าด้วย เจ้าเป็นผู้จงรักภักดี อาจจะเป็นผู้ภักดีเพียงคนเดียวในราชสำนักของข้า”
“ข้าปรารถนาให้เรื่องนี้ไม่จริง” ธอร์ทูล “ข้าปรารถนาให้พระองค์ทรงปลอดภัย และขอให้ความฝันของข้าเป็นเพียงภาพหลอน ขอให้พระองค์ไม่เคยถูกลอบปลงพระชนม์ ขอให้ข้าผิด และขอให้พระองค์ทรงปลอดภัย”
ราชาแม็คกิลส่ายพระพักตร์
“เวลาของข้ามาถึงแล้ว” พระราชาตรัสบอกธอร์
ธอร์กลืนน้ำลาย หวังว่ามันจะไม่ใช่ความจริง แต่ก็สัมผัสได้ว่ามันคงเป็นเช่นนั้น
“พระองค์ทรงทราบหรือไม่ว่าใครเป็นผู้กระทำการนี้?” ธอร์ทูลถามคำถามที่แผดเผาใจเขามาตลอดนับตั้งแต่ฝันเห็น เขาคิดไม่ออกว่าใครจะต้องการให้พระองค์สวรรคต และเพราะเหตุใด
ราชาแม็คกิลทรงเงยหน้าขึ้นมองเพดาน พยายามกระพริบพระเนตร
“ข้าเห็นหน้ามัน เป็นใบหน้าที่ข้ารู้จักเป็นอย่างดี แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดข้านึกไม่ออก”
พระราชาหันมาหาธอร์
“คงไม่สำคัญแล้วตอนนี้ เวลาของข้ามาถึงแล้ว ไม่ว่าจะด้วยมือของมันหรือของคนอื่น ปลายทางก็ยังคงเหมือนเดิม ที่สำคัญคือ” ราชาตรัสพลางเอื้อมกรมาจับข้อมือของธอร์ไว้ด้วยพละกำลังที่ทำให้เขาประหลาดใจ “สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากข้าจากไปแล้ว อาณาจักรของเราจะไร้ราชา”
ราชาแม็คกิลทอดพระเนตรมองธอร์ด้วยแววจริงจังซึ่งเขาไม่เข้าใจ ธอร์ไม่รู้ว่าพระองค์หมายถึงสิ่งใด หรือว่าพระราชาทรงสั่งการสิ่งใด เขาอยากจะทูลถาม แต่เห็นว่าพระราชาทรงพยายามหายใจอย่างยากลำบาก และไม่อยากเสี่ยงที่จะขัดพระองค์
“อาร์กอนพูดถูกเรื่องเจ้า” พระราชาตรัส ค่อยคลายพระกรช้า ๆ “ชะตาของเจ้ายิ่งใหญ่กว่าของข้ามากนัก”
ธอร์รู้สึกราวกับถูกฟ้าฟาดจากคำพูดของพระราชา ชะตาของเขาหรือ? ยิ่งใหญ่กว่าพระราชาเช่นนั้นหรือ? ความคิดว่าพระราชาทรงหารือกับอาร์กอนเรื่องธอร์นั้นก็เกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้แล้ว และความจริงที่ว่าพระองค์ตรัสว่าเขาจะมีชะตาอันยิ่งใหญ่กว่าราชานั้น มันหมายความว่าอย่างไรกัน? หรือว่าพระองค์ทรงเห็นภาพหลอนในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต?
“ข้าเลือกเจ้า รับเจ้าเข้ามาในครอบครัวด้วยเหตุผลบางอย่าง เจ้ารู้ไหมว่าคืออะไร?”
ธอร์ส่ายหน้า ต้องการรู้อย่างยิ่ง
“เจ้าไม่รู้หรือว่าทำไมข้าถึงต้องการให้เจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าเท่านั้น ในวาระสุดท้ายของข้า?”
“ฝ่าบาทโปรดอภัย” เขาทูลเสียงสั่น “ข้าไม่รู้เลย”
ราชาแม็คกิลแย้มพระสรวลจาง ๆ พระเนตรเริ่มหรี่ลง
“มีดินแดนยิ่งใหญ่อยู่ไกลจากที่นี่ เลยแดนเถื่อนไป ไกลกว่าดินแดนแห่งมังกร มันคือดินแดนของดรูอิด นั่นเป็นที่ที่แม่เจ้าจากมา เจ้าจะต้องไปที่นั่นเพื่อหาคำตอบ”
ราชาแม็คกิลลืมพระเนตรขึ้น ทรงจ้องมองธอร์ด้วยแววตาที่ธอร์ไม่เข้าใจ
“อาณาจักรของเราขึ้นอยู่กับเรื่องนี้” พระราชาตรัสต่อ “เจ้าไม่เหมือนคนอื่น เจ้าเป็นคนพิเศษ จนกว่าเจ้าจะรู้จักตัวเอง อาณาจักรของเราจะไม่มีวันสุขสงบ”
พระราชาหลับพระเนตร ทรงหายใจอย่างเหนื่อยหอบ พระกรที่กุมข้อมือธอร์ไว้เริ่มอ่อนแรง เขารู้สึกน้ำตาไหลอาบ ใจเขาคิดถึงสิ่งที่พระองค์ตรัสและพยายามจะเข้าใจมัน แต่แทบจะตั้งสติไม่ได้เลย นี่เขาได้ยินถูกต้องหรือไม่?
ราชาแม็คกิลทรงกระซิบบางอย่าง แต่เบามากจนธอร์แทบไม่ได้ยิน เขาก้มลงไปใกล้ เอียงหูเข้าใกล้พระโอษฐ์
พระราชายกพระเศียรขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย และพยายามเปล่งวาจาสุดท้ายออกมา
“แก้แค้นให้ข้า”
จากนั้นก็ทรงนิ่งไป พระองค์ประทับอยู่เช่นนั้นชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่พระเศียรจะเอียงไปด้านหนึ่ง เห็นพระเนตรเบิกค้าง
สวรรคตแล้ว
“ไม่!” ธอร์ตะโกน
เสียงร้องของเขาดังมากจนองครักษ์ได้ยิน เพราะทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออกด้านหลัง ได้ยินเสียงผู้คนกรูกันเข้ามา เขารับรู้ด้วยหางตาว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่รอบ ๆ ตัว เขารับรู้อย่างเลือนรางว่าได้ยินเสียงระฆังตีขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงระฆังดังเป็นจังหวะเดียวกับเส้นเลือดที่ขมับของเขา แต่แล้วทุกสิ่งก็เลือนรางลง ครู่ต่อมาทั้งห้องก็หมุนวน
ธอร์เป็นลมไปแล้ว เขาล้มลงฟาดกับพื้นหิน