Читать книгу การเดินทางแห่งราชา - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 12
บทที่ สอง
Оглавлениеธอร์คว้าห่วงเหล็กสำหรับเคาะประตูไม้บานมหึมาตรงหน้า แล้วดึงสุดแรง มันเปิดออกช้า ๆ ส่งเสียงเอี้ยดอ้าด เผยให้เห็นห้องบรรทมของพระราชา เขาก้าวเข้าไป รู้สึกขนลุกซู่ไปตามแขนขณะข้ามผ่านธรณีประตู ธอร์รู้สึกถึงความมืดมิดที่นี่ มันอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศราวกับหมอก
เขาก้าวเข้าไปในห้องอีกหลายก้าว ได้ยินเสียงปะทุของคบไฟบนผนัง ขณะก้าวเข้าไปหาร่างที่นอนกองอยู่บนพื้น เขารู้แล้วว่านั่นคือพระราชา รู้ว่าพระองค์ถูกลอบสังหาร รู้ว่าเขามาช้าเกินไป ธอร์อดสงสัยไม่ได้ว่าองครักษ์หายไปไหนกันหมด ทำไมจึงไม่มีใครอยู่ช่วยพระองค์
เขารู้สึกแข้งขาอ่อนเมื่อเหยียบย่างก้าวสุดท้ายเข้าไปหาพระราชา เขาคุกเข่าลงบนพื้นหิน คว้าพระอังสาที่เย็นเฉียบ แล้วพลิกพระวรกายขึ้น
พระราชาแม็คกิล ราชาผู้ล่วงลับ ประทับอยู่ตรงนั้น พระเนตรเบิกโพลง สวรรคต...
ธอร์เงยหน้าขึ้น จู่ ๆ ก็มีมหาดเล็กมายืนอยู่เหนือทั้งสอง ถือแก้วเสวยประดับอัญมณีใบใหญ่ ใบที่ธอร์เห็นในงานเลี้ยง ใบที่ทำจากทองคำและประดับด้วยทับทิมและไพลิน มหาดเล็กจ้องมองธอร์ และค่อย ๆ รินไวน์ลงบนพระอุราของราชาแม็คกิล ไวน์กระเด็นเลอะทั่วใบหน้าของธอร์
ธอร์ได้ยินเสียงร้องแหลม เมื่อหันไปมองก็เห็นเอสโตฟีลีส เหยี่ยวของเขาเกาะอยู่บนพระอังสา กำลังเลียไวน์จากพระปราง
ธอร์ได้ยินเสียง เมื่อหันไปดูก็เห็นอาร์กอน ยืนอยู่เหนือเขา และมองลงมาอย่างเคร่งเครียด มือข้างหนึ่งของเขาถือมงกุฎที่เป็นประกาย ส่วนอีกข้างถือคทา
อาร์กอนเดินมาหาแล้ววางมงกุฎลงบนศีรษะของธอร์อย่างแน่นหนา ธอร์รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่จมลงมา มันพอดิบพอดี เนื้อโลหะโอบรัดรอบขมับของเขา ธอร์เงยหน้ามองอาร์กอนอย่างประหลาดใจ
“บัดนี้เจ้าคือราชา” อาร์กอนประกาศ
ธอร์กระพริบตา และเมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็ได้เห็นกองทหารยุวชนและกองรบเงินทุกคน ชายฉกรรจ์และเด็กหนุ่มหลายร้อยคนเบียดเสียดกันเข้ามาในห้อง หันหน้าหาเขา แล้วทุกคนก็คุกเข่าลงพร้อมกัน คำนับให้เขา ก้มหน้าต่ำติดพื้น
“ราชาของพวกเรา” เสียงประสานกันดังขึ้น
ธอร์สะดุ้งตื่น เขาผุดลุกขึ้นนั่ง หายใจแรงพลางมองไปรอบ ๆ ที่นี่ทั้งมืดและชื้น เขาระลึกได้ว่านั่งอยู่บนพื้นหิน หลังพิงกำแพง ธอร์หรี่ตามองไปในความมืด เห็นลูกกรงเหล็กอยู่ห่างออกไปและเบื้องหลังมันคือคบไฟวูบไหว แล้วเขาก็จำได้ ที่นี่คือคุกใต้ดิน เขาถูกลากตัวมาที่นี่หลังจากงานเลี้ยง
เขาจำได้ว่าถูกทหารยามชกเข้าที่ใบหน้า และเขาคงจะหมดสติไป ไม่รู้ว่านานเพียงใด ธอร์ลุกขึ้นนั่ง หายใจแรงขึ้น พยายามสลัดภาพฝันร้ายออกไป มันช่างเหมือนจริง เขาภาวนาไม่ให้เป็นเรื่องจริง อย่าให้พระราชาสวรรคต ภาพพระศพยังติดตาเขาอยู่ นี่ธอร์ได้เห็นบางอย่างจริงหรือไม่? หรือเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดไปเอง?
ธอร์รู้สึกว่ามีคนเตะเข้าที่ฝ่าเท้าของเขา เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นร่างหนึ่งยืนอยู่เหนือเขา
“เจ้าตื่นเสียที” มีเสียงดังขึ้น “ข้ารออยู่หลายชั่วโมงแล้ว”
ในแสงสลัวนั้น ธอร์เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเขา รูปร่างผอม ตัวเตี้ยและมีแก้มตอบ มีรอยแผลเป็นจากฝีดาษ แต่ภายใต้ดวงตาสีเขียวคู่นั้นดูมีความใจดีและเฉลียวฉลาด
“ข้าชื่อแมเร็ค” เขาบอก “เพื่อนร่วมห้องขังของเจ้า เจ้าโดนโทษอะไรมาล่ะ?”
ธอร์ยืดตัวขึ้น พยายามคิด เขาเอนหลังพิงกำแพง ยกมือขึ้นเสยผม แล้วพยายามนึก ปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน
“พวกเขาบอกว่าเจ้าพยายามปลงพระชนม์พระราชา” แมเร็คบอกต่อ
“เขาพยายามลอบปลงพระชนม์จริง และเราจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ หากเขาออกมานอกลูกกรงนั่น” มีเสียงคำรามบอก
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นขัดจังหวะ เสียงถ้วยดีบุกกระแทกกับลูกกรงโลหะ ธอร์มองไปเห็นตลอดแนวทางเดินนั้นเป็นห้องขัง มีนักโทษท่าทางพิกลแนบศีรษะกับลูกกรง และท่ามกลางแสงวูบไหวของคบไฟ พวกนั้นยิ้มหยันมาให้เขา ส่วนใหญ่ไม่ได้โกนหนวดเครา มีฟันหลอ และบางคนดูเหมือนอยู่ที่นี่มานานหลายปี มันช่างเป็นภาพที่น่ากลัว ซึ่งธอร์ต้องบังคับตัวเองให้เมินหน้าหนี นี่เขาลงมาอยู่ที่นี่จริง ๆ หรือ? เขาจะต้องติดอยู่ที่นี่ กับคนพวกนี้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ?
“อย่าไปสนใจพวกเขาเลย” แมเร็คบอก “ที่ห้องนี้มีแค่เจ้ากับข้า พวกเขาเข้ามาไม่ได้หรอก และข้าไม่สนใจหรอกถ้าเจ้าจะวางยาพิษพระราชา ข้าเองก็อยากจะทำเหมือนกัน”
“ข้าไม่ได้วางยาพระราชา” ธอร์บอกอย่างขุ่นเคือง “ข้าไม่ได้วางยาใคร ข้าพยายามช่วยพระองค์ต่างหาก ที่ข้าทำคือปัดแก้วเสวยของพระองค์”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าแก้วนั้นมียาพิษ?” มีเสียงคนที่แอบฟังอยู่ตะโกนขึ้น “ข้าว่าเวทมนต์ล่ะสิ?”
เสียงหัวเราะล้อเลียนดังขึ้นพร้อมกันจากห้องขังอื่น ๆ
“มันเป็นคนทรงล่ะมัง!” พวกนั้นคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างล้อเลียน
คนอื่นพากันหัวเราะ
“ไม่ใช่หรอก ก็แค่บังเอิญเดาถูกต่างหาก!” อีกคนแผดเสียงขึ้น สร้างความพอใจให้คนอื่น ๆ
ธอร์ถลึงตา ไม่พอใจกับคำกล่าวหา และอยากจะอธิบายให้พวกนั้นเข้าใจ แต่เขารู้ว่าคงจะเสียเวลาเปล่า นอกจากนั้นเขาไม่จำเป็นต้องแก้ต่างให้อาชญากรพวกนี้ฟัง
แมเร็คมองเขาอย่างค้นคว้า ไม่ใช่ด้วยแววตาสอดรู้เหมือนคนอื่น เขามองมาราวกับกำลังพิจารณา
“ข้าเชื่อเจ้า” เขาบอกขึ้นเบา ๆ
“เจ้าเชื่อหรือ?” ธอร์ถาม
แมเร็คยักไหล่
“ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเจ้าจะวางยาพระราชา เจ้าจะโง่ขนาดให้พระองค์รู้อย่างนั้นหรือ?”
แมเร็คหันหลังแล้วเดินห่างไปไม่กี่ก้าว ไปยังอีกฟากของห้องขัง ก่อนจะนั่งลงพิงกำแพงหันหน้ามาหาธอร์
ตอนนี้ธอร์เป็นฝ่ายสงสัย
“แล้วเจ้าโดนโทษอะไรมา?” เขาถาม
“ข้าเป็นขโมย” แมเร็คบอก ดูออกจะภูมิใจ
ธอร์ประหลาดใจ เขาไม่เคยพบขโมยมาก่อน ขโมยตัวจริง ตัวเขาเองไม่เคยมีความคิดเรื่องการขโมย และมักจะประหลาดใจที่รู้ว่ามีคนทำ
“ทำไมเจ้าถึงขโมย?” ธอร์ถาม
แมเร็คยักไหล่
“ครอบครัวของข้าไม่มีอาหาร พวกเขาต้องกิน ข้าไม่มีความรู้หรือทักษะอื่น การขโมยเป็นสิ่งที่ข้ารู้จัก ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ส่วนใหญ่เป็นพวกอาหาร อะไรก็ได้ที่ทำให้พวกเขารอด ข้ารอดตัวมาได้หลายปี แล้วก็มาถูกจับได้ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ข้าถูกจับ ครั้งที่สามนี่เลวร้ายที่สุด”
“ทำไมล่ะ?” ธอร์ถาม
แมเร็คเงียบไป แล้วส่ายหน้าช้า ๆ ธอร์เห็นดวงตาของเขารื้นด้วยน้ำตา
“กฎหมายของพระราชาเข้มงวด ไม่มีข้อยกเว้น ทำผิดครั้งที่สาม พวกเขาจะตัดมือเจ้า”
ธอร์ตกใจ เขาเหลือบมองมือของแมเร็ค ทั้งสองข้างยังอยู่ดี
“พวกเขายังไม่ได้มาจัดการกับข้า” แมเร็คบอก “แต่พวกเขาจะมาแน่”
ธอร์รู้สึกแย่ แมเร็คมองเมินไป ราวกับละอาย ธอร์เองก็เช่นกัน ไม่ต้องการจะคิดถึงมัน
เขายกมือขึ้นกุมศีรษะ รู้สึกปวดหัว ขณะพยายามปะติดปะต่อความคิด สองสามวันมานี้ช่างวุ่นวาย เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ในด้านหนึ่งเขารู้สึกถึงความสำเร็จ ถึงการปลดปล่อย เขาเห็นอนาคต เห็นการลอบวางยาพิษราชาแม็คกิล และได้ช่วยชีวิตพระองค์ แต่อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อาจจะเป็นเพราะชะตากรรมสามารถเบี่ยงเบนได้ ธอร์รู้สึกภูมิใจ ที่เขาได้ช่วยพระราชา
แต่อีกด้านหนึ่ง เขากลับต้องมาอยู่ที่นี่ ในคุกใต้ดินนี่ ไม่สามารถกู้ชื่อเสียงของตัวเอง ความหวังและความฝันทั้งหมดต้องพังทลายลง โอกาสได้เข้าร่วมในกองทหารยุวชนหลุดลอยไปแล้ว ตอนนี้เขาคงจะโชคดีถ้าไม่ต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ข้างล่างนี่ เขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อคิดว่าราชาแม็คกิล ผู้ซึ่งต้อนรับเขาประดุจบิดา บิดาจริง ๆ เพียงคนเดียวที่เขาไม่เคยมี จะทรงเชื่อว่าเขาพยายามจะลอบปลงพระชนม์พระองค์ และเขาเจ็บปวดเมื่อคิดว่าเจ้าชายรีซ เพื่อนรักของเขาอาจจะเชื่อว่าธอร์พยายามจะปลงพระชนม์พระบิดาของพระองค์ หรือที่แย่กว่านั้น เจ้าหญิงเกว็นโดลิน เขาคิดถึงการได้พบกันครั้งสุดท้าย ซึ่งพระนางเชื่อว่าเขาเป็นขาประจำที่ร้านนางโลม ธอร์รู้สึกราวกับสิ่งดี ๆ ในชีวิตถูกดึงหายไป เขาสงสัยว่าทำไมเรื่องเหล่านี้ต้องเกิดกับเขา เขาเพียงแต่อยากจะทำความดี
ธอร์ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดกับเขาอีก แต่เขาไม่ใส่ใจ เขาเพียงอยากจะกู้ชื่อเสียง ให้คนได้รู้ว่าเขาไม่ได้พยายามจะทำร้ายพระราชา และเขามีพลังจริง ๆ สามารถเห็นอนาคตได้จริง เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป แต่เขารู้เรื่องหนึ่ง นั่นคือเขาจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้
ก่อนที่ธอร์จะทันคิดจนจบ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้า รองเท้าบู้ทหนัก ๆ เดินดังเข้ามาตามทางเดินหิน เสียงลูกกุญแจกระทบกัน แล้วครู่ต่อมาผู้คุมร่างใหญ่ก็โผล่มาให้เห็น คนเดียวกับที่ลากธอร์เข้ามาที่นี่และต่อยเข้าที่หน้าของเขา เมื่อเห็นเขา ธอร์ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่แก้ม รู้สึกถึงมันเป็นครั้งแรก และรู้สึกแขยง
“เอ นี่มันเจ้าตัวแสบที่พยายามลอบปลงพระชนม์พระราชาไม่ใช่หรือ” ผู้คุมทำหน้าบูดบึ้งขณะไขกุญแจเหล็ก หลังจากมีเสียงกริ๊กสองสามครั้ง เขาก็เอื้อมมาเลื่อนประตูห้องขังออก ถือตรวนมาด้วยมือหนึ่ง มีขวานเล่มเล็กห้อยอยู่ที่เอว
“เดี๋ยวเจ้าก็จะต้องโดน” ผู้คุมเยาะหยันธอร์ แล้วหันไปหาแมเร็ค “แต่ตอนนี้เป็นคราวของเจ้า เจ้าขโมยตัวจ้อย ครั้งที่สามแล้ว” เขาบอกพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย “ไม่มีข้อยกเว้น”
ผู้คุมพุ่งเข้าไปหาแมเร็ค กระชากเขาแรง กระตุกแขนข้างหนึ่งไปข้างหลัง สวมตรวนลงไปแล้วเกี่ยวปลายอีกข้างไว้กับห่วงบนกำแพง แมเร็คตะโกน กระตุกดึงโซ่ตรวนอย่างบ้าคลั่ง พยายามจะเป็นอิสระ แต่ไม่มีประโยชน์ ผู้คุมเข้ามาด้านหลังเขาแล้วคว้าตัวเขารัดไว้แน่น จับมือข้างที่ว่างของเขาวางลงบนแท่นหิน
“นี่จะสอนเจ้าว่าอย่าขโมย” เขาคำราม
ผู้คุมดึงขวานออกจากเข็มขัดแล้วเงื้อขึ้นเหนือหัว ปากอ้ากว้าง ฟันน่าเกลียดยื่นออกมาขณะที่เขาคำราม
“ไม่!” แมเร็คกรีดร้อง
ธอร์นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างหวาดกลัว ตะลึงงันเมื่อผู้คุมเหวี่ยงอาวุธลงมา เล็งที่ข้อมือของแมเร็ค ธอร์รู้ว่าในไม่กี่วินาที เด็กหนุ่มที่น่าสงสารคนนี้จะถูกตัดมือขาดตลอดไป ด้วยข้อหาเพียงเพราะการขโมยอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยครอบครัวของเขา ความอยุติธรรมของเรื่องนี้แผดเผาอยู่ในใจเขา และเขารู้ว่าจะยอมไม่ได้ มันไม่ยุติธรรม
ธอร์รู้สึกว่าร่างกายเขาเริ่มร้อนขึ้น จากนั้นเริ่มรู้สึกรุ่มร้อนภายใน ไล่ขึ้นมาจากปลายเท้าและไหลผ่านไปยังฝ่ามือ เขารู้สึกว่าเวลาเดินช้าลง รู้สึกว่าเขาเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าผู้คุม รู้สึกถึงทุกชั่วขณะของทุกวินาที ขณะที่ขวานของผู้คุมเงื้ออยู่กลางอากาศ ธอร์รู้สึกถึงลูกบอลพลังงานแผดเผาอยู่ที่ฝ่ามือของเขา และเหวี่ยงเข้าใส่ผู้คุม
เขามองดูด้วยความอัศจรรย์ใจขณะที่ลูกกลมสีเหลืองลอยจากฝ่ามือของเขา ผ่านอากาศ ให้ความสว่างแก่ห้องขังอันมืดมิดขณะที่ลอยผ่านไป และพุ่งเข้าใส่หน้าของผู้คุม มันกระแทกเข้าที่หัวของเขา ขณะนั้นเองผู้คุมทิ้งขวานหลุดจากมือ ก่อนจะลอยผ่านห้องขังไปกระแทกเข้ากับกำแพงแล้วร่วงลงไปกองกับพื้น ธอร์ช่วยแมเร็คไว้ได้ในเสี้ยววินาทีก่อนที่คมขวานจะถึงข้อมือของเขา
แมเร็คมองมาที่ธอร์ ดวงตาเบิกกว้าง
ผู้คุมสะบัดศีรษะ ขยับจะลุกขึ้น ตั้งท่าจะจับธอร์ แต่ธอร์รู้สึกถึงพลังที่แผดเผาอยู่ในตัวเขา ขณะที่ผู้คุมลุกขึ้นยืน หันมาเผชิญหน้า ธอร์ก็วิ่งเข้าใส่ ก่อนจะกระโดดขึ้นในอากาศ แล้วถีบเข้าที่หน้าอก เขารู้สึกถึงพลังที่ไม่เคยรู้จักพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายและได้ยินเสียงกระแทกเมื่อแรงถีบของเขาส่งชายร่างใหญ่ลอยไปกระแทกกำแพง แล้วร่วงลงไปกองอยู่บนพื้น ครั้งนี้หมดสติแน่นิ่งไปจริง ๆ
แมเร็คยืนนิ่งอย่างตกใจ ขณะที่ธอร์รู้ดีว่าต้องทำอะไร เขาหยิบขวานขึ้นมาแล้วรีบคว้าตรวนของแมเร็ควางลงบนแท่นหิน แล้วสับลงไป เกิดประกายไฟวาบขึ้นในอากาศขณะที่โซ่ถูกทำลาย แมเร็คผงะหลบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองโซ่ที่กองอยู่ที่ปลายเท้า และรู้ตัวว่าเป็นอิสระ
เขาจ้องธอร์ อ้าปากค้าง
“ข้าไม่รู้จะขอบใจเจ้าอย่างไรดี” แมเร็คบอก “ข้าไม่รู้เจ้าทำได้อย่างไร ไม่ว่ามันคืออะไร หรือเจ้าเป็นใคร หรือว่าเจ้าเป็นอะไร แต่เจ้าก็ช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าเป็นหนี้เจ้าครั้งหนึ่ง และนั่นเป็นสิ่งที่ข้าจะไม่ละเลย”
“เจ้าไม่ได้ติดค้างอะไรข้า” ธอร์บอก
“ผิดแล้ว” แมเร็คพูด ยื่นมือไปจับแขนธอร์ “ตอนนี้เจ้าคือพี่น้องของข้าแล้ว และข้าจะตอบแทนเจ้าในสักวัน”
แมเร็คหันหลังแล้วรีบออกทางประตูห้องขังที่เปิดอยู่ วิ่งไปตามทางเดิน ไปยังเสียงตะโกนของนักโทษคนอื่น ๆ
ธอร์มองออกไป เห็นผู้คุมที่นอนหมดสติ ประตูห้องขังที่เปิดอยู่ และรู้ว่าเขาเองก็ต้องไปเหมือนกัน เสียงตะโกนของนักโทษเริ่มดังมากขึ้น
เขาก้าวออกไป มองซ้ายมองขวา ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปในทางตรงกันข้ามกับแมเร็ค อย่างไรเสียพวกเขาคงไม่สามารถตามจับทั้งคู่ได้พร้อมกัน