Читать книгу การเดินทางแห่งราชา - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 14
บทที่ สี่
Оглавлениеเจ้าชายกาเร็ธทรงดำเนินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องบรรทม คิดทบทวนเหตุการณ์ในคืนนี้ด้วยความวิตกกังวล พระองค์ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง ทุกสิ่งมันผิดพลาดไปหมด ทรงไม่เข้าใจว่าเจ้าเด็กโง่ธอร์ คนนอกคอกนั่น ล่วงรู้แผนการลอบวางยาพิษของพระองค์ได้อย่างไร และยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถปัดถ้วยเสวยได้เสียอีก เจ้าชาย
กาเร็ธคิดย้อนไปถึงขณะที่ทรงเห็นธอร์กระโดดเข้าปัดถ้วยเสวย ตอนที่ทรงเห็นถ้วยหล่นกระทบพื้นหิน เห็นเหล้าไวน์หกนองพื้น เหมือนกับเห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์หกกระจายลงไปด้วย
ในชั่วขณะนั้นเจ้าชายกาเร็ธทรงรู้สึกว่าแผนการพังพินาศ ทุกสิ่งที่ทรงหวังย่อยยับลงไป และเมื่อเจ้าหมาตัวนั้นเลียเหล้าไวน์แล้วขาดใจตาย ก็ทรงรู้ว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ทรงเห็นทั้งชีวิตวาบขึ้นตรงหน้า ทรงเห็นตัวเองถูกจับได้ ถูกตัดสินจองจำอยู่ในคุกใต้ดินในข้อหาที่พยายามลอบปลงพระชนม์พระบิดา หรือแย่กว่านั้นก็คงถูกประหารชีวิต มันช่างโง่เง่า พระองค์ไม่น่าจะเริ่มแผนการนี้ ไม่น่าไปหายายแม่มดนั่น
แต่อย่างน้อยเจ้าชายกาเร็ธก็ทรงมีปฏิภาณ อาศัยจังหวะผุดลุกขึ้นยืน แล้วชี้นิ้วป้ายความผิดไปที่ธอร์ เมื่อคิดย้อนกลับไปทรงรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่มีไหวพริบ ความคิดที่ผุดขึ้นมาในขณะนั้นดูจะได้ผลจนต้องประหลาดใจ พวกนั้นลากธอร์ออกไป แล้วหลังจากนั้นงานเลี้ยงก็เกือบจะเรียบร้อยลงอีกครั้ง แน่ละ ว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีก แต่อย่างน้อยที่สุด ความสงสัยก็ตกอยู่ที่เจ้าหนุ่มคนนั้น
เจ้าชายกาเร็ธได้แต่ภาวนาให้เป็นเช่นนั้นไปตลอด มันนานหลายศตวรรษมาแล้วนับตั้งแต่มีคนพยายามจะลอบปลงพระชนม์ราชาแม็คกิล และเจ้าชายกาเร็ธทรงกลัวว่าจะมีข้อกังขา และจะมีคนขุดคุ้ยลึกลงไป เมื่อคิดย้อนไปช่างเป็นเรื่องโง่เขลาที่พยายามจะวางยาพิษพระราชา พระบิดาของพระองค์เป็นผู้ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ เจ้าชายน่าจะรู้ดี ว่าทรงทำเรื่องเกินตัว และตอนนี้เจ้าชายทรงอดรู้สึกไม่ได้ว่าเหมือนกับกำลังรอเวลาที่พระองค์จะตกเป็นผู้ต้องสงสัย คงจะต้องทำอะไรเพื่อยืนยันว่าธอร์เป็นคนผิด และให้มันถูกประหารไปก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
อย่างน้อยที่สุดเจ้าชายกาเร็ธก็จะได้แก้หน้า หลังจากที่ทำพลาดไป พระองค์ได้ยกเลิกแผนการลอบปลงพระชนม์ ตอนนี้ทรงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว หลังจากที่ทรงเห็นว่าผิดแผน เจ้าชายทรงตระหนักว่าส่วนหนึ่งของพระองค์ไม่ต้องการปลงพระชนม์พระบิดา ไม่อยากให้โลหิตเปื้อนมือ พระองค์คงจะไม่ได้เป็นราชา และอาจจะไม่มีวันได้เป็น แต่หลังจากเรื่องในคืนนี้ที่ลงเอยไปด้วยดี อย่างน้อยพระองค์ก็เป็นอิสระ และคงจะไม่ทรงสามารถรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นได้อีก ทั้งความลับ การปิดบัง ความกังวลว่าจะถูกเปิดโปง มันมากเกินไปสำหรับพระองค์
ขณะที่ทรงดำเนินกลับไปกลับมา ราตรีก็ยิ่งล่วงเลยไป และในที่สุดพระองค์ก็ค่อยสงบลง ขณะที่ทรงเริ่มรู้สึกเป็นตัวเอง และเตรียมพร้อมที่จะเข้าบรรทม จู่ ๆ ก็มีเสียงโครมคราม เมื่อหันไปทอดเนตรก็เห็นประตูห้องบรรทมถูกกระแทกเปิดออก เฟิร์ธพรวดพราดเข้ามา ตาเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนก รีบวิ่งเข้ามาในห้องราวกับถูกไล่ตามมา
“ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว!” เฟิร์ธกรีดร้อง “ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว! ข้าเป็นคนฆ่า ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว!”
เฟิร์ธตีโพยตีพาย คร่ำครวญ เจ้าชายกาเร็ธไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังพูดอะไร หรือว่าเขาเมา?
เฟิร์ธวิ่งไปทั่วห้อง กรีดร้อง ฟูมฟาย ยกมือทั้งสองข้างขึ้น และตอนนั้นเองที่เจ้าชายกาเร็ธสังเกตฝ่ามือของเขา เปื้อนไปด้วยโลหิต เสื้อคลุมสีเหลืองของเขาก็มีคราบสีแดง
เจ้าชายกาเร็ธพระทัยหายวูบ เฟิร์ธเพิ่งฆ่าคนมา แต่ใครกัน?
“ใครสิ้นพระชนม์?” เจ้าชายตรัสถาม “เจ้าพูดถึงใคร?”
แต่เฟิร์ธฟูมฟายและไม่มีสติ เจ้าชายวิ่งไปหาเขา คว้าไหล่ไว้แน่นแล้วเขย่า
“บอกข้ามา!”
เฟิร์ธลืมตาแล้วจ้องมองมาด้วยแววตาของม้าป่า
“พระบิดาของพระองค์! พระราชา! สิ้นพระชนม์แล้ว! ด้วยมือของข้า!”
สิ้นคำพูดของเขา เจ้าชายกาเร็ธรู้สึกราวกับถูกมีดแทงเข้าที่หัวใจ
พระองค์ทรงจ้องเขา พระเนตรเบิกกว้างนิ่งตะลึง ทรงรู้สึกชาไปทั้งวรกาย เจ้าชายปล่อยไหล่เขา แล้วเซถอยหลัง พยายามหายใจ ทรงบอกได้จากรอยโลหิตทั้งหมดว่าเฟิร์ธพูดความจริง ทรงไม่อยากเชื่อ เฟิร์ธน่ะหรือ? เด็กเลี้ยงม้าน่ะหรือ? คนที่ใจอ่อนที่สุดในบรรดาสหายน่ะหรือ? เป็นคนปลงพระชนม์พระบิดาอย่างนั้นหรือ?
“แต่...มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” เจ้าชายระล่ำระลักถาม “เมื่อไร?”
“เกิดขึ้นในห้องบรรทม” เฟิร์ธทูลตอบ “เมื่อกี้นี้เอง ข้าแทงพระองค์”
เรื่องราวที่ทรงได้ยินเริ่มซึมซาบเข้าไป ทำให้เจ้าชายเริ่มคืนสติ ทรงสังเกตเห็นประตูห้องบรรทมเปิดอยู่ จึงรีบวิ่งไปกระแทกปิด โดยตรวจตราให้แน่ใจว่าไม่มีทหารยามเห็น โชคดีที่ทางเดินว่างเปล่า พระองค์ทรงเลื่อนสลักเหล็กอันใหญ่ขัดประตูไว้
เจ้าชายรีบเดินกลับมา เฟิร์ธยังคงฟูมฟาย พระองค์ต้องทำให้เขาสงบลง พระองค์ต้องการคำตอบ
เจ้าชายกาเร็ธทรงจับบ่าเขาไว้ แล้วดึงหันมา ก่อนจะตบเขาด้วยหลังมือแรงพอที่จะทำให้เขาหยุด เฟิร์ธหันมาสนใจพระองค์
“เล่ามาให้หมด” เจ้าชายกาเร็ธตรัสอย่างเย็นชา “บอกข้ามาให้ละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าถึงทำอย่างนั้น?”
“ทรงหมายความว่าอย่างไร ทำไม” เฟิร์ธทูลถามอย่างสับสน “ท่านอยากปลงพระชนม์พระองค์ เรื่องยาพิษนั่นไม่ได้ผล ข้าคิดว่าข้าช่วยได้ ข้าคิดว่านั่นคือสิ่งที่พระองค์ต้องการ”
เจ้าชายกาเร็ธส่ายพระเศียร ทรงกุมเสื้อของเฟิร์ธไว้แล้วเขย่าตัวเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
“ทำไมถึงทำอย่างนี้!?” ทรงแผดเสียง
เจ้าชายกาเร็ธทรงรู้สึกเหมือนทั้งโลกแตกสลายลง ทรงตกพระทัยที่รู้ว่าแท้จริงแล้วทรงเสียพระทัยเรื่องพระบิดา เจ้าชายไม่เข้าใจเลย เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงอยากเห็นพระบิดาถูกยาพิษสิ้นพระชนม์ที่โต๊ะนั่นยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ตอนนี้ข่าวว่าพระบิดาถูกปลงพระชนม์มันกระแทกใจพระองค์ราวกับข่าวการตายของเพื่อนที่ดีที่สุด พระองค์รู้สึกเสียพระทัยอย่างยิ่งยวด ส่วนหนึ่งของพระองค์ไม่อยากให้พระบิดาสวรรคต โดยเฉพาะไม่ใช่ด้วยวิธีนี้ ไม่ใช่ด้วยฝีมือของเฟิร์ธ ไม่ใช่เพราะคมมีด
“ข้าไม่เข้าใจ” เฟิร์ธสะอื้น “ไม่กี่ชั่วโมงก่อนท่านพยายามจะปลงพระชนม์ด้วยตัวเอง แผนการเรื่องแก้วเสวยนั่น ข้าคิดว่าท่านจะดีใจ!”
เจ้าชายกาเร็ธทรงประหลาดพระทัย ที่ทรงต่อยเข้าที่ใบหน้าของเฟิร์ธ
“ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าทำแบบนี้!” เจ้าชายตะคอก “ข้าไม่เคยบอกให้เจ้าทำแบบนี้ ทำไมเจ้าถึงทำ? ดูเจ้าสิ ตัวเปื้อนเลือดไปหมด ตอนนี้เราทั้งคู่จบเห่แล้ว แค่รอเวลาจนกว่าทหารจะมาจับตัวเรา”
“ไม่มีใครเห็น” เฟิร์ธโอดครวญ “ข้าแอบเข้าไประหว่างเปลี่ยนเวร ไม่มีใครเห็นข้า”
“แล้วอาวุธอยู่ที่ไหน?”
“ข้าไม่ได้ทิ้งมันไว้” เฟิร์ธทูลบอกอย่างภูมิใจ “ข้าไม่ได้โง่ ข้าเอามันออกมา”
“เจ้าใช้มีดอะไร?” เจ้าชายตรัสถาม ความคิดวุ่นวายถึงเรื่องที่จะตามมา พระองค์เริ่มรู้สึกกังวล พยายามคิดถึงทุกรายละเอียดที่เจ้าโง่นี่อาจจะทิ้งร่องรอยไว้ ทุกรายละเอียดที่อาจจะนำมาถึงพระองค์
“ข้าใช้มีดที่ตามรอยไม่ได้” เฟิร์ธบอก อย่างภูมิใจในตัวเอง “มันเป็นมีดทื่อ ๆ ไม่มีลักษณะเด่นอะไร ข้าพบที่คอกม้า มีเหมือน ๆ กันสี่เล่ม มันตามรอยไม่ได้หรอก” เขาทูลซ้ำ
เจ้าชายกาเร็ธพระทัยหายวูบ
“มันเป็นมีดสั้น ด้ามสีแดง มีใบมีดโค้งหรือเปล่า? เหน็บอยู่ที่ผนังข้างม้าของข้าใช่ไหม?”
เฟิร์ธพยักหน้าอย่างสงสัย
เจ้าชายทรงถลึงตา
“เจ้าโง่ มีดนั่นตามรอยได้แน่นอน!”
“แต่มันไม่มีร่องรอยใด ๆ บนใบมีดเลย!” เฟิร์ธประท้วง อย่างหวาดกลัว เสียงของเขาสั่น
“มันไม่มีรอยบนใบมีด แต่มันมีรอยที่ด้าม!” เจ้าชายทรงตะโกน
“ที่ข้างใต้! เจ้าโง่ เจ้าไม่ได้ดูให้ดี” เจ้าชายกาเร็ธก้าวไปข้างหน้า พระพักตร์แดงก่ำ “ตราของม้าข้าสลักไว้ข้างใต้ด้าม ใครที่รู้จักราชวงศ์ดีสามารถตามรอยมีดนั่นกลับมาถึงข้าได้”
พระองค์จ้องเฟิร์ธที่ดูจะแข็งทื่อไป ทรงอยากจะฆ่าเขาเสีย
“เจ้าทำยังไงกับมัน?” เจ้าชายกาเร็ธตรัสถาม “บอกมาว่ามันยังอยู่กับเจ้า บอกมาว่าเจ้าเอามันกลับมาด้วย ได้โปรด”
เฟิร์ธกลืนน้ำลาย
“ข้ากำจัดมันไปแล้วอย่างระวัง ไม่มีใครจะหามันพบได้”
เจ้าชายพระพักตร์บูดบึ้ง
“ที่ไหน?”
“ข้าโยนมันลงไปในช่องเทกระโถนของปราสาท พวกเขาเทกระโถนลงไปในแม่น้ำทุกชั่วโมง พระองค์อย่าทรงห่วง ป่านนี้มันลงไปอยู่ก้นแม่น้ำแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงระฆังของปราสาทก็ดังขึ้น เจ้าชายกาเร็ธหันหลังวิ่งไปเปิดหน้าต่างอย่างตื่นตระหนก พระองค์ทอดพระเนตรออกไปและเห็นความวุ่นวายเบื้องล่าง ฝูงชนรายล้อมอยู่รอบปราสาท เสียงระฆังพวกนั้นหมายถึงสิ่งเดียว เฟิร์ธไมได้โกหก เขาปลงพระชนม์พระราชา
เจ้าชายกาเร็ธรู้สึกวรกายเย็นเฉียบ พระองค์ไม่อยากเชื่อว่าได้ทรงวางแผนการอันชั่วร้ายขึ้น และเฟิร์ธเป็นผู้ลงมือ
มีเสียงทุบที่หน้าประตูห้องบรรทมของพระองค์ ก่อนจะถูกเปิดผางออก ทหารองครักษ์หลายนายกรูเข้ามา ชั่วขณะนั้นเจ้าชายกาเร็ธมั่นใจว่าพวกเขาจะมาจับพระองค์
แต่กลับต้องประหลาดใจ พวกทหารหยุดและถวายความเคารพ
“ฝ่าบาท พระบิดาของพระองค์ทรงถูกลอบแทง อาจจะมีมือสังหารหลบเข้ามา ขอทรงหลบอยู่ในห้องบรรทม พระราชาทรงบาดเจ็บสาหัสมาก”
เจ้าชายกาเร็ธทรงขนลุกซู่เมื่อได้ยินคำสุดท้าย
“บาดเจ็บหรือ?” เจ้าชายทวนถาม คำนั้นแทบจะทิ่มเข้าไปในพระศอ “พระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพหรือ?”
“ถูกแล้ว ฝ่าบาท ขอพระเจ้าทรงอยู่กับพระองค์ พระราชาจะปลอดภัยและบอกเราได้ว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำการชั่วช้านี้”
ทหารองครักษ์โค้งถวายคำนับสั้น ๆ ก่อนจะรีบออกไปจากห้องบรรทม แล้วปิดประตูตามหลัง
เจ้าชายกาเร็ธโทสะเดือดพล่าน ทรงคว้าไหล่เฟิร์ธไว้ แล้วลากเขาไปโยนเข้ากับกำแพงหิน
เฟิร์ธมองจ้องมาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ดูหวาดกลัว พูดไม่ออก
“เจ้าทำอะไรลงไป?” เจ้าชายตะโกน “ตอนนี้เราทั้งคู่จบเห่แล้ว!”
“แต่...แต่...” เฟิร์ธตะกุกตะกัก “...ข้ามั่นใจว่าพระองค์สวรรคต!”
“เจ้ามั่นใจทุกอย่าง” เจ้าชายตรัส “แล้วมันก็พลาดทุกอย่าง!”
แล้วเจ้าชายกาเร็ธก็เกิดความคิดขึ้น
“มีดนั่น” เจ้าชายตรัส “ เราจะต้องเก็บมันมาก่อนที่จะสายเกินไป”
“แต่ข้าโยนมันทิ้งไปแล้ว ฝ่าบาท” เฟิร์ธทูล “มันไหลลงแม่น้ำไปแล้ว!”
“เจ้าโยนมันลงไปในช่องเทกระโถน มันไม่ได้หมายความว่ามีดนั่นจะลงไปอยู่ในแม่น้ำแล้ว”
“แต่มันควรจะเป็นอย่างนั้น!” เฟิร์ธทูลบอก
เจ้าชายกาเร็ธทรงทนความโง่เขลาของเจ้างั่งนี่อีกไม่ไหว ทรงผลุนผลันวิ่งผ่านเขา ออกประตูไป มีเฟิร์ธตามไปติด ๆ
“ข้าจะไปกับพระองค์ ข้าจะพาไปดูตรงที่ข้าโยนมันลงไป” เฟิร์ธทูลบอก
เจ้าชายหยุดที่โถงทางเดิน ทรงหันมาจ้องเฟิร์ธ ตัวเขาเต็มไปด้วยโลหิต ซึ่งพระองค์ทรงประหลาดพระทัยที่ทหารองครักษ์ไม่สังเกตเห็น เป็นโชคดี เฟิร์ธดูเป็นคนผิดยิ่งกว่าที่เคย
“ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น” เจ้าชายทรงคำราม “กลับไปที่ห้องเจ้าเดี๋ยวนี้ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเผามันทิ้งเสีย กำจัดรอยเลือดให้หมด แล้วก็หายไปจากปราสาทนี้เสีย อยู่ให้ห่างจากข้าในคืนนี้ เข้าใจที่ข้าบอกไหม?”
เจ้าชายผลักเขาออกห่าง แล้ววิ่งจากไป ทรงถลันไปตามโถงทางเดิน วิ่งลงไปตามบันไดเวียนชั้นแล้วชั้นเล่า ลงไปยังส่วนที่พักของคนรับใช้
ในที่สุดเจ้าชายก็ลงไปถึงชั้นใต้ดิน คนรับใช้หลายคนหันมามอง พวกเขากำลังขัดหม้อใบใหญ่และต้มน้ำ กองไฟใหญ่ลุกโหมอยู่ในเตาเผา พวกคนรับใช้สวมผ้ากันเปื้อนเลอะเทอะ เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ที่อีกด้านของห้อง เจ้าชายทรงสังเกตเห็นกระโถนใบใหญ่ สิ่งปฏิกูลถูกเทลงมาตามช่องและแตกกระเซ็นทุกนาที
เจ้าชายกาเร็ธทรงหันไปหาคนรับใช้ที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วคว้าแขนไว้อย่างสิ้นหวัง
“เทกระโถนครั้งสุดท้ายเมื่อไร?” เจ้าชายตรัสถาม
“มันถูกยกออกไปที่แม่น้ำเมื่อนาทีที่แล้วนี่เอง ฝ่าบาท”
เจ้าชายกาเร็ธหันหลังวิ่งออกไปจากห้อง พุ่งทะยานไปตามทางเดินในปราสาท กลับขึ้นบันไดเวียน แล้วถลันออกไปสู่อากาศเย็นยามราตรี
พระองค์ทรงวิ่งตัดสนามหญ้า แทบไม่หายใจขณะที่วิ่งตรงไปยังแม่น้ำ
ขณะที่วิ่งเข้าไปใกล้ เจ้าชายทรงพบที่ซ่อนตัวด้านหลังต้นไม้ใหญ่ ใกล้กับตลิ่ง พระองค์ทรงมองดูคนรับใช้สองคนยกหม้อเหล็กใบใหญ่ขึ้น และเทมันลงไปในกระแสน้ำเชี่ยว
เจ้าชายทรงเฝ้ามองมันถูกเทจนหมด จนกระทั่งคนรับใช้ทั้งสองถือหม้อหันหลังกลับไปตามทางเดินสู่ปราสาท
ในที่สุดเจ้าชายกาเร็ธก็ทรงพอพระทัย ไม่มีใครสังเกตเห็นมีดเล่มนั้น ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ตอนนี้มันลงไปอยู่ในกระแสน้ำแล้ว ถูกพัดไปสู่ที่ใดไม่รู้ หากพระบิดาสิ้นพระชนม์ลงในคืนนี้ ก็จะไม่มีหลักฐานใดหลงเหลือให้สาวไปถึงตัวฆาตกร
หรืออาจจะมี?