Читать книгу การเดินทางแห่งราชา - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 16

บทที่ หก

Оглавление

สายลมแรงพัดต้องพระพักตร์เจ้าชายกาเร็ธ พระองค์เงยพักตร์ กระพริบเนตรไล่น้ำตาท่ามกลางแสงเรื่อแห่งอรุณรุ่ง วันนี้เพิ่งจะเริ่มต้น แต่ ณ บริเวณห่างไกลเช่นที่ริมหน้าผาโคลเวียนนี้ มีเชื้อพระวงศ์ มิตรสหาย และบรรดาข้าราชบริพารผู้รับใช้ใกล้ชิดมาชุมนุมกันอยู่หลายร้อยคน ต่างวนเวียนอยู่ไม่ห่าง ด้วยหวังจะได้มีส่วนร่วมในพิธีฝังพระศพ ไกลออกไปทางด้านหลัง เจ้าชายกาเร็ธเห็นผู้คนหลั่งไหลเข้ามา มีกองทหารคอยกันไว้พวกเขาไว้ ประชาชนนับพันคนกำลังเฝ้าดูพิธีฝังพระศพอยู่ไกล ๆ ความโศกเศร้าบนหน้าพวกเขานั้นเป็นความรู้สึกที่แท้จริง พระบิดาทรงเป็นที่รักของประชาชนอย่างแท้จริง

เจ้าชายกาเร็ธประทับยืนร่วมกับเชื้อพระวงศ์ใกล้ชิด ล้อมครึ่งวงกลมอยู่รอบพระศพที่ประทับอยู่ในพระโกศที่โยงไว้ด้วยเชือกเหนือหลุมดิน รอที่จะหย่อนลงไป อาร์กอนยืนอยู่ตรงหน้ากลุ่มคน สวมเสื้อคลุมสีเลือดหมูที่สงวนไว้ใช้เฉพาะพิธีศพเท่านั้น สีหน้าของเขาเรียบเฉยขณะที่มองพระศพ ผ้าคลุมศีรษะอำพลางใบหน้าของเขาไว้ เจ้าชายกาเร็ธพยายามอย่างยิ่งที่จะอ่านสีหน้าของเขา ทรงอยากรู้ว่าอาร์กอนรู้มากน้อยเพียงใด เขารู้หรือไม่ว่าพระองค์เป็นคนปลงพระชนม์พระบิดา? และถ้ารู้ เขาจะบอกคนอื่นหรือไม่ หรือจะปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา?

เป็นโชคร้ายของเจ้าชายกาเร็ธที่ธอร์ เจ้าเด็กหนุ่มน่ารำคาญคนนั้นพ้นจากความผิด ชัดเจนว่ามันคงไม่สามารถลอบแทงพระราชาได้ขณะที่ถูกจองจำอยู่ที่คุกใต้ดิน และยิ่งพระบิดาทรงเป็นผู้บอกคนอื่น ๆ ว่าธอร์เป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เรื่องเลวร้ายลงสำหรับเจ้าชายกาเร็ธ มีการตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว เพื่อพิจารณาทุกรายละเอียดของการลอบปลงพระชนม์ เจ้าชายกาเร็ธพระทัยเต้นแรงขณะที่ประทับร่วมกับคนอื่น ทอดเนตรพระศพที่กำลังถูกหย่อนลงสู่ผืนดิน พระองค์ทรงอยากจะถูกฝังลงไปด้วย

มันเป็นเพียงเงื่อนของเวลาเท่านั้นกว่าที่ร่องรอยจะสาวมาถึงเฟิร์ธ แล้วเมื่อถึงตอนนั้น เจ้าชายกาเร็ธคงต้องถูกลากลงไปพร้อมกับเขาด้วย พระองค์ต้องทรงจัดการทันทีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อป้ายความผิดไปให้คนอื่น เจ้าชายทรงกังขาว่าผู้คนที่อยู่รายรอบนี่สงสัยพระองค์หรือไม่ พระองค์คงจะทรงหวาดระแวงไปเอง เมื่อทรงลอบมองใบหน้าแต่ละคน ไม่ทรงเห็นว่ามีใครมองพระองค์อยู่ บรรดาพี่น้องของพระองค์ยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งรีซ ก็อดฟรีย์ และเคนดริค และเกว็นโดลีน น้องสาวของพระองค์ และพระมารดา พระพักตร์ของพระนางเศร้าโศก พระวรกายนิ่งขึง ที่จริงนับตั้งแต่พระบิดาสวรรคต พระมารดาทรงเปลี่ยนเป็นคนละคน แทบจะไม่ทรงรับสั่งอะไรเลย เจ้าชายกาเร็ธทรงได้ยินมาว่าตอนที่พระนางทรงทราบข่าว เกิดพระอาการบางอย่างขึ้น คล้ายอัมพฤกษ์ พระพักตร์ด้านหนึ่งแข็งเกร็ง เมื่ออ้าพระโอษฐ์ จะสามารถตรัสได้ช้ามาก

เจ้าชายกาเร็ธทรงพิจารณาใบหน้าของบรรดาสมาชิกสภาที่ยืนอยู่ด้านหลังพระมารดา บรอม แม่ทัพใหญ่ และคอล์ค ผู้นำกองทหารยุวชน ยืนอยู่ด้านหน้า ด้านหลังของทั้งสองคือเหล่าที่ปรึกษาของพระบิดา พวกนี้แสร้งทำเป็นเศร้าโศก แต่พระองค์ทรงรู้ดีว่าคนพวกนี้ บรรดาสมาชิกสภา ที่ปรึกษา และแม่ทัพทุกคน รวมถึงบรรดาขุนนางที่อยู่ด้านหลัง แทบจะไม่ได้ใส่ใจเลย พระองค์ทรงเห็นความทะเยอทะยานบนใบหน้าพวกนั้น ความกระหายต่ออำนาจ ขณะที่แต่ละคนก้มมองพระศพ เจ้าชายทรงรู้สึกว่าพวกเขากำลังสงสัยว่าใครจะได้กุมบัลลังก์เป็นคนต่อไป

นั่นเป็นความคิดคำนึงที่พระองค์เองกำลังมีอยู่เช่นกัน จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากการลอบปลงพระชนม์ที่วุ่นวายนี้? หากว่ามันสะดวกเรียบร้อยดี และโยนความผิดให้แก่ผู้อื่นได้ แผนการของเจ้าชายกาเร็ธก็คงจะสมบูรณ์แบบ บัลลังก์จะตกเป็นของพระองค์ ถึงยังไงพระองค์ก็เป็นโอรสองค์โตที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้พระบิดาจะเลือกเกว็นโดลีน แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ยกเว้นบรรดาพี่น้องของพระองค์ ซึ่งพระประสงค์ของพระบิดายังไม่ได้รับการยืนยัน เจ้าชายทรงรู้จักสมาชิกสภาดี พวกนี้ยึดถือกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากไม่มีการเห็นชอบ ขนิษฐาของพระองค์ไม่มีทางได้ครองราชย์

ซึ่งนั่นจะนำมาสู่พระองค์ หากมีการพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งเจ้าชายก็หวังให้เป็นเช่นนั้น บัลลังก์จะต้องเป็นของพระองค์อย่างแน่นอน ตามกฎหมายบัญญัติ

เจ้าชายกาเร็ธไม่แปลกพระทัยหากบรรดาพี่น้องจะแย้งเรื่องนี้ พวกนั้นคงจะอ้างถึงการเข้าเฝ้าพระบิดาในวันนั้น และคงจะยืนยันให้เกว็นโดลีนได้ครองราชย์ เคนดริคคงจะไม่แย่งชิงอำนาจเพื่อตัวเอง เขาจิตใจดีเกินไป ก็อดฟรีย์ก็ไม่แยแสอะไร ส่วนรีซก็ยังเด็กมาก เกว็นโดลีนจึงเป็นก้างเพียงชิ้นเดียว แต่เจ้าชายกาเร็ธทรงมองในแง่ดี พระองค์ไม่คิดว่าสภาพร้อมที่จะให้สตรี ยิ่งวัยรุ่นด้วยแล้วขึ้นครองอาณาจักรวงแหวน และเมื่อไม่มีสัตยาบันจากพระราชา พวกเขาจะต้องถือเป็นข้ออ้างที่จะตัดสิทธิ์ของนาง

สำหรับเจ้าชายกาเร็ธแล้ว ภัยที่แท้จริงมีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือเคนดริค ในขณะที่พระองค์เป็นที่เกลียดชังของประชาชน เคนดริคกลับเป็นที่รักของพวกสามัญชนและทหาร หากพิจารณาเรื่องนี้แล้ว มีโอกาสที่สภาจะมอบบัลลังก์ให้แก่เคนดริค ยิ่งพระองค์ทรงได้อำนาจมาเร็วเท่าใด พระองค์ก็จะสามารถใช้อำนาจนั้นกำจัดเคนดริคได้เร็วยิ่งขึ้น

เจ้าชายกาเร็ธทรงรู้สึกถูกกระตุกที่พระกร เมื่อทอดเนตรมองก็เห็นปมเชือกสีที่พระกร จึงรู้ว่าพวกเขาเริ่มหย่อนพระโกศลงไปแล้ว พระองค์ทอดเนตรพี่น้องคนอื่น แต่ละคนจับเชือกไว้เช่นเดียวกับพระองค์ และค่อย ๆ ผ่อนเชือกลงไป

ช้า ๆ เชือกด้านพระองค์เอียง เนื่องจากทรงช้ากว่าคนอื่น ๆ จึงรีบใช้พระกรอีกข้างช่วยดึงเชือกจนได้ระดับในที่สุด ช่างน่าขัน แม้กระทั่งบิดาสวรรคตแล้ว พระองค์ก็ยังไม่สามารถทำให้ทรงพอพระทัยได้

เสียงระฆังดังขึ้นไกล ๆ จากปราสาท อาร์กอนก้าวไปข้างหน้า แล้วยกมือขึ้น

“อิทโซ โอมินุส โดมิ โค เรเซเปีย...”

ภาษาที่สูญหายไปแล้วของอาณาจักรวงแหวน เป็นภาษาแห่งราชวงศ์ ที่บรรพบุรุษทรงใช้กันมาหลายพันปี เป็นภาษาที่พระอาจารย์ประจำพระองค์ปลูกฝังมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และเป็นภาษาที่ทรงต้องรู้หากจะกุมพระราชอำนาจ

จู่ ๆ อาร์กอนก็หยุด เงยหน้าแล้วหันมาจ้องเจ้าชายกาเร็ธ พระองค์ทรงรู้สึกเย็นวาบไปตามสันหลัง เมื่อดวงตาฝ้ามัวของอาร์กอนจ้องมองราวกับแผดเผา เจ้าชายพระพักตร์แดง และทรงสงสัยว่าทั้งอาณาจักรกำลังดูอยู่หรือไม่ และมีใครรู้ความหมายหรือไม่ เจ้าชายทรงรู้สึกจากสายตาที่มองมา ว่าอาร์กอนรู้ว่าพระองค์มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่อาร์กอนเป็นคนลึกลับ มักปฏิเสธที่จะข้องเกี่ยวกับความคดเคี้ยวของชะตากรรมของมนุษย์ เขาจะเงียบไว้หรือไม่?

“ราชาแม็คกิลทรงเป็นราชาที่ประเสริฐ” อาร์กอนกล่าวช้า ๆ น้ำเสียงแหบต่ำฟังประหลาด

“พระองค์ทรงนำความภาคภูมิและเกียรติยศมาสู่บรรพบุรุษ ทรงนำความมั่งคั่งและสันติสุขมาสู่อาณาจักร อย่างที่ไม่มีผู้ใดเคยทำได้ ทรงสวรรคตก่อนเวลาอันควร ทรงเสด็จไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว แต่สิ่งที่พระองค์ทรงทิ้งไว้เบื้องหลังคือมรดกอันมั่งคั่ง ตอนนี้ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนที่จะเติมเต็มมรดกอันมั่งคั่งนั้น”

อาร์กอนเว้นจังหวะ

“อาณาจักรวงแหวนของพวกเราแวดล้อมด้วยภยันตรายรอบด้าน เบื้องหลังหุบเขาที่มีโล่พลังปกป้องพวกเราไว้นั้น มีพวกคนเถื่อนและสัตว์ประหลาดที่ต้องการจะฉีกเราเป็นชิ้น ๆ ขณะที่ภายในอาณาจักรวงแหวนนี้ ที่อีกฟากของเขตภูเขาสูง ก็มีชนชาติที่ประสงค์ร้ายต่อเรา พวกเราอาศัยอยู่ในดินแดนที่สงบสุขและรุ่งโรจน์อย่างหาใครเทียบไม่ได้ แต่ความมั่นคงนั้นอยู่ไม่นาน

“ทำไมพระเจ้าทรงพรากพระราชาผู้ประเสริฐและทรงมีอัจฉริยภาพ ผู้ซึ่งกำลังมีชีวิตอันรุ่งโรจน์ไปจากพวกเรา? ทำไมพระองค์ทรงถูกกำหนดให้สวรรคตด้วยวิธีนี้? เราทุกคนต่างก็เป็นเพียงหมากบนกระดาน เป็นหุ่นกระบอกในกำมือของโชคชะตา แม้จะยิ่งใหญ่เพียงใด เราก็ถูกแผ่นดินกลบหน้าเช่นกัน คำถามที่เราต้องยึดถือไว้ ไม่ใช่ว่าเรากำลังพยายามเพื่ออะไร แต่เราพยายามจะเป็นใครต่างหาก”

อาร์กอนก้มศีรษะ เจ้าชายกาเร็ธทรงรู้สึกพระกรร้อนขณะที่ทุกคนค่อย ๆ หย่อนพระโกศลงไป ในที่สุดพระโกศก็กระทบพื้นดินเบื้องล่าง

“ไม่!” มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น

เป็นเกว็นโดลีนที่กำลังฟูมฟาย นางวิ่งมาที่ขอบหลุม ราวกับจะโดดลงไป รีซวิ่งมาคว้าตัวนางไว้ แล้วดึงถอยหลังไป มีเคนดริคก้าวเข้ามาช่วย

แต่เจ้าชายกาเร็ธไม่รู้สึกเห็นใจ กลับมองเห็นเป็นภัย หากนางต้องการจะลงไปอยู่ในหลุม พระองค์จะจัดการให้เอง

ถูกแล้ว พระองค์จัดการได้

*

ธอร์ยืนอยู่ห่างจากพระศพราชาแม็คกิลเพียงไม่กี่ฟุต ขณะมองพระองค์ถูกหย่อนลงสู่ผืนดิน เขารู้สึกท่วมท้นกับภาพที่เห็น เหนือหน้าผาที่สูงที่สุดของอาณาจักร เป็นสถานที่ที่พระราชาทรงเลือกให้เป็นที่ฝังพระศพ เป็นที่ที่สูงราวกับเหยียดขึ้นไปถึงเมฆได้ หมู่เมฆระเรื่อด้วยสีส้ม เขียว เหลืองและชมพู เมื่อดวงอาทิตย์แรกเคลื่อนสูงขึ้นบนท้องฟ้า แต่วันนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกที่ไม่ยอมจางหายไป ราวกับอาณาจักรเองก็กำลังไว้อาลัย เจ้าโครห์นที่อยู่ข้างเขายังส่งเสียงคราง

ธอร์ได้ยินเสียงร้องแหลม เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นเอสโตฟีลีสบินวนอยู่เบื้องบน กำลังมองลงมาที่พวกเขา ธอร์ยังมึนงง เค้ายังไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในสองสามวันนี้ ไม่อยากเชื่อว่าตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่นี่ ท่ามกลางพระญาติพระวงศ์ เฝ้ามองดูชายผู้ซึ่งเขาให้ความรักนับถืออย่างรวดเร็ว ถูกหย่อนลงสู่ผืนดิน มันดูราวกับไม่น่าจะเป็นไปได้ เขาเพิ่งจะเริ่มรู้จักพระองค์ ชายคนแรกที่เขารู้สึกเหมือนเป็นบิดาที่แท้จริง และตอนนี้พระองค์ทรงถูกพรากไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นธอร์ยังหยุดคิดไม่ได้ถึงพระดำรัสสุดท้ายของพระราชา

เจ้าไม่เหมือนคนอื่น เจ้าเป็นคนพิเศษ จนกว่าเจ้าจะรู้จักตัวเอง อาณาจักรของเราจะไม่มีวันสุขสงบ

พระราชาทรงหมายถึงอะไร? เขาเป็นใครกันแน่? เขาพิเศษอย่างไร? พระองค์ทรงทราบได้อย่างไร? ชะตากรรมของแผ่นดินเกี่ยวข้องกับธอร์อย่างไร? พระองค์ทรงเพ้อไม่ได้สติหรือไม่?

มีดินแดนยิ่งใหญ่อยู่ไกลจากที่นี่ เลยแดนเถื่อนไป ไกลกว่าดินแดนแห่งมังกร มันคือดินแดนของดรูอิด นั่นเป็นที่ที่แม่เจ้าจากมา เจ้าจะต้องไปที่นั่นเพื่อหาคำตอบ

พระราชาแม็คกิลทรงรู้จักมารดาของเขาได้อย่างไร? ทรงรู้ได้อย่างไรว่านางอาศัยอยู่ที่ใด? แล้วนางมีคำตอบอะไรกัน? ธอร์เข้าใจมาตลอดว่ามารดาเสียชีวิตไปแล้ว เมื่อคิดว่านางยังมีชีวิตอยู่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น เขาเกิดความมุ่งมั่นยิ่งกว่าครั้งใดที่จะตามหามารดาให้พบ เพื่อหาคำตอบ เพื่อค้นหาว่าตัวเองคือใคร และทำไมเขาจึงเป็นคนพิเศษ

เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น พระศพก็ถูกหย่อนลงไปเบื้องล่าง ธอร์ประหลาดใจกับโชคชะตาที่พลิกผันอย่างโหดร้าย ทำไมเขาจึงได้เห็นอนาคตที่เกิดขึ้น ได้เห็นราชาผู้ยิ่งใหญ่นี้ถูกลอบปลงพระชนม์ แต่กลับไม่มีอำนาจที่จะหยุดยั้งได้? บางทีเขาอยากให้ตัวเองไม่เคยเห็นส่งที่เกิดขึ้น ไม่เคยได้รู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า เขาอยากให้ตัวเองเป็นคนที่ยืนไม่รู้เรื่องรู้ราวใดเหมือนคนอื่น ๆ เพียงแค่ตื่นเช้าขึ้นมาวันหนึ่งแล้วพบว่าพระราชาสวรรคตแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกราวกับเป็นส่วนหนึ่ง รู้สึกผิดด้วยซ้ำว่าเขาน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้

ธอร์สงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรต่อไป มันกลายเป็นอาณาจักรที่ไร้ราชา ใครจะเป็นผู้ปกครอง? จะเป็นเจ้าชายกาเร็ธอย่างที่ใครคาดกันหรือไม่? ธอร์คิดถึงเรื่องที่จะเลวร้ายกว่านั้นไม่ออก

เขามองดูผู้คนรอบ ๆ และได้เห็นใบหน้าเคร่งเครียดของบรรดาขุนนาง ที่มารวมตัวกันจากทุกมุมของอาณาจักรวงแหวน เขารู้ว่าคนพวกนี้จะมีอำนาจในอาณาจักรที่ระส่ำระสาย ตามที่เจ้าชายรีซทรงเล่าให้ฟัง ธอร์อดคิดไม่ได้ว่าใครกันเป็นผู้ลงมือสังหาร ใบหน้าเหล่านั้นดูน่าสงสัยทั้งนั้น คนพวกนี้ต่างต้องการอำนาจ อาณาจักรจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ หรือไม่? กองกำลังของขุนนางพวกนี้จะปะทะกันเองหรือไม่? แล้วชะตาของเขาเองจะเป็นอย่างไร? แล้วกองทหารยุวชนเล่า? มันจะถูกยุบหรือไม่? กองทัพจะถูกยุบหรือไม่? กองรบเงินจะปฏิวัติหรือไม่หากเจ้าชายกาเร็ธได้เป็นพระราชา?

และคนอื่น ๆ เชื่อจริง ๆ หรือไม่ว่าธอร์เป็นผู้บริสุทธิ์ หลังจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น? เขาจะถูกไล่กลับไปอยู่ที่หมู่บ้านหรือไม่? ธอร์หวังว่าจะไม่ เขารักทุกสิ่งที่มีตอนนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้อยู่ที่นี่ต่อ ที่กองทหารยุวชน เขาอยากให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเช่นเดิม ไม่อยากให้มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อไม่กี่วันก่อนอาณาจักรยังดูเป็นปึกแผ่นยั่งยืน ดูราวกับราชาแม็คกิลจะครองราชย์ไปตลอดกาล หากสิ่งที่ดูมั่นคงแข็งแรงอย่างยิ่งยังพังทลายลงได้ทันที จะหวังอะไรกับสิ่งอื่นได้? สำหรับธอร์แล้วไม่มีอะไรยั่งยืนอีกต่อไป

ธอร์รู้สึกใจสลายเมื่อเห็นเจ้าหญิงเกว็นโดลีนพยายามจะกระโดดลงไปในหลุมพร้อมกับพระศพของพระบิดา เจ้าชายรีซดึงนางไว้ ขณะที่บรรดาข้าราชบริพารเข้ามาช่วยกันตักดินกลบหลุมพระศพ ส่วนอาร์กอนก็เริ่มสวดต่อไป เมฆบนฟ้าลอยผ่านมา บดบังดวงอาทิตย์แรกไว้ครู่หนึ่ง ธอร์รู้สึกถึงลมเย็นพัดกระโชกผ่านวันอันอบอุ่นในฤดูร้อน เขาได้บินเสียงครางแหลม มองลงไปก็เห็นโครห์นอยู่แทบเท้า เงยหน้ามองเขาอยู่

ธอร์ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอีกต่อไปแล้ว แต่เขารู้อย่างหนึ่ง เขาจะต้องคุยกับเจ้าหญิงเกว็น ต้องบอกนางว่าเขาเสียใจเพียงใด และว้าวุ่นใจเพียงใดกับการสวรรคตของพระราชา อยากบอกนางว่าไม่ได้ทรงอยู่เพียงลำพัง แล้วถ้านางตัดสินพระทัยว่าไม่ต้องการพบเขาอีก เขาต้องอธิบายให้ทรงทราบว่าเขาถูกกล่าวหา เขาไม่ได้ทำอะไรเลยที่ร้านนางโลมนั่น ธอร์ต้องการโอกาส แค่เพียงครั้งเดียวเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด ก่อนที่นางจะไม่สนใจไยดีเขาอีกตลอดไป

เมื่อดินในพลั่วถูกสาดลงไปในหลุมพระศพเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับเสียงระฆังดังครั้งแล้วครั้งเล่า ฝูงชนก็เข้าแถวยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา เดินมาตามขอบผา ในมือถือดอกกุหลาบสีดำคนละหนึ่งดอก เดินแถวผ่านหลุมพระศพที่เพิ่งกลบฝัง ธอร์ก้าวไปข้างหน้า คุกเข่าลง แล้ววางกุหลาบในมือลงไปรวมกับของคนอื่น ๆ เจ้าโครห์นส่งเสียงคราง

การเดินทางแห่งราชา

Подняться наверх