Читать книгу เสียงร้องแห่งเกียรติยศ - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 14
บทที่ สี่
Оглавлениеเจ้าหญิงเกว็นโดลีนรีบเสด็จไปตามถนนคดเคี้ยวในราชสำนัก อคอร์ธและฟุลตันแบกเจ้าชายก็อดฟรีย์ตามไปด้านหลัง ทรงแหวกทางผ่านชาวบ้านธรรมดาไป เจ้าหญิงตั้งพระทัยที่จะถึงหมอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็อดฟรีย์จะตายไม่ได้ ไม่ใช่หลังจากที่ผ่านเรื่องต่าง ๆ นี้มา และต้องไม่ใช่มาตายแบบนี้ เจ้าหญิงแทบจะทรงเห็นภาพรอยยิ้มพึงพอใจของกาเร็ธเมื่อรู้ข่าวการตายของก็อดฟรีย์ ซึ่งพระนางทรงตั้งพระทัยที่จะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น เจ้าหญิงเกว็นทรงปรารถนาให้พระนางได้มาพบเจ้าชายก็อดฟรีย์เร็วกว่านี้
เมื่อเจ้าหญิงทรงเลี้ยวที่มุมหนึ่งและเสด็จเข้าไปสู่จัตุรัสของเมือง มีฝูงชนหนาแน่นเป็นพิเศษ เมื่อทรงเงยพระพักตร์ขึ้นและเห็นเฟิร์ธที่ยังคงถูกห้อยอยู่บนขื่อ มีบ่วงเชือกรัดแน่นอยู่รอบลำคอ ห้อยต่องแต่งให้ผู้คนมองดูด้วยความแปลกใจ เจ้าหญิงทรงเมินหนีด้วยสัญชาตญาณ มันเป็นภาพที่น่าสยดสยอง เป็นสิ่งย้ำเตือนถึงความชั่วร้ายของเชษฐา พระนางทรงรู้สึกว่าไม่อาจจะหนีพ้นเงื้อมมือของเชษฐาไม่ว่าจะไปที่ไหน ช่างน่าประหลาดเมื่อทรงคิดว่าพระนางเพิ่งจะคุยกับเฟิร์ธอยู่เมื่อวันก่อน แต่ตอนนี้เขาถูกแขวนคออยู่ที่นั่น ทรงอดรู้สึกไม่ได้ว่าความตายรายล้อมอยู่รอบพระวรกาย และกำลังมาหาพระนางเองด้วย
แม้เจ้าหญิงเกว็นจะทรงอยากเลือกใช้เส้นทางอื่น แต่พระนางรู้ดีว่าทางที่ผ่านจัตุรัสไปเป็นทางที่สั้นที่สุด พระนางไม่อาจยอมแพ้แก่ความกลัว ทรงบังคับตัวเองให้เสด็จผ่านขื่อคานี้ ผ่านร่างที่ห้อยต่องแต่งไป ขณะนั้นเอง พระนางทรงประหลาดพระทัยที่เห็นเพชรฆาตในชุดเสื้อคลุมสีดำขวางทางพระนางอยู่
ในตอนแรกทรงคิดว่าเขาจะสังหารพระนางด้วย จนเขาโค้งถวายคำนับ
“ฝ่าบาท” เขาทูลอย่างนอบน้อม โค้งศีรษะแสดงความเคารพ “ยังไม่มีรับสั่งว่าจะทำเช่นไรกับศพ ข้าไม่ได้รับแจ้งว่าควรจะฝังเขาให้เหมาะสมหรือโยนลงหลุมพวกคนอนาถา”
เจ้าหญิงเกว็นทรงหยุด รำคาญพระทัยที่ต้องจัดการเรื่องนี้ อคอร์ธและฟุลตันหยุดอยู่ด้านหลังพระนาง เจ้าหญิงทรงเงยพระพักตร์ขึ้น หรี่พระเนตรสู้แสงอาทิตย์ มองดูร่างที่ห้อยอยู่ห่างไปไม่กี่ฟุต พระนางกำลังจะขยับพระองค์ไปต่อและไม่สนพระทัยเขา เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้น เจ้าหญิงทรงต้องการความยุติธรรมให้แก่พระบิดา
“โยนเขาลงไปในหลุมรวม” พระนางตรัส “ไม่ต้องทำป้าย ไม่ต้องมีพิธีฝังพิเศษอะไรให้เขา ข้าอยากให้ชื่อของเขาถูกลืมไปจากบันทึกประวัติศาสตร์”
เขาโค้งศีรษะรับ เจ้าหญิงทรงรู้สึกเหมือนได้ล้างแค้นอยู่เล็ก ๆ ถึงอย่างไรชายคนนี้ก็เป็นคนที่ลงมือปลงพระชนม์พระบิดา แม้พระนางจะทรงเกลียดความรุนแรง แต่จะไม่ทรงหลั่งน้ำตาให้เฟิร์ธ เจ้าหญิงทรงรู้สึกว่าดวงพระวิญญาณของพระบิดาทรงอยู่กับพระนางในตอนนี้ ชัดเจนยิ่งกว่าที่เคย และทรงรู้สึกได้ว่าพระองค์ทรงสงบสุข
“มีอีกเรื่องหนึ่ง” พระนางตรัสต่อ เพชรฆาตชะงัก “เอาศพลงมาตอนนี้เลย”
“ตอนนี้หรือฝ่าบาท?” เพชรฆาตทูลถาม “แต่ราชาทรงมีรับสั่งให้แขวนไว้ไม่มีกำหนด”
เจ้าหญิงเกว็นส่ายพระพักตร์
“เดี๋ยวนี้” เจ้าหญิงทรงย้ำ “นั่นเป็นรับสั่งใหม่” พระนางทรงปด
เพชรฆาตถวายคำนับแล้วรีบไปตัดเชือกนำศพลงมา
เจ้าหญิงเกว็นรู้สึกสาแก่ใจขึ้นมาอีก พระนางทรงไม่สงสัยเลยว่าราชากาเร็ธจะต้องคอยดูศพของเฟิร์ธจากหน้าต่างตลอดวัน และการที่เอาศพเขาลงนั้นจะต้องทำให้กริ้ว และเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นเช่นที่ทรงวางแผนไว้เสมอไป
เจ้าหญิงกำลังจะทรงผละจากไปเมื่อทรงได้ยินเสียงร้องแหลมสะดุดหู พระนางทรงหันกลับไป เงยพระพักตร์ขึ้นมอง ทรงเห็นเอสโตฟีลีสเกาะอยู่เหนือขื่อคา เจ้าหญิงทรงยกพระหัตถ์ขึ้นป้องแสงอาทิตย์ พยายามให้แน่พระทัยว่าไม่ได้ตาฝาด เอสโตฟีลีสร้องดังขึ้นอีก แล้วกางปีกออกก่อนจะหุบ
เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้สึกว่านกตัวนี้เป็นสื่อนำดวงพระวิญญาณของพระบิดา ที่แม้จะยังไม่สงบสุข แต่ก็ใกล้เข้าไปอีกขั้น
พระนางทรงเกิดความคิดขึ้นมาทันที เจ้าหญิงทรงผิวปากและยื่นพระพาหาออกไปข้างหนึ่ง เอสโตฟีลีสโฉบลงมาจากขื่อและเกาะที่ข้อพระกรของเจ้าหญิงเกว็น นกตัวนี้หนัก กรงเล็บของมันจิกลงไปในพระฉวีของเจ้าหญิง
“ไปหาธอร์” พระนางทรงกระซิบสั่งเจ้านก “หาเขาให้พบในสนามรบ ปกป้องเขา ไป!” เจ้าหญิงทรงตะโกนพลางยกพระพาหาขึ้น
พระนางทอดพระเนตรเอสโตฟีลีสกระพือปีกและทะยานสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทรงภาวนาให้มันได้ผล มีปริศนาบางอย่างเกี่ยวกับนกตัวนี้ โดยเฉพาะการที่มันเชื่อมโยงกับธอร์ เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้ว่าอะไรก็เป็นไปได้
เจ้าหญิงทรงดำเนินต่อไป รีบเสด็จไปตามถนนคดเคี้ยวตรงไปยังกระท่อมของหมอ ทุกคนผ่านประตูโค้งหนึ่งในหลายประตู เพื่อมุ่งหน้าออกนอกเมือง พระนางรีบเสด็จไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทรงทำได้ พลางภาวนาให้ก็อดฟรีย์อดทนได้นานพอจนได้รับความช่วยเหลือ
อาทิตย์ดวงที่สองเริ่มคล้อยต่ำตอนที่พวกเขาปีนขึ้นไปตามเนินเขาเล็ก ๆ แถบชานเมือง และกระท่อมของหมอเริ่มปรากฏให้เห็น เป็นกระท่อมห้องเดียวธรรมดา ผนังทำจากดินสีขาว มีหน้าต่างเล็ก ๆ อยู่ด้านละหนึ่งบาน ประตูโค้งบานเล็กด้านหน้าทำจากไม้โอ๊ค บนหลังคามีพืชหลากชนิดหลากสีห้อยลงมารอบกระท่อม ซึ่งล้อมไว้ด้วยสวนสมุนไพรแผ่อยู่โดยรอบ ดอกไม้หลากสีสันและขนาดทำให้กระท่อมหลังนี้ดูราวกับตั้งอยู่กลางเรือนต้นไม้
เจ้าหญิงเกว็นทรงวิ่งไปที่ประตูและกระแทกที่เคาะหลายครั้ง ประตูเปิดออก หมอหลวงยืนทำหน้าตกใจที่เห็นพระนาง
อิลเลพราเป็นหมอหลวงมาตลอดชีวิตของนาง และเห็นเจ้าหญิงมาตั้งแต่พระนางทรงเริ่มหัดเดิน ถึงกระนั้นนางก็ยังดูสาว ที่จริงแทบจะดูไม่แก่กว่าเจ้าหญิงเกว็นเลย ผิวพรรณของนางเปล่งปลั่งผ่องใส ขับดวงตาสีเขียวมีเมตตา ซึ่งทำให้นางดูแทบจะมีอายุไม่เกินสิบแปดปี เจ้าหญิงทรงรู้ว่านางแก่กว่านั้นมาก รูปลักษณ์ของนางนั้นหลอกตา และทรงรู้ว่าอิลเลพราเป็นคนที่ฉลาดและเก่งที่สุดที่พระนางเคยพบ
อิลเลพราหันไปดูเจ้าชายก็อดฟรีย์และเข้าใจสถานการณ์ในทันที ความรื่นเริงหายไปเมื่อนางเบิกตากว้างด้วยความกังวล ตระหนักถึงความเร่งด่วน นางแทรกผ่านเจ้าหญิงออกมาแล้วรีบไปหาเจ้าชายก็อดฟรีย์ วางมือลงที่พระนลาฏ แล้วขมวดคิ้ว
“พาพระองค์เข้าไปข้างใน” นางสั่งชายทั้งสองอย่างเร่งร้อน “รีบเร็วเข้า”
อิลเลพราเข้าไปด้านใน พลางเปิดประตูออกกว้าง พวกเขาตามนางเข้าไปติด ๆ เจ้าหญิงเกว็นเสด็จตามเข้าไป ทรงก้มพระเศียรเมื่อผ่านประตูเตี้ย แล้วทรงปิดประตูตามหลัง
ด้านในนั้นแสงน้อยกว่า พระนางต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อปรับสายพระเนตร ก่อนจะเห็นว่าภายในกระท่อมยังเหมือนที่ทรงจำได้สมัยที่ทรงพระเยาว์ กระท่อมหลังเล็ก สะอาด สว่าง และเต็มไปด้วยต้นไม้ สมุนไพรและยาหลากหลายตำรับ
“วางพระองค์ที่นั่น” อิลเลพราสั่งชายทั้งสอง น้ำเสียงจริงจังเช่นที่เจ้าหญิงทรงเคยได้ยิน “บนเตียงที่มุมห้องนั่น ถอดฉลองพระองค์กับฉลองพระบาทออก แล้วออกไปได้”
อคอร์ธและฟุลตันทำตามที่สั่ง ขณะที่พวกเขากำลังจะรีบออกไปด้านนอก เจ้าหญิงทรงคว้าแขนอคอร์ธไว้
“ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก” พระนางตรัสสั่ง “ใครก็ตามที่ลงมือกับก็อดฟรีย์ อาจจะยังต้องการโอกาสจัดการเขา หรือข้าอีกก็ได้”
อคอร์ธพยักหน้าแล้วออกไปพร้อมฟุลตัน ก่อนจะปิดประตู
“ทรงเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว?” อิลเลพราถามอย่างเร่งร้อน ไม่หันมามองเจ้าหญิงเกว็นขณะที่คุกเข่าอยู่ข้างเจ้าชายก็อดฟรีย์ แล้วเริ่มตรวจพระกร พระนาภีและพระศอ
“ตั้งแต่เมื่อคืน” เจ้าหญิงเกว็นตรัสบอก
“เมื่อคืน!” อิลเลพราทวนคำ ส่ายศีรษะด้วยความกังวล นางตรวจอาการเงียบ ๆ อยู่นาน สีหน้าหม่นหมองลง
“พระอาการไม่ดีเลย” นางทูลขึ้นในที่สุด
อิลเลพราวางฝ่ามือลงบนพระนลาฏอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นางหลับตาลง สูดหายใจเข้ายาว เกิดความเงียบหนักอึ้งปกคลุมไปทั่วห้อง เจ้าหญิงเกว็นทรงเริ่มลืมเรื่องเวลาไป
“ยาพิษ” อิลเลพรากระซิบขึ้นในที่สุด นางยังคงหลับตา ราวกับกำลังอ่านอาการของเจ้าชายด้วยการซึมซับ
เจ้าหญิงเกว็นทรงประหลาดพระทัยเสมอกับความเชี่ยวชาญของนาง อิลเลพราไม่เคยผิดเลยสักครั้งในชีวิต นางสามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้มากกว่าที่กองทัพสามารถทำได้เสียอีก เจ้าหญิงทรงสงสัยว่ามันเป็นทักษะที่เรียนรู้ได้หรือว่าสืบทอดมาทางสายโลหิต เพราะมารดาของอิลเลพราก็เป็นหมอ รวมถึงยายของนางด้วย แต่ขณะเดียวกันอิลเลพราก็ใช้เวลาทุกนาทีที่ตื่นอยู่ในชีวิตไปกับการศึกษาสูตรยาและการรักษา
“เป็นยาพิษที่มีฤทธิ์ร้ายแรงมาก” อิลเลพราทูลต่อด้วยความมั่นใจ “ยาพิษที่ข้าแทบจะไม่เคยพบ มันเป็นยาพิษที่ราคาสูงมาก ใครก็ตามที่คิดจะปลงพระชนม์รู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ เหลือเชื่อมากที่จะทรงพระชนม์ชีพอยู่ได้ เจ้าชายทรงแข็งแรงมากกว่าที่เราคิด”
“เขาได้มันมาจากพระบิดา” เจ้าหญิงเกว็นตรัส “ทรงแข็งแรงเหมือนวัว ราชาแม็คกิลทุกพระองค์ทรงเป็นเช่นนั้น”
อิลเลพราเดินข้ามห้องไปแล้วผสมสมุนไพรหลายชนิดบนเขียงไม้ สับและบดมัน แล้วเติมของเหลวลงไปผสม ได้ยาบดสีเขียวข้น นางเทใส่ฝ่ามือแล้วรีบกลับมาที่ข้างพระวรกายเจ้าชายก็อดฟรีย์ ทายานั้นลงที่พระศอ ใต้พระพาหา และบนพระนาฏ เมื่อทำเสร็จนางเดินกลับไปอีกครั้ง เพื่อหยิบแก้วแล้วเทของเหลวหลายชนิดลงไป ทั้งสีแดง สีน้ำตาลและสีม่วง เกิดฟองผุดและเสียงซ่าขณะที่ของเหลวผสมกัน อิลเลพราใช้ช้อนไม้ยาวคนให้เข้ากัน แล้วรีบกลับมาหาเจ้าชายก็อดฟรีย์และแตะยาที่ริมพระโอษฐ์
เจ้าชายก็อดฟรีย์ไม่ขยับพระองค์ อิลเลพราจึงเอื้อมไปจับด้านหลังพระเศียรและใช้ฝ่ามือยกขึ้น บังคับให้ยาไหลเข้าไปในพระโอษฐ์ แม้ยาส่วนมากจะไหลเลอะพระปรางทั้งสองข้าง และบางส่วนก็ไหลลงไปในพระศอ
อิลเลพราเช็ดยาจากพระโอษฐ์และต้นพระหนุ ก่อนจะผละห่างออกมาแล้วถอนหายใจ
“เขาจะรอดไหม?” เจ้าหญิงเกว็นตรัสถามด้วยความหวาดกลัว
“อาจจะ” นางทูลตอบอย่างหม่นหมอง “ข้าให้ยาทุกอย่างที่มีแล้ว แต่มันอาจจะไม่เพียงพอ ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว”
“ข้าจะช่วยอะไรได้บ้าง?” เจ้าหญิงเกว็นตรัสถาม
นางหันมามองเจ้าหญิง
“ทรงช่วยสวดภาวนาเพื่อเจ้าชาย คืนนี้จะต้องเป็นคืนที่ยาวนานแน่ ๆ”