Читать книгу เสียงร้องแห่งเกียรติยศ - Морган Райс, Morgan Rice - Страница 19

บทที่ เก้า

Оглавление

อีเร็คควบม้าเร่งไปตามเส้นทางลงใต้ เขารีบขี่ไปด้วยความเร็วยิ่งกว่าที่เคย พยายามที่สุดที่จะหลบหลุมบ่อบนถนนในยามราตรี เขายังไม่ได้หยุดเลยนับตั้งแต่ที่รู้ข่าวว่าอลิสแตร์ถูกลักตัวไป ถูกขายให้กับพ่อค้าทาส และถูกส่งไปยังเมืองบาลัสเตอร์ เขาไม่อาจหยุดโทษตัวเองที่ช่างโง่เง่าและไร้เดียงสาที่ไว้ใจเจ้าของโรงแรม ที่เชื่อว่าเขาจะรักษาคำพูดและรักษาสัญญาที่จะปล่อยตัวอลิสแตร์ให้แก่เขาหลังจากที่เขาชนะการแข่งขัน อีเร็คถือสัจจะเป็นเกียรติยศและเขาคิดว่าคนอื่นก็จะถือเช่นเดียวกัน เป็นความผิดพลาดที่โง่เง่าซึ่งต้องแลกมาด้วยอลิสแตร์

อีเร็คใจสลายเมื่อคิดถึงนาง เขาเตะม้าแรงขึ้น สตรีผู้งดงามและผ่องแผ้วเช่นนาง เมื่อแรกก็ต้องทนทุกข์กับการเสื่อมเกียรติ ต้องทำงานให้แก่เจ้าของโรงแรมนั่นแล้ว ตอนนี้ยังมาถูกขายไปเป็นทาส ต้องถูกขายเป็นนางโลมด้วยซ้ำ เมื่อคิดเรื่องนี้เขาก็ยิ่งโกรธ และอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขามีส่วนต้องรับผิดชอบ หากเขาไม่โผล่เข้ามาในชีวิตของนาง ไม่เสนอที่จะพานางไป บางทีเจ้าของโรงแรมอาจจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้

อีเร็คเร่งขี่ม้าไปในยามราตรี เสียงฝีเท้าม้าก้องอยู่ในหู พร้อมด้วยเสียงหายใจของม้า ม้าของเขาเองก็เหนื่อยมาก อีเร็คกลัวว่ามันอาจจะหมดแรงล้มพับไป เขาตรงไปหาเจ้าของโรงแรมทันทีหลังจากจบการแข่งขัน โดยไม่ได้หยุดพักเลย และอ่อนระโหยมากกับความเหน็ดเหนื่อย เขารู้สึกเหมือนกับจะฟุบลงไปและหล่นจากหลังม้า แต่ก็ฝืนลืมตาตื่น บังคับตัวเองให้ตื่น ขณะที่ขี่ม้าไปใต้ดวงจันทร์เต็มดวง มุ่งหน้าลงใต้ไปยังเมืองบาลัสเตอร์

อีเร็คได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองบาลัสเตอร์มาตลอดชีวิต แม้จะเป็นที่ที่เขาไม่เคยไป แต่จากข่าวที่เล่าลือกัน มันเป็นสถานที่แห่งการพนัน ฝิ่น โลกีย์ และความโสมมทุกอย่างที่คิดได้ในอาณาจักร เป็นเมืองที่พวกอันธพาลหลั่งไหลเข้าไป จากทุกมุมของอาณาจักรวงแหวน เพื่อหาประโยชน์จากงานด้านมืดทุกอย่างที่รู้จักกัน เมืองนี้เป็นด้านตรงข้ามกับเขา อีเร็คไม่เคยเล่นการพนัน แลแทบจะไม่ดื่มเลย เขาชอบใช้เวลาว่างในการฝึกฝน และลับคมทักษะฝีมือของเขา อีเร็คไม่เข้าใจคนประเภทที่เกียจคร้านและเที่ยวสำมะเลเทเมา แบบพวกขาประจำของเมืองบาลัสเตอร์ทำ การมาที่เมืองนี้เป็นลางไม่ดีสำหรับเขา ไม่น่าจะมีเรื่องดีจากที่นี่ได้ เมื่อคิดว่านางต้องมาอยู่ในสถานที่เช่นเมืองนี้ทำให้เขาหดหู่ อีเร็ครู้ว่าเขาจะต้องรีบช่วยนาง และพาไปให้ไกลจากที่นี่ ก่อนที่จะเกิดความเสียหายขึ้น

เมื่อดวงจันทร์คล้อยลงบนท้องฟ้า ถนนเริ่มกว้างขึ้นและเดินทางสะดวกขึ้น อีเร็คเห็นเมืองเป็นครั้งแรก แสงจากคบไฟมากมายที่ส่องแสงสว่างให้กำแพงเมืองทำให้มันดูเหมือนกองไฟในยามราตรี อีเร็คไม่ประหลาดใจ ว่ากันว่าคนที่นี่ตื่นกันอยู่ตลอดคืน

อีเร็คเร่งม้าเร็วขึ้นและเข้าไปใกล้เมืองมากขึ้น ในที่สุดเขาก็เข้าไปใกล้สะพานไม้เล็ก ๆ มีคบไฟอยู่สองด้าน มียามนั่งสับปะหงกอยู่ที่เชิงสะพาน เขากระโจนลุกขึ้นยืน เมื่ออีเร็คควบม้าผ่านไป ยามคนนั้นตะโกนเรียกไล่หลังเขา “เฮ้ย!”

แต่อีเร็คไม่ชะลอ หากยามคนนี้กล้าพอจะไล่ตามเขา ซึ่งอีเร็คยังสงสัยในเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นเขาจะทำให้มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ชายคนนี้ได้ทำ

อีเร็คควบม้าพุ่งผ่านประตูเมืองบานใหญ่ที่เปิดอยู่ เข้าไปยังจัตุรัสที่ล้อมด้วยกำแพงหินโบราณเตี้ย ๆ เขาขี่ม้าไปตามทางแคบ ๆ ที่สว่างไสวด้วยคบไฟตามรายทาง บ้านเรือนสร้างชิดติดกัน ทำให้เมืองนี้ดูคับแคบและอึดอัด ถนนหนทางเต็มไปด้วยผู้คน และเกือบทั้งหมดเป็นคนเมาที่เดินโซเซไปมา ร้องตะโกนโหวกเหวก และชนกระแทกกัน ดูเหมือนเป็นงานเลี้ยงใหญ่ และร้านเหล้ากับบ่อนแทบจะมีอยู่หลังเว้นหลังทีเดียว

อีเร็ครู้ว่ามาถูกที่แล้ว เขารู้สึกได้ว่าอลิสแตร์อยู่ที่นี่ ตรงไหนสักแห่ง อีเร็คกลืนน้ำลาย หวังว่าจะไม่มาช้าเกินไป

เขาขี่ม้าไปถึงอาคารที่เป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่อยู่ใจกลางเมือง มีผู้คนมากมายอยู่ด้านนอก อีเร็คคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

เขาลงจากหลังม้าแล้วรีบเข้าไปด้านใน ใช้ข้อศอกแหวกทางผ่านพวกขี้เมาที่โหวกเหวกโวยวายเข้าไปจนถึงเจ้าของโรงเตี๊ยม ที่ยืนด้านหลัง ตรงกลางห้อง กำลังจดชื่อคน แล้วรับเงินมา ก่อนจะชี้บอกทางไปที่ห้องพัก เขาเป็นคนท่าทางสะโอดสะอง มีรอยยิ้มเสแสร้งบนใบหน้า เหงื่อไหลโทรม และกำลังถูมือเข้าด้วยกันขณะที่นับเงิน เขาเงยหน้าขึ้นมองอีเร็ค มีรอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้า

“ต้องการห้องพักหรือท่าน?” เขาถาม “หรือว่าต้องการสตรี?”

อีเร็คส่ายหน้าแล้วเขยิบเข้าไปใกล้ ต้องการให้เขาได้ยินท่ามกลางเสียงอึกทึกนี้

“ข้ามาตามหาพ่อค้า” อีเร็คบอก “พ่อค้าทาส เขาขี่ม้ามาจากซาวาเรีย เมื่อวันหรือสองวันก่อนหน้านี้ เขามีสินค้าล้ำค่ามาด้วย พวกทาส”

ชายเจ้าของโรงเตี๊ยมเลียริมฝีปาก

“ที่ท่านต้องการเป็นข้อมูลที่มีราคา” เขาบอก “ข้าจัดหาให้ได้ ง่ายเหมือนกับที่ข้าจัดหาห้อง”

เขายื่นมือมาข้างหน้า แล้วถูนิ้วเข้าด้วยกัน ก่อนจะแบมือออก เขาเงยหน้ามองอีเร็คแล้วยิ้ม เหงื่อเป็นเม็ดอยู่เหนือริมฝีปากบน

อีเร็ครังเกียจชายคนนี้ แต่เขาต้องการข้อมูลและไม่อยากเสียเวลา ดังนั้นเขาจึงล้วงลงไปในถุงเงินแล้ววางเหรียญทองอันใหญ่ลงในมือของชายเจ้าของโรงเตี๊ยม

เขาทำตาโตขณะที่พิจารณาดูเหรียญทอง

“ทองของพระราชา” เขาสังเกตด้วยความประทับใจ

เขามองดูอีเร็คทั่วตัวด้วยสายตาแสดงความเคารพระคนสงสัย

“ท่านขี่ม้ามาจากราชสำนักจนถึงที่นี่เลยอย่างนั้นหรือ?” เขาถาม

“พอได้แล้ว” อีเร็คตอบ “ข้าเป็นคนถามคำถาม ข้าจ่ายให้แล้ว บอกข้ามาได้แล้ว ว่าพ่อค้าอยู่ที่ไหน?”

เจ้าของโรงเตี๊ยมเลียริมฝีปากหลายครั้ง ก่อนจะชะโงกเข้ามาใกล้

“ชายคนที่ท่านตามหาคือ เออร์บอต เขาจะมาอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง พร้อมกับพวกนางโลมชุดใหม่ เขาขายพวกนางให้แก่คนที่ให้ราคาสูงที่สุด ท่านน่าจะพบเขาได้ที่ซ่องของเขา ไปตามถนนเส้นนี้จนสุดทาง เขาอยู่ที่นั่นแหละ แต่ถ้าสตรีที่ท่านตามหามีค่ามาก นางน่าจะถูกขายไปแล้ว นางโลมของเขาอยู่ไม่นานหรอก”

อีเร็คหมุนตัวจะไป เมื่อรู้สึกว่ามีมืออุ่นและชื้นคว้าข้อมือเขาไว้ เขาหันมาแล้วต้องประหลาดใจที่เห็นเจ้าของโรงเตี๊ยมดึงเขาไว้

“หากท่านกำลังหานางโลมอยู่ล่ะก้อ ทำไมไม่ลองของข้าสักคนล่ะ พวกนางเยี่ยมพอ ๆ กับของเขาเลยนะ แต่ถูกกว่าครึ่งหนึ่งทีเดียว”

อีเร็คยิ้มหยันด้วยความรังเกียจ หากเขามีเวลา เขาคงจะฆ่าชายคนนี้ไปแล้ว เพื่อช่วยกำจัดคนประเภทนี้ให้หมดไปจากโลก แต่เขาต้องรีบตัดบท และตัดสินใจว่าชายคนนี้ไม่คู่ควรจะเสียเวลาด้วย

อีเร็คสะบัดมือออก ก่อนจะชะโงกเข้าไปใกล้

“ถ้าแตะต้องตัวข้าอีก” อีเร็คเตือน “เจ้าจะต้องคิดว่าไม่น่าจะทำเลย ตอนนี้ถอยไปห่าง ๆ ข้าสองก้าว ก่อนที่ข้าจะหาที่เหมาะ ๆ แทงเจ้าด้วยดาบในมือข้า”

เจ้าของโรงเตี๊ยมมองดูตาโตด้วยความกลัว แล้วก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

อีเร็คหันหลังรีบเดินออกไป ใช้ข้อศอกดันและผลักคนในร้านให้พ้นทางขณะที่รีบออกไปด้านนอกผ่านประตูบานคู่ เขาไม่เคยรังเกียจใครเช่นนี้มาก่อน

อีเร็คขึ้นหลังม้าของเขาซึ่งกำลังเหยาะย่างและพ่นลมใส่ขี้เมาที่เดินผ่านมาจ้องดูมัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาพยายามที่จะขโมยมัน อีเร็ครู้ทัน เขากำลังคิดว่าหากเขาไม่กลับมาพวกมันจะขโมยจริงหรือไม่ อีเร็คเตือนตัวเองว่าต่อไปให้ผูกม้าให้แน่นหนา เขาประหลาดใจกับความโสมมของเมืองนี้ ถึงอย่างไร วาร์คฟิน ม้าของเขาเป็นม้าศึกที่แข็งแกร่ง หากใครพยายามที่จะขโมยมันไป มันคงจะกระทืบตาย

อีเร็คเตะกระตุ้นวาร์คฟิน แล้วออกเดินทางไปตามถนนแคบ ๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะหลบผู้คนมากมาย แม้จะดึกแล้ว แต่บนถนนยังมีผู้คนหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ คนหลายเชื้อชาติร่วมสังสรรค์กัน ขี้เมาหลายคนร้องโวยวายขึ้นเมื่อเขาขี่ม้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่สนใจ อีเร็ครู้สึกว่าอลิสแตร์อยู่แค่เอื้อมและเขาจะไม่หยุดจนกว่าจะได้นางคืนมา

ถนนไปสิ้นสุดลงที่กำแพงหิน อาคารสุดท้ายที่อยู่ทางขวามือเป็นโรงแรมเอียง ๆ หลังหนึ่ง มีผนังดินสีขาวและหลังคามุงจาก ซึ่งดูเหมือนมันเคยรุ่งเรืองกว่านี้ เมื่อดูจากท่าทางของคนที่เดินเข้าออกแล้ว อีเร็ครู้สึกได้ว่าเขามาถูกที่แล้ว

อีเร็คลงจากหลังม้า ผูกไว้กับเสาอย่างแน่นหนา แล้วพรวดเข้าประตูไป แต่เขากลับต้องชะงักอยู่กับที่ด้วยความประหลาดใจ

ข้างในนั้นมีแสงสลัว เป็นห้องใหญ่ห้องหนึ่งที่มีคบไฟวูบไหวอยู่บนผนังเพียงไม่กี่อัน และเตาผิงที่ไฟกำลังมอดอยู่ห่างออกไปที่มุมหนึ่ง มีพรมปูไว้ทั่วไปหมด และบนพรมนั้นก็มีสตรีหลายคนแต่งกายน้อยชิ้น ถูกมัดไว้ด้วยกันด้วยเชือกเส้นหนาและล่ามไว้กับกำแพง ทุกคนดูเหมือนจะเมายา อีเร็คได้กลิ่นฝิ่น และเห็นบ้องสูบถูกส่งต่อกันไป ชายแต่งตัวดีสองสามคนเดินไปทั่วห้อง เตะและสะกิดเท้าของสตรีเหล่านั้นทางโน้นทีทางนี้ที ทำราวกับกำลังทดสอบสินค้าและตัดสินใจว่าจะซื้ออะไรดี

ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้กำมะหยี่สีแดงตัวเล็กที่อีกฟากห้อง เขาสวมเสื้อคลุมไหม มีสตรที่ถูกล่ามอยู่ด้วยกันนั่งขนาบอยู่สองข้าง ด้านหลังมีชายร่างใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ตัวสูงใหญ่กว่าอีเร็คเสียอีก ดูเหมือนกับพวกเขาคงจะตื่นเต้นที่จะฆ่าใครสักคน

อีเร็คเข้ามาภายในและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่นี่คือซ่อง สตรีเหล่านี้มีไว้ให้เช่า และคนที่อยู่ตรงมุมนั้นต้องเป็นตัวการ เป็นคนที่ลักตัวอลิสแตร์ และอาจจะลักตัวสตรีเหล่านี้ทั้งหมดด้วย อีเร็ครู้ว่าในตอนนี้อลิสแตร์ก็อาจจะอยู่ในห้องนี้

เขารีบเดินหาอย่างกระวนกระวายไปตามแถวของบรรดาสตรี กวาดตามองใบหน้าของพวกนาง มีสตรีอยู่หลายสิบคนในห้องนี้ บางคนสลบไสลไป แสงสลัวภายในห้องทำให้ยากที่จะบอกได้ในทันที เขามองดูไปทีละคน กำลังเดินไปตามแถว เมื่อจู่ ๆ ฝ่ามือใหญ่ก็กระแทกเข้าที่อก

“เจ้าจ่ายเงินรึยัง?” เสียงแหบพร่าถามขึ้น

อีเร็คเงยหน้าขึ้นเห็นชายร่างใหญ่ยืนค้ำเขาอยู่ ทำหน้าถมึงทึง

“ถ้าเจ้าอยากจะดูพวกนาง เจ้าก็ต้องจ่าย” เขาบอกดังด้วยเสียงแหบต่ำ “นั่นเป็นกฎ”

อีเร็คยิ้มหยันตอบ รู้สึกเกลียดขึ้นมาทันที เขายื่นมือออกไปใช้สันมือกระแทกเข้าใส่คอหอยอย่างรวดเร็วก่อนที่ชายคนนั้นจะทันกระพริบตา

ชายร่างใหญ่อ้าปาก ตาเบิกโพลง ก่อนจะทรุดลงคุกเข่า มือกุมลำคอไว้ อีเร็คเงื้อศอกฟันเข้าใส่ขมับ จนเขาล้มลงไปนอนคว่ำหน้า

อีเร็คเดินเร็วไปตามแถว กวาดตาดูใบหน้าเพื่อมองหาอลิสแตร์ แต่ไม่พบนางเลย นางไม่ได้อยู่ที่นี่

อีเร็คใจเต้นรัวเมื่อรีบเดินไปยังอีกฟากห้อง ที่ชายผู้สูงวัยกว่ากำลังนั่งอยู่ คอยดูแลทุกอย่าง

“เจ้าได้เจอคนที่ชอบหรือยัง?” เขาถาม “มีคนที่เจ้าอยากจะประมูลไหม?”

“ข้ามาหาสตรีนางหนึ่ง” อีเร็คบอกเสียงแข็ง พยายามที่จะสงบ “และข้าจะขอพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นางตัวสูงมีผมสีทอง ดวงตาสีเขียว นางชื่ออลิสแตร์ นางถูกพามาจากซาวาเรียเมื่อวันหรือสองวันก่อน มีคนบอกข้าว่านางถูกพามาที่นี่ เป็นความจริงใช่ไหม?”

ชายคนนั้นส่ายหน้าช้า ๆ พลางยิ้มกริ่ม

“ข้าเกรงว่าของที่เจ้าหาถูกขายไปแล้ว” เขาบอก “เป็นของดีเสียด้วย เจ้านี่มีรสนิยมดี เลือกคนอื่นสิ ข้าจะลดราคาให้”

อีเร็คไม่พอใจ รู้สึกเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่เคยเป็น

“ใครพานางไป?” อีเร็คตะคอก

ชายคนนั้นยิ้ม

“แหม ดูเหมือนเจ้าจะปักใจกับทาสคนนี้เป็นพิเศษ”

“นางไม่ใช่ทาส” อีเร็คตะคอก “นางเป็นภรรยาของข้า”

ชายคนนั้นมองมาด้วยความตกใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง

“ภรรยาของเจ้า! มุขนี้ดีนี่ แต่พอแล้วนะ สหาย ตอนนี้นางเป็นของเล่นของคนอื่นไปแล้ว” แล้วใบหน้าของเขาหม่นคล้ำลง เป็นถมึงทึงราวกับปิศาจ เมื่อเขาชี้สั่งลูกน้อง แล้วบอกต่อว่า “ตอนนี้จัดการกำจัดขยะชิ้นนี้ไปได้แล้ว”

ชายล่ำสันสองคนก้าวมาข้างหน้าด้วยความเร็วที่ทำให้อีเร็คประหลาดใจ ทั้งคู่พุ่งเข้าใส่เขาพร้อมกัน ยื่นมือมาหมายจะคว้าอก

แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่ากำลังจะสู้กับใคร อีเร็คไวกว่าทั้งสองคน เขาฉากหลบก่อนจะคว้าข้อมือของคนหนึ่งไว้แล้วบิดไปด้านหลังจนมันหงายหลังลงนอน แล้วฟันศอกใส่ที่คอของอีกคน อีเร็คก้าวไปข้างหน้าแล้วบีบคอของคนที่นอนอยู่บนพื้น ทำให้สลบไป จากนั้นจึงชะโงกไปใช้หัวกระแทกกับคนอีกคนที่กำลังกุมลำคอไว้ สลบไสลตามไปอีกคน

ชายทั้งสองนอนไม่ได้สติอยู่ตรงนั้น อีเร็คก้าวข้ามทั้งสองคนตรงไปหาเจ้าของซ่อง ที่ตอนนี้กำลังนั่งตัวสั่นอยู่ในเก้าอี้ ตาโพลงด้วยความกลัว

อีเร็คยื่นมือไปจิกผมเขาไว้ แล้วกระชากไปด้านหลัง เอามีดจ่อเข้าที่คอหอย

“บอกมาว่านางอยู่ที่ไหน แล้วข้าอาจจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่” อีเร็คคำราม

ชายคนนั้นอึกอัก

“ข้าจะบอก แต่เจ้ากำลังเสียเวลา” เขาตอบ “ข้าขายนางให้กับท่านลอร์ดคนหนึ่ง เขามีกองอัศวินของตัวเอง และอาศัยอยู่ในปราสาท เขาเป็นคนที่มีอำนาจมาก ปราสาทของเขาไม่เคยมีคนผ่านไปได้ และนอกจากนั้นเขายังมีกองทัพของตัวเองไว้คอยเป็นกองหนุน เขาร่ำรวยมาก และมีกองกำลังทหารรับจ้างที่พร้อมจะทำตามคำสั่งของเขาตลอดเวลา สตรีนางไหนที่เขาซื้อไป เขาจะเก็บไว้ ไม่มีทางที่เจ้าจะได้ตัวนางมาง่าย ๆ ดังนั้นจงกลับไปยังที่ ๆ เจ้าจากมา นางไปแล้ว”

อีเร็คกดคบมีดแน่นเข้าจนเริ่มมีโลหิตซึม และเจ้าของซ่องร้องออกมา

“ลอร์ดคนนี่อยู่ที่ไหน?” อีเร็คเกรี้ยวกราด หมดความอดทน

“ปราสาทของเขาอยู่ทางตะวันตก ใช้ประตูเมืองด้านตะวันตก แล้วไปจนสุดถนน เจ้าจะได้เห็นปราสาท แต่มันเสียเวลาเปล่า เขาจ่ายค่าตัวนางอย่างงาม มากกว่าที่นางคู่ควรเสียอีก”

อีเร็คทนมาพอแล้ว เขาเชือดคอชายเจ้าของซ่องโดยไม่หยุดคิดเลย โลหิตไหลไปทุกทาง เมื่อชายคนนี้ไหลลงจากเก้าอี้ลงไปนอนตาย

อีเร็คมองดูที่ศพ และลูกน้องสองคนที่ไม่ได้สติ และรู้สึกรังเกียจสถานที่นี้ทั้งหมด เขาแทบไม่อยากรู้ว่ามันมึอยู่จริง

อีเร็คเดินข้ามห้องไปแล้วเริ่มตัดเชือกที่ล่ามสตรีทั้งหลายออก เขาตัดเชือกเส้นหนาปล่อยพวกนางเป็นอิสระทีละคน หลายคนกระโดดลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ประตู ในไม่ช้าคนในห้องก็เหลือน้อยลง ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปที่ประตู บางคนอาจจะเมายาเกินกว่าจะขยับตัว ส่วนคนอื่น ๆ ก็เข้ามาช่วย

“ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร” สตรีนางหนึ่งบอกแก่อีเร็ค เมื่อนางหยุดอยู่ที่ประตู “ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง และไม่ว่าท่านกำลังจะไปที่ไหน ขอให้พระเจ้าช่วยเหลือท่านด้วย

อีเร็ครู้สึกซาบซึ้งกับน้ำใจและคำอวยพร แต่เขากลับรู้สึกห่อเหี่ยว สถานที่ ๆ เขากำลังจะไป อาจจะต้องการมันก็ได้

เสียงร้องแห่งเกียรติยศ

Подняться наверх